ศาลชี้‘ชาติชาย’แท็กซี่นปช. ถูกยิงตายจากกระสุน

ศาลชี้‘ชาติชาย’แท็กซี่นปช. ถูกยิงตายจากกระสุน

ศาลชี้‘ชาติชาย’แท็กซี่นปช. ถูกยิงตายจากกระสุนกลุ่มเจ้าพนง.ด่านตรวจ ถ.พระราม4

ที่ห้องพิจารณา 501 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 วันที่ 17 ธ.ค.55 เวลา 11.00น. ศาลอ่านคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพ หมายเลขดำ ช.6/2555 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิตของนายชาติชาย ชาเหลา อายุ 25 ปี ชาวสุรินทร์ อาชีพรับจ้างและขับแท็กซี่ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด และเหตุพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.150 ซึ่งนายชาติชาย เสียชีวิตขณะในการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 13 พ.ค.53 เวลากลางคืน

โดยศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ระหว่างวันที่ 12 มี.ค. - 19 พ.ค.53 กลุ่ม นปช. ชุมนุมเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นประกาศยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่นายกฯ ปฏิเสธคำเรียกร้อง กลุ่ม นปช.จึงชุมนุมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง มีการขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังสี่แยกราชประสงค์ ถ.เพลินจิต ถ.พระราม 1 ถ.พระราม 4 กระทั่งเมื่อวันที่ 7 เม.ย.53 รัฐบาลพิจารณาเห็นว่าการชุมนุมดังกล่าวก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ จึงออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขต กทม.และอีกหลายพื้นที่ โดยนายกฯ ออกคำสั่งที่ พิเศษ 1/2553 จัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีนายสเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.ศอฉ. มีข้าราชการทหาร ตำรวจและพลเรือน เป็นผู้ช่วยผอ. และคำสั่งพิเศษที่ 2/2553 แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงานหัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และมีอำนาจเช่นเดียวกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และได้ออกข้อกำหนดโดยประกาศของ ศอฉ. ห้ามกระทำการต่างๆ เพื่อให้เจ้าพนักงานสามารถปฏิบัติหน้าที่แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้

โดยระหว่างวันที่ 13 พ.ค.2553 เวลา 06.00 น. ถึงวันที่ 14 พ.ค.2553 เวลา 06.00 น. ศอฉ.มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานซึ่งมีอาวุธประจำการ ได้แก่ ปืนเล็กยาวเอ็ม 16 , ปืนเล็กสั้นเอ็ม 653 , ปืนเล็กยาวแบบ 11(เอชเค 33) , ปืนลูกซอง และปืนพก ออกไปตั้งด่านแข็งแรงบริเวณ ถ.พระราม 4 ซึ่งวันที่13 พ.ค. 2553 เวลาประมาณ 21.00 น. ระหว่างเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ ผู้ตายกับพวกซึ่งเป็นผู้ชุมนุม นปช.ได้รวมตัวกันและทยอยเคลื่อนที่เข้าหาด่านตรวจแข็งแรงของเจ้าพนักงาน โดยยิงพลุและตะไลเข้าใส่เจ้าพนักงาน ขณะที่ผู้ตายถือกล้องถ่ายวิดีโอถ่ายภาพไว้ ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น กระสุนปืนถูกศีรษะด้านหน้าของผู้ตายทะลุด้านหลัง แล้วไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

ปัญหาต้องวินิจฉัยมีเพียงว่า เหตุและพฤติการณ์แห่งการตายของผู้ตายเป็นอย่างไร เห็นว่าผู้ร้องมีเจ้าหน้าที่กู้ชีพของวิชรพยาบาล ประจักษ์พยานยืนยันว่าเห็นแสงที่เชื่อว่าเป็นกระสุนปืนมาจากแนวตั้งด่านของฝ่ายเจ้าพนักงาน ซึ่งพยานเป็นคนกลางไม่มีส่วนได้เสียกับฝ่ายใด เชื่อว่าพยานเบิกความตามความจริงที่รู้เห็นมา เมื่อรับฟังประกอบความเห็นของพยานผู้เชี่ยวชาญ เชื่อได้ว่าวิถีกระสุนมาจากทางแยกศาลาแดง แนวตั้งด่านตรวจแข็งแรงของเจ้าพนักงาน อีกทั้งจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้บริษัท กฤษณา มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และอาคารอื้อจือเหลียง ถ.พระราม 4 ซึ่งบริเวณนั้นมีเพียงเจ้าพนักงานตั้งด่านตรวจแข็งแรง และเจ้าพนักงานมีอาวุธประจำกาย ได้แก่ ปืนเล็กยาวเอ็ม 16 , ปืนเล็กสั้นเอ็ม 653 , ปืนเล็กยาวแบบ 11 (เอชเค 33) , ปืนลูกซอง และปืนพก ดูแลพื้นที่ตามคำสั่ง ศอฉ.และด้านหลังแนวตั้งด่านตรวจแข็งแรงของเจ้าพนักงานเป็นบังเกอร์ ซึ่งบุคลภายนอกไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ ยกเว้รถพยาบาลเท่านั้น

เมื่อไม่ปรากฏจากการไต่สวนว่ามีบุคคลฝ่ายที่ 3 เข้ามาก่อเหตุใดๆ อีกทั้งกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) ที่ยิงมาถูกผู้ตายก็เป็นกระสุนปืน ขนาดเดียวกับกระสุนปืนที่ใช้กับอาวุธเล็กยาวเอ็ม 16 , ปืนเล็กสั้น เอ็ม 653 และปืนเล็กยาวแบบ11 (เอชเค 33) ที่เจ้าพนักงานใช้ประจำการณ์ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในที่เกิดเหตุ พฤติการณ์จึงเชื่อได้ว่า กระสุนดังกล่าวถูกยิงมาจากกลุ่มเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ด่านตรวจแข็งแรง โดยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้กระทำ

ศาลจึงมีคำสั่งว่า ผู้ตายคือนายชาติชาย ชาเหลา ถึงแก่ความตายที่ร.พ.จุฬาฯ ถ.พระราม 4 เขตปทุมวัน กทม. เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2553 เวลา 23.37 น. โดยเหตุและพฤติการณ์การตายสืบเนื่องมาจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด ขนาด .223 (5.56 ม.ม.) เป็นเหตุให้สมองฉีกขาดร่วมกับกะโหลกศีรษะแตกอย่างมาก ซึ่งวิถีกระสุนปืนมาจากแนวด่านตรวจแข็งแรงของเจ้าพนักงาน ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบ ถ.พระราม 4 โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ

ภายหลังศาลมีคำสั่งแล้ว นางพลอน ขบวนงาม มารดานายชาติชายผู้ตาย ได้ถือรูปผู้ตายมาพร้อมให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจที่ศาลมีคำสั่งออกมาแล้ว โดยครอบครัวได้รับการเยียวยาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลแล้ว และยังไม่ได้คิดว่าจะฟ้องกลับเจ้าหน้าที่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นางพลอนเดินทางมาพร้อมกับบุตรชาย รวมทั้งน.ส.สุดารัตน์ ภรรยาของนายชาติชาย ซึ่งนางพลอนถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อกล่าวถึงบุตรชาย

ทั้งนี้สำหรับคดีของนายชาติชาย เป็นสำนวนแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งออกมา หลังจากศาลอาญา มีคำสั่งออกมาแล้ว 2 สำนวน คือ คดีของนายพัน คำกอง และนายชาญณรงค์ พลศรีลา ซึ่งสำนวนชันสูตรศพกลุ่ม นปช.ที่อัยการส่งสำนวนทั้งศาลอาญา และศาลอาญากรุงเทพใต้ ไต่สวนการเสียชีวิต มีประมาณ 19 ราย

โดยในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก จะมีคำสั่งคดีไต่สวนสาเหตุการเสียชีวิตของ ด.ช.ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา อายุ 14 ปี ที่ถูกยิงจากด้านหลังทะลุเข้าช่องท้องเสียชีวิต บริเวณสถานีแอร์พอร์ตลิงก์ ซ.หมอเหล็ง หน้าโรงภาพยนตร์โอเอ ถ.ราชปรารภ เมื่อกลางดึกวันที่ 15 พ.ค.2553 ด้วย

และในวันที่ 16 ม.ค.2556 เวลา 09.00 น.ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำสั่งไต่สวนสาเหตุการเสียชีวิตของนายบุญมี เริ่มสุข อายุ 71 ปี ซึ่งถูกยิงที่ย่านบ่อนไก่ บริเวณท้อง ด้านซ้ายกระสุนตัดลำไส้เล็กขาดตอน เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2553 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 ก.ค.2553 ช่วงที่รักษาตัว


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์