ศาลสั่งจำคุก 3 ผู้นำม็อบข้าวนาปรังเชียงราย 6 เดือนเหตุปิดถนน

3 ผู้นำม็อบข้าวนาปรังเชียงรายอึ้ง ศาลตัดสินจำคุก 6 เดือนไม่รอลงอาญา ยกเหตุไม่ยำเกรงกฎหมาย ก่อความเดือดร้อนต่อสาธารณะกีดขวางการจราจร แต่ที่ "อุดรฯ" กลุ่มอนุรักษ์ยังปิดถนนกดดันพ่อเมืองเลิกโครงการเหมืองโพแทส อีกกลุ่มขวางทางรถไฟที่พัทยา

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวประจำ จ.เชียงราย รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ศาลจังหวัดเชียงรายได้มีคำพิพากษาจำคุกนายอำพล เวียงสิมา อายุ 32 ปี ส.ต.อ.ภูชิชย์ โสลา อายุ 50 ปี และนายมานิตย์ คำปุก อายุ 33 ปี เป็นเวลา 1 ปี  ฐานฝ่าฝืน พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ร.บ.จราจรทางบก และร่วมกันโฆษณาโดยการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ปรับคนละ 200 บาท หลังจากนำเกษตรกรใน อ.พาน จ.เชียงราย ไปปิดถนนสายเชียงราย-พาน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องราคาข้าวนาปรังตกต่ำเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสามรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิพากษามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 100 บาท


คำพิพากษาระบุโดยสรุปว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง

ฐานปิดกั้นถนนและจอดรถกีดขวางทางจราจรบนทางหลวง ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 ซึ่งมีโทษหนักที่สุดคือลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันโฆษณาโดยการใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาตปรับคนละ 200 บาท และศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่สาธารณประโยชน์โดยส่วนรวม และไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมือง ดังนั้น เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง จึงเห็นสมควรไม่ให้รอการลงโทษจำเลยทั้ง 3 คน


พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า คดีดังกล่าวถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับการชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ

ซึ่งจะต้องอยู่ในกรอบกฎหมายกำหนด ไม่ก้าวล่วงสิทธิของผู้อื่น ทางตำรวจมีความรู้สึกเข้าใจและเห็นใจประชาชนที่ออกเรียกร้อง แต่เมื่อพบเห็นการกระทำผิดกฎหมาย ตำรวจจึงจำเป็นต้องดำเนินคดีทุกรายไม่มียกเว้น ดังนั้น หากจะชุมนุมเรียกร้องสิทธิใดๆ ตามรัฐธรรมนูญอีกก็ขอให้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อจะได้อำนวยความสะดวกให้ถูกต้อง หากเดินทางไปศาลากลางจังหวัดได้จะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะมีหลายฝ่ายช่วยประสานงานฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องไปปิดถนน และขั้นตอนก็ไม่ซับซ้อน เพียงแต่แจ้งให้เจ้าหน้าที่บนศาลากลางได้รับทราบก่อนในเบื้องต้นเท่านั้น



ขณะที่ศาลจังหวัดเชียงรายเพิ่งตัดสินจำคุกแกนนำม็อบข้อหาปิดถนนชุมนุมไปหมาดๆ ปรากฏว่าเมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (24 ก.ค.)

กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กว่า 200 คน นำโดยนายประจวบ แสนพงษ์ นางมณี บุญรอด ได้นำประชาชนมากางเต๊นท์ปักหลักปิดถนนมิตรภาพ บ้านนาทองคำ ต.หนองไผ่ อ.เมืองอุดรธานี ขาไป จ.ขอนแก่น 1 ช่องทาง พร้อมนำรถติดเครื่องขยายเสียงปราศรัยโจมตีนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด หลังจากเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลุ่มอนุรักษ์เข้าพบนายอำนาจขอให้ยกเลิกการประชุมคณะอนุกรรมการทำความเข้าใจให้ข้อมูลเหมืองแร่โพแทช แต่ได้รับการปฏิเสธ กลุ่มจึงตัดสินใจปักหลักชุมนุมยื้อเยื้อเพื่อให้นายอำนาจมาพบ ต่อมา นายอำนาจมาเจรจากว่า 30 นาที จนบรรลุข้อตกลงกันได้ กลุ่มจึงเลิกปิดถนน
  

นางมณีกล่าวว่า ได้ยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.ขอให้ยุติการทำงานของอนุกรรมการ 2.ให้มาคุยกับชาวบ้านเรื่องแนวทางการจัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสังคมและสุขภาพ 3.ขอให้ไม่เอาผิดกับชาวบ้าน ซึ่งนายอำนาจรับปาก

นายอำนาจกล่าวว่า ข้อเรียกร้อง 2 ข้อแรกจะทำรายงานเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มีนายสมพร ใช้บางยาง รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานทราบ เพื่อพิจารณา ส่วนข้อ 3 จะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้

ที่ จ.ชลบุรี บริเวณชานชาลาสถานีรถไฟเมืองพัทยา ชาวบ้านชุมชนริมทางรถไฟเมืองพัทยากว่า 100 คน นำโดยนายสุไรมาน บินมูซอ อายุ 53 ปี และ จ่าเอกไพบูลย์ ไซ้ฮวดเจริญ อายุ 64 ปี นำรถตู้โฟล์กมาจอดขวางทางรถไฟ พร้อมให้ชาวบ้านยืนขวางทางรถไฟ เรียกร้องให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ต่อสัญญาเช่าพื้นที่อยู่อาศัยต่อไป จนนายสถานีรถไฟต้องระงับการวิ่งรถไฟ 6 ขบวน ต่อมานายชุพนธิ์ กมลนาถ เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองพัทยาเข้าเจรจากับผู้ชุมนุม และตกลงจะไปเจรจาร่วมกับทุกฝ่ายในวันที่ 30 กรกฎาคม เวลา 13.00 น. ผู้ชุมนมพอใจยอมเปิดเส้นทางรถไฟ

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์