สลดทรพีฆ่าแม่ เหล็กตีดับคามือ

โมโหจัดไม่ให้ตีพ่อ ชาวบ้านห้ามไม่ทัน

สลดใจ! ลูกทรพีคว้าท่อนเหล็กกระหน่ำตีแม่บังเกิดเกล้าดับคามือ

เหตุเพราะโมโหจัดที่ห้ามไม่ให้ตีพ่อ หลังทะเลาะกันอย่างรุนแรงแค่เรื่องย้ายโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน ชาวบ้านเห็นโดดช่วยห้าม แต่ไม่ทันการ แฉเคยติดยานรกหนักถึงขั้นประสาทหลอน ตำรวจล็อกสอบรับสิ้นไส้ ส่งเข้าซังเตใช้กรรม
   
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 ส.ค. พ.ต.ต.โสภณ สารสุวรรณ สวส.สภ.แสวงหา จ.อ่างทอง

รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายที่บ้านเลขที่ 48/2 หมู่ 10 ต.แสวงหา อ.แสวงหา จึงรีบไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.แสวง จันทร์สว่าง สวป.และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูจุดแสวงหา ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูง พบชาวบ้านจับกลุ่มยืนวิพากษ์วิจารณ์อยู่หน้า   บ้าน โดยที่ใต้ถุนบ้านใกล้บันได พบรอยเลือดกระเซ็นเปรอะเลอะไปทั่วบริเวณ โดย  มีนายวิโรจน์ มุกทอง อายุ 30 ปี นั่งถือท่อนเหล็กยาวเปื้อนเลือด รอมอบตัวอยู่ เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางและควบคุมตัวไปสอบปากคำ ส่วนผู้บาดเจ็บมีผู้นำส่ง รพ.แสวงหา ทราบชื่อนางชะลอ มุกทอง อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นมารดาแท้ ๆ ของนายวิโรจน์ มีบาดแผลแตกฉกรรจ์ที่เหนือกกหูและกะโหลกแตก อาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
   
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายวิโรจน์ ได้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรงกับนายเฉลียว มุกทอง อายุ 58 ปี พ่อแท้

เรื่องการย้ายโต๊ะม้าหินหน้าบ้าน ซึ่งหลังปะทะคารมกับลูกชายอยู่พักใหญ่นายเฉลียว ได้   เดินเลี่ยงขึ้นไปนอนบนบ้าน ทำให้นายวิโรจน์ โกรธมากเดินข้ามถนนหน้าบ้านไปหยิบท่อนเหล็กดังกล่าว หวังใช้ทำร้ายพ่อตัวเอง แต่นางชะลอ ที่นั่งทำดอกไม้ประดิษฐ์อยู่ใต้ถุนบ้าน ซึ่งเห็นเหตุการณ์โดยตลอดได้กระโดดเข้าห้าม ทำให้นายวิโรจน์ ไม่พอใจอย่างมาก หันกลับมากระหน่ำตีแม่บังเกิดเกล้าอย่างบ้าคลั่ง จนชาวบ้านในละแวกนั้นต้องรีบเข้ามาห้ามปราม นำตัวนางชะลอ ส่ง รพ.ดังกล่าว
   
ด้าน พ.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า จากการสอบสวนนายวิโรจน์ ให้การรับสารภาพ

ซึ่งจากการสอบพยานแวดล้อมทราบว่านายวิโรจน์ เคยติดยาบ้างอมแงมถึงขั้นประสาทหลอน ต้องเข้ารับการรักษาตัวใน รพ.ศรีธัญญา เมื่อออกมาก็ไม่ได้ทำงานอะไร แม่ให้เงินใช้วันละ 20 บาท ทั้งยังต้องหาข้าวปลาอาหารให้กินทุกวัน เพราะรักลูกมาก ซึ่งเหตุที่เกิดสร้างความสะเทือนใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก
   
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ควบคุมตัวส่งดำเนินคดีตาม
กฎหมายชดใช้กรรมต่อไป.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์