สังคมเน่า-ยุคไอที คลิปวิดีโอระบาด!แฟชั่นโหดนร.หญิง

คอลัมน์ สดจากสนามข่าว /ข่าวสด

ภาพคลิปวิดีโอศึกนักเรียนหญิงตบตีเหยื่อรุ่นน้องแล้วบังคับให้ก้มกราบเท้า สร้างความสลดหดหู่ให้กับคนเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองยิ่งนัก

หลายคนภาวนาขออย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับลูกตัวเอง!?!


ภาพที่สื่อมวลชนนำเสนอ เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมของวัยรุ่น ที่จำเป็นต้องเร่งเยียวยาแก้ไข ก่อนจะเกิดเป็นปัญหาบานปลาย

หลายฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไขไม่ใช่โยนความผิด เพราะนับวันเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งจะแพร่หลายกลายเป็นแฟชั่นลุกลามไปทั่ว


หากเป็นเรื่องดีงามก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นเรื่องเสียหายหรือเป็นการกระทำอันโหดร้าย แล้วเกิดกระแสนิยมทำกันต่อๆ กันไป เมื่อนั้นปัญหาใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ

คลิปวิดีโอดังกล่าวเปิดเผยจากผู้ปกครองเด็กนักเรียนพาณิชยการ(พีแบค) ตั้งอยู่ที่ถนนพัทยา-นาเกลือ หมู่ 5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่บังเอิญไปพบภาพเหล่านี้ในมือถือลูกสาว จึงนำมาร้องเรียนผู้สื่อข่าวเป็นสื่อกลางให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาก่อนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

คลิปมือถือแยกเป็น 2 ไฟล์ กินความยาว 48 วินาที เหตุเกิดภายในห้องเรียน มีโต๊ะเก้าอี้วางอยู่เต็มห้อง รอบๆ ตัวเหยื่อมีกลุ่มนักเรียนหญิงและชายยืนล้อมรอบประมาณ 10 คน มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งใช้มือตบหน้าและกระทืบเหยื่อไม่ยั้งจนทรุดลงไปกองกับพื้น สลับกับจิกผมกระชากเหยื่อมาตบ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น นอกจากนี้ หนึ่งในกองเชียร์ ยังตะโกนบอกให้มือตบจับหัวเหยื่อฟาดเก้าอี้อีกด้วย

เมื่อนักเรียนสาวตบเหยื่อจนสะใจแล้ว เพื่อนในกลุ่มได้บอกให้มือตบยื่นเท้าออกมา เพื่อให้เหยื่อสาวกราบเท้าขอโทษ เหยื่อสาวรีบปฏิบัติตามโดยดี จากนั้นนักเรียนหญิงมือตบพูดทิ้งท้ายกับเหยื่อว่า "มึงอย่าปีนเกลียวกับกูอีก" "จบนะ" ท่ามกลางสายตาของพรรคพวกที่ยืนคุมเชิงอยู่ หลังจากนั้นหนังในคลิปจึงสิ้นสุดลง

ใครเห็นเป็นต้องอึ้ง!?!

เรื่องนี้จบลงที่พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผบช.ภ.2 สั่งตรวจสอบหาที่มาที่ไปเป็นการด่วน พบว่าสาเหตุมาจากปัญหาแย่งทอมกัน โดยก่อนหน้านี้มีทอมคนหนึ่งมาจีบรุ่นพี่ปวช. ปี 3 แต่พอเห็นเหยื่อจึงเกิดปิ๊งเข้าไปจีบ รุ่นพี่รู้เรื่องเลยแค้นเรียกรุ่นน้องมาตบสั่งสอน และให้กราบเท้าขอโทษข้อหาปีนเกลียว ในที่สุดตำรวจสั่งดำเนินคดีรุ่นพี่มือตบกับเพื่อนอีก 2 คน ในข้อหาทำร้ายร่างกายมีโทษจำคุก 3 ปี

ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องอีกหรือไม่อยู่ระหว่างขยายผล


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์กว้างขวาง ถึงแม้ทางโรงเรียนจะออกมาอ้างว่าก่อนหน้านี้มีการเชิญผู้ปกครองนักเรียนคู่กรณี และนักเรียนทั้งหมด 15 คนมารับทราบปัญหา พร้อมไกล่เกลี่ยให้ผู้ปกครองกับเด็กมาทำความเข้าใจกันแล้ว แต่ภาพที่ปรากฏออกมาก็สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอทางสังคมอย่างเห็นได้ชัด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน!??


หลังจากคลิปวิดีโอเด็กพาณิชย์ตีกันเผยแพร่ได้เพียง 2 วัน ปรากฏว่ามีคลิปวิดีโอจากที่อื่นๆ โผล่ตามมาอีกมากมาย

ที่จ.นครนายก คลิปวิดีโอตบตีกันระหว่างนักเรียนหญิงชั้นม.ปลายกับม.ต้นของโรงเรียนแห่งหนึ่ง กำลังระบาดอย่างหนักโหลดใส่มือถือกันหลายที่หลายโรงเรียน คลิปวิดีโอดังกล่าวมีความยาว 49 วินาที เหตุเกิดที่ริมถนนสายเปลี่ยวแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครนายก ทั้งสองฝ่ายตบกันท่ามกลางกองเชียร์รายล้อม และในช่วงบ่ายวันที่ 27 มิ.ย. เกิดเหตุนักเรียนหญิงชั้นม.ปลายของโรงเรียนแห่งหนึ่งนัดตบตีคู่อริที่สี่แยกสามสาว ทางเข้าตัวเมืองนครนายก งานนี้ก็มีการถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้อีกเช่นกัน

ขณะที่จ.ชัยนาท ก็มีคลิปวิดีโอนักเรียนหญิงตบกันระบาดไปทั่ว ในคลิปมีความยาวเกือบ 2 นาที เป็นภาพของนักเรียนหญิงสองคนสวมชุดสีชมพูและสีเขียว นุ่งกางเกงวอร์ม กำลังตบกันนัว ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนนักเรียนที่ยืนรายล้อมส่งเสียงเชียร์ดังลั่น

ระบาดจนเป็นแฟชั่นไปแล้ว!??

แนวทางแก้ไขปัญหา นายมนตรี สินทวิชัย หรือ "ครูยุ่น" เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก อดีตส.ว.สมุทรสงคราม ออกมากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการประจานกัน เป็นการไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น สะท้อนให้เห็นความย่ำแย่ของสังคม มีความน่ากลัวอยู่ในตัว สังคมนักเรียนกำลังมีปัญหา การแก้คงต้องย้อนกลับไปดูที่พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2546 ที่ออกมาเพื่อให้ความคุ้มครองเด็ก แต่ผู้ใหญ่กลับนำไปใช้ผิด ใช้อำนาจครอบงำ ทำให้เด็กไม่มีทางออก และที่หนักไปกว่านั้นบางครั้งผู้ใหญ่ก็ทำเป็นตัวอย่างเสียเอง

การแก้จึงต้องแก้ที่ต้นเรื่อง!?!


ขณะที่นางกิ่งแก้ว อินหว่าง รองผอ.สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) มองว่า โรงเรียนจะต้องทบทวนบทบาท ครูประจำชั้น ครูแนะแนว ต้องเร่งทำความเข้าใจกับนักเรียนในทุกเรื่อง ผู้ปกครองก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย

การใช้เทคโนโลยีจากโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องถ่ายคลิปวิดีโอจะมีในโทรศัพท์เกือบทุกรุ่น ซึ่งเด็กนำมาใช้ไม่ถูกทาง เจ้าของค่ายมือถือหรือหน่วยงานที่ดูแล เช่น กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ น่าจะมีอำนาจในการระงับการให้บริการหรือมีระบบตรวจสอบกลั่นกรองไม่ให้เกิดโทษภัยกับเด็ก

"ทางที่ดีน่าจะมีการระงับยับยั้งการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว หรือตรวจสอบการส่งคลิปวิดีโอ หากเป็นการละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นก็น่าจะแจ้งความดำเนินคดีและฟ้องร้องให้เป็นคดีตัวอย่างไปเลย"

ต้องช่วยกันก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปกว่านี้


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์