สะพานชุ่ย โครงเหล็ก30ตัน ถล่มใส่รถ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. พ.ต.ท.เฉลิมยศ หอมสกล สวส.สภ.เมืองนนทบุรี สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์

รับแจ้งมีเหตุคานเหล็กหล่อแบบสะพานขนาดใหญ่ร่วงกระแทกใส่รถยนต์เสียหาย บริเวณที่ก่อสร้างสะพานพระนั่งเกล้า 2 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ต.บางกระสอ ไปตรวจสอบ พบกลุ่มคนงานก่อสร้างของบริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างสะพานดังกล่าว ยืนมุงดูรถปิกอัพโตโยต้า รุ่นวีโก้ ทะเบียน บง 1619 มุกดาหาร จอดอยู่ใต้ สะพานจุดก่อสร้าง สภาพด้านขวาพังเป็นแถบถึงกระโปรงหน้า โดยมีนายพงศกร ไพบูลย์ชิต อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 469/203 หมู่บ้านเด่นชัย ถนนแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ คนขับ ยืนมองสภาพรถด้วยสีหน้าตกใจ 

ห่างกันเล็กน้อยมีโครงเหล็กหล่อแบบสะพานมีขนาดความยาวประมาณ 15 เมตร กว้าง 6 เมตร หนัก 30 ตัน หลุดร่วงลงมา

โดยอีกด้านยังมีตัวยึดล็อกแขวนไว้ กีดขวางการจราจร ส่งผลให้ถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออกติดขัดวินาศสันตะโรยาวหลายกิโลเมตร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดการจราจร เพื่อให้บริษัทรับเหมานำรถเครนขนาดใหญ่มายกคานเหล็กออกจากพื้นผิวจราจร โดยใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ  สอบปากคำนายพงศกร โชเฟอร์ที่เฉียดตายชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด ให้การว่า ขณะขับรถนำสินค้าไปส่งให้ลูกค้า บริเวณใต้สะพานพระนั่งเกล้าฝั่งขาออก ถึงจุดเกิดเหตุใต้สะพานกำลังก่อสร้าง วินาทีนั้นเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น เมื่อโครงเหล็กขนาดใหญ่ด้านหนึ่งตัวยึดหลุดร่วงลงมากระแทกแท่งคอนกรีตที่ใช้กั้นถนนเสียงดังสนั่น แรงปะทะทำให้คอนกรีตพุ่งกระแทกเข้าใส่รถเสียงดังโครม และมีรถคันหลังที่ขับตามกันมาเหยียบเบรก หักหลบกันโกลาหลด้วยความตกใจ จากนั้นอีกสักพัก ปรากฏว่ามีแผ่นเหล็กบางส่วนร่วงหล่นมาใส่ที่กระบะท้ายอีกครั้ง
 

“ตอนนั้นผมคิดว่าคงตายแน่นอนแล้ว กระทั่งแผ่นเหล็กนิ่งสนิท แต่อีกด้านยังแขวนโตงเตง รีบเปิดประตูจะหนีออกจากรถ แต่ประตูด้านคนขับเสียหายยับเยินทำให้เปิดไม่ได้ เลยไปลงประตูอีกด้านแทน” นายพงศกร กล่าวด้วยสีหน้าระทึก

หลังเกิดเหตุ ทางวิศวกรที่รับผิดชอบโครงการสั่งคนงานให้เคลื่อนย้ายรถหลบเข้าไปที่เกาะกลางถนนทันที

โดยไม่รอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือบริษัทประกันของรถมาตรวจสอบหรือถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามวิศวกรถึงสาเหตุที่ทำให้คานเหล็กหล่นลงมา แต่ถูกปฏิเสธว่า ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ต้องรอผลตรวจสอบก่อนและต้องใช้เวลา พร้อมรับปากว่าทางบริษัทยินดีที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดให้กับเจ้าของรถ  ขณะที่ พ.ต.ท.เฉลิมยศกล่าวว่า สำหรับเรื่องคดี จะเรียกทางกรมทางหลวงชนบท ในฐานะเจ้าของโครงการ และตัวแทนบริษัทผู้รับเหมามาสอบปากคำอีกครั้ง สำหรับข้อหาที่จะดำเนินคดีกับผู้รับเหมาคือ เป็นผู้ประกอบวิชาชีพในการออกแบบควบคุมหรือก่อสร้าง ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือกระทำการใดๆที่น่าจะเป็นอันตรายแก่ บุคคลอื่น ส่วนรถปิกอัพที่เสียหาย ได้ประสานกับบริษัทประกันรถมาดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากบริษัทผู้รับเหมาต่อไป 

สำหรับการก่อสร้างสะพานแห่งนี้กลายเป็นจุดอันตรายอีกแห่งในย่านที่มีการจราจรพลุกพล่าน

เนื่องจากบนสะพานที่ก่อสร้างมีวัสดุก่อสร้างถูกวางระโยงระยางชวนให้หวาดเสียวว่าจะร่วงหล่นลงมาทับรถที่วิ่งอยู่ด้านล่าง เพราะไม่มีอุปกรณ์การป้องกันรองรับวัสดุที่ร่วงลงมา โดยเฉพาะ โครงเหล็กหล่อแบบสะพานมีทั้งหมด 8 ชุด ฝั่งละ 4 ชุด แต่ละชุดหนัก 30 ตัน ส่วนพื้นล่างมีการกั้นพื้นที่ผิวจราจรให้แคบลง จากเดิมวิ่งได้ 2 เลน บังคับให้เหลือ 1 เลนก่อนขึ้นสะพาน แถมไม่มีการตีเส้นแบ่งการจราจร หรือป้ายบอกเส้นทางที่ชัดเจน พื้นผิวไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง การจราจรติดขัดตลอดทั้งวันจนเป็นที่เอือมระอาของประชาชนที่สัญจรไปมา
 

นายโชคชัย (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ใช้รถใช้ถนน กล่าวว่า

บ้านอยู่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ปกติใช้เส้นทางดังกล่าวเดินทางไปทำงานเป็นประจำ ทุกครั้งที่ขับรถถึงช่วงที่กำลังก่อสร้างสะพานพระนั่งเกล้า 2 ยอมรับว่ากลัวมาก เพราะจุดดังกล่าวถือเป็นจุดอันตรายมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเช้าและช่วงเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนเดินทางไปกลับที่ทำงาน นอกจากจะพบกับปัญหารถติดเนื่องจากถนนถูกบีบเหลือ 1 เลนแล้ว ขณะจอดรถติดอยู่ใต้โครงเหล็กขนาดใหญ่ ยังต้องคอยนั่งลุ้นกันแบบใจจดใจจ่อ เพราะไม่มั่นใจว่าคานขนาดยักษ์ที่อยู่เหนือศีรษะจะถล่มลงมาทับเอาตอนไหน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าโชคดี  หากคานร่วงลงมาในช่วงเช้าและเป็นวันทำงาน เชื่อว่าต้องเกิดเหตุโศกนาฏกรรมตายหมู่แน่นอน ส่วนช่วงกลางคืนเท่าที่สังเกตการควบคุมงานไม่มีมาตรฐานที่ดีพอ ปล่อยให้ประกายไฟจากการเชื่อมเหล็กกระจายตกใส่หลังคารถของผู้สัญจรไปมา อยากจะขอเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบช่วยดูแลความปลอดภัยให้มากกว่านี้ หากปล่อยไว้เช่นนี้  เชื่อว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมตายหมู่ขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง