สินสมรส เป็นเหตุ เมียขอแบ่ง-ผัวฉุน! รัวยิงดับก่อนฆ่าตัว

สินสมรส เป็นเหตุ เมียขอแบ่ง-ผัวฉุน! รัวยิงดับก่อนฆ่าตัว

นับเป็นอีกเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว เมื่อผู้เป็นสามีตัดสินใจยุติปัญหาที่คาราคาซังมานานด้วยอาวุธปืน

ผลจบลงด้วยชีวิตที่ต้องดับสิ้นไปของตัวเองและภรรยา ต่อหน้าลูกชายที่รีบมาห้ามปราม แต่ก็ไม่ทันการณ์


เหตุการณ์สลดนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.อนันต์ เหมือนเพชร ร้อยเวร สน.ดอนเมือง รับเเจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ที่หน้าบ้านเลขที่ 314/326 หมู่บ้านดอนเมืองวิลล่า ซอยสรงประภา 16 เเขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม.


ภายหลังรับแจ้งจึงประสานแพทย์ นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกลาง ร่วมรุดไปที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ต.ภาคภูมิ บุญเจริญ พานิช สว.สส.สน.ดอนเมือง และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู


บริเวณหน้าบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น เลขที่ 314/326 พบศพนางชไมพร นาคนัทที อายุ 59 ปี สภาพนอนหงายสวมเสื้อลายสกอตสีแดงดำ สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน


มีบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณแก้มขวาทะลุหูซ้าย กลางหลังทะลุรักแร้ขวา และข้อมือซ้าย ใกล้ศพมีปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่ 1 ปลอก


ส่วนบริเวณพื้นโรงจอดรถภายในบ้านเลขที่ 314/330 ที่อยู่ติดกัน พบกองเลือดและปลอกกระสุนปืนชนิดเดียวกันตกอยู่อีก 4 ปลอกพร้อมหัวกระสุนปืน 2 หัว


นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกยิงอีกรายคือ นายไพโรจน์ พิพัฒน์ศรี อายุ 62 ปี สามีนางชไมพร โดยเป็นผู้ก่อเหตุใช้ปืนยิง นางชไมพรจนเสียชีวิต แล้วตัดสินใจใช้ปืนกระบอกเดียวกันลั่นไกหวังฆ่าตัวตาย โดยลูกชายและอาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัย ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพลไปก่อนแล้ว แต่ถึงมือหมอได้ไม่นานนายไพโรจน์ก็สิ้นใจ


"เมื่อช่วงประมาณ 9 โมงเช้า เห็นนางชไมพรมาหานายไพโรจน์ เพื่อตกลงกันเรื่องสินสมรส หลังจากมีปัญหากันแล้วได้ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นได้ระยะหนึ่ง แต่ตกลงกันไม่ได้จนเกิดทะเลาะกันเสียงดัง ได้ยินนางชไมพรข่มขู่ว่าจะเผาบ้าน เพื่อนข้างบ้านจึงโทรศัพท์ ไปแจ้งตำรวจเพื่อให้มาระงับเหตุ และได้เชิญตัวทั้ง 2 คนไปตกลงกันที่สน.ดอนเมือง แต่ทั้งคู่ก็ยังตกลงกันไม่ได้ หลังนายไพโรจน์กลับมาบ้าน นางชไมพรก็ได้ย้อนกลับมาที่บ้านอีกครั้งเช่นกัน โดนทั้งคู่มีปากเสียงกันอีกรอบ จนกระทั่งนายไพโรจน์ใช้ปืนไล่ยิงนางชไมพรตั้งแต่ในบ้าน ก่อนมาล้มลงเสียชีวิตอยู่หน้าบ้าน ส่วนนายไพโรจน์ใช้ปืนยิงตัวเองล้มฟุบจมกองเลือดอยู่ ในบ้าน" เพื่อนบ้านให้การ


ขณะที่ลูกชาย อายุ 32 ปี พนักงานบริษัทการบินไทย ให้การทั้งที่ยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า พ่อเคยเป็นพนักงานการบินไทย ฝ่ายช่างซ่อมบำรุง ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่เกิดมีปัญหาทะเลาะกันถึงขั้นแม่ต้องย้ายออกจากบ้านไป อยู่ที่อื่นนาน 7 เดือนแล้ว ส่วนตนเมื่อแต่งงานแล้วก็ได้แยกออกไปอยู่กับภรรยา ทำให้บ้านหลังนี้มีพ่อพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียว


จนกระทั่งวันนี้รู้ว่าแม่เดินทางมาหาพ่อที่บ้านเพื่อจะมาขอแบ่งสินสมรส แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ทำให้เกิดมีปากเสียงกันรุนแรง


"เมื่อผมรู้เรื่องก็รีบมาที่บ้านเพื่อห้ามพ่อกับแม่ไม่ให้ทะเลาะกันแ ต่ปรากฏว่าขณะที่ยืนอยู่หน้าบ้าน จู่ๆ ได้ยินเสียงปืนดังออกมาจากในบ้าน จากนั้นเห็นแม่วิ่งหนีออกมาจากในบ้าน โดยมีพ่อถือปืน วิ่งไล่ยิงตามหลังจนมาล้มฟุบอยู่บนถนนหน้าบ้าน จึงรีบวิ่งไปพยายามเรียกแม่ที่นอนนิ่งอยู่ ไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด เมื่อหันไปดูก็เห็นว่าพ่อใช้ปืน ยิงตัวเองล้มฟุบอยู่ในบ้าน จึงรีบพาส่งโรงพยาบาล แต่ก็เสียชีวิตในที่สุด"


บ่อยครั้งที่ปัญหาครอบครัวนำมา ซึ่งความสูญเสีย เพราะความไม่เข้าใจไม่ใส่ใจและการใช้ความรุนแรงเป็นตัวตัดสินความถูกผิด จนลืม นึกย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นในการครองคู่ ใช้ชีวิต ทำงานสะสมเงินทองทรัพย์สินมาด้วยกัน


หากหยุดคิดสักนิด เรื่องราวอาจไม่จบลงด้วยความสูญเสียหรือลุกลามบานปลายกลายเป็นความตายในที่สุด


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์