วิดีโอมัดรอจับมือเผาปัตตานี หวั่นโจรใต้ป่วน ช่วงเลือกตั้งใหญ่

วิดีโอมัดรอจับมือเผาปัตตานี หวั่นโจรใต้ป่วน ช่วงเลือกตั้งใหญ่

นักวิชาการชี้สถานการณ์ใต้ตึงเครียดช่วงเลือกตั้ง หวั่นมือที่สามสบโอกาสช่องว่างป่วนซ้ำ ด้าน ส.ว.นราฯ เตือนสติรัฐบาลรักษาการ อย่าห่วงหาเสียงจนลืมแก้ปัญหาปล่อยร้อนระอุ ขณะที่นัก ก.ม.มุสลิมยอมรับหลัง "หมอพรทิพย์" ถอนตัวชาวบ้านถอดใจไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม ส่วนผู้ว่าฯ ปัตตานีประกาศกัดไม่ปล่อยมือเผาการไฟฟ้าภูมิภาคสายบุรี เตรียมจู่โจมรังแกนนำ-แนวร่วมดำเนินคดี หลังแกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิด ส่วนเหตุรายวันมีซุ่มยิงชาวบ้านดับ สาวนั่งซ้อนท้ายเจ็บ

ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงผนวกกับเหตุการณ์รุนแรงในภาคใต้ที่ร้อนระอุ ภายหลังโจรใต้ก่อเหตุบึ้ม 2 ลูกซ้อน ทหารชุดคุ้มกันครูนราฯ บาดเจ็บ 3 ราย ขณะที่ปัตตานีไม่น้อยหน้าส่ง 4 มือมืดลอบเผาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสายบุรีสร้างความปั่นป่วนเสียหายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม นักวิชาการด้านสันติวิธีและนักกฎหมายมุสลิมออกโรงเตือนทิศทางของปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้งว่าจะตึงเครียดมากขึ้น


นักวิชาการใต้ชี้ไฟใต้ช่วงเลือกตั้งตึงเครียด

นายอัฮหมัด สมบูรณ์ บัวหลวง นักวิชาการด้านสันติวิธีและหนึ่งในคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สามารถช่วยคลี่คลายปัญหาสถานการณ์ในพื้นที่ได้ แต่จะทวีความรุนแรงและมีแนวโน้มตึงเครียดมากกว่าเดิม เพราะประชาชนในพื้นที่รู้คำตอบอยู่ในใจถึงรากเหง้าของปัญหาว่า เกิดจากความผิดพลาดของนโยบายรัฐบาล

โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่จะเข้าไปสวมรอยเติมเชื้อความตึงเครียด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สาม ที่สี่ หรือบุคคลที่ห้าก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ทำให้ความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลทักษิณหมดลง และยังเป็นการบีบคั้นประชาชนให้มีทางเลือกเดียว ฉะนั้นการเดินเกมของรัฐบาลที่ผ่านมาผิดพลาดอย่างมาก และถือเป็นการโยนบาปให้ประชาชน แทนที่จะเปิดโอกาสให้มีทางเลือกมากกว่านี้ เพราะการเมืองใหญ่ๆ เช่น พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ได้ส่ง ส.ส.ลงสมัคร


ทนายมุสลิมชี้การเมืองส่งผลคดีเพิ่ม

ด้านนายอรัญ ปานเจริญ ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม กล่าวว่า ปัญหาความไม่สงบที่เริ่มปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่อเค้าว่าจะรุนแรงขณะนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยทางด้านการเมืองเป็นส่วนสำคัญที่ฝ่ายตรงข้ามออกมาปั่นป่วนพื้นที่ทำให้มีคดีเพิ่มมากขึ้น และอุปสรรคที่สำคัญนับต่อจากนี้ไป คือ การถอนตัวของ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และลูกทีมสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2549 ที่ผ่านมา หลังจากลงมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2548


ยอมรับหลังหมอพรทิพย์ถอนตัวทำงานลำบาก

นายอรัญ กล่าวต่อว่า ช่วงที่ทีมนิติวิทยาศาสตร์อยู่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ทำให้สามารถคลี่ปมคดีของปัญหาไปได้มาก และที่สำคัญสามารถปลดล็อกความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจของชาวบ้านที่มีต่อเจ้าหน้าที่ได้ดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรม ซึ่งต้องการนำมาเป็นกลไกสำคัญในการดึงมวลชนกลับมาเป็นส่วนหนึ่งในการคืนสันติสุขสู่พื้นที่ แต่ต่อมาเมื่อ 1-2 เดือนก่อน หลังคุณหญิงพรทิพย์ถอนทีมทำงานทั้งหมดออกไป การนำข้อมูลเชิงลึกมาใช้พิจารณาคดีไม่สามาถทำได้ ปมความรู้สึกในใจชาวบ้านที่ตั้งแง่ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากฝ่ายรัฐเริ่มกลับมาอีกครั้ง

"งานด้านการพิสูจน์หลักฐานตามแบบของนิติวิทยาศาสตร์ ขณะนี้ในพื้นที่ก็ไม่มีผู้เชี่ยวชาญอีกต่อไป ปัญหาก็จะถูกสุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นได้จากปรากฏการณ์ลักษณะตาต่อตา ฟันต่อฟัน เช่น ปิดล้อมจับตัวใครต่อใครเป็นตัวประกัน ทำให้ต้องตระหนักอย่างยิ่งว่า จากนี้ไปหลักฐานทั้งหมดคนที่สามารถตรวจสอบและพิสูจน์เชิงลึกได้คือตำรวจฝ่ายเดียวเท่านั้น เมื่อกำหนดนโยบายไม่ตรงกับปัญหา ชายแดนใต้จึงหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่สถานะของผู้นำก็ไม่อำนวยให้มีความพร้อมที่จะเข้าใจสภาพปัญหาอย่างแท้จริง ซึ่งจะส่งผลระยะยาวให้ปัญหาเรื้อรังอย่างแน่นอน" นายอรัญ กล่าว


ส.ว.นราฯ ชี้รัฐบาลรักษาการอย่าทิ้งไฟใต้

นายอูมาร์ ตอยิบ ส.ว.นราธิวาส กล่าวว่า ผลพวงจากการชุมนุมกู้ชาติเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ส่งผลให้สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะที่เปราะบางอย่างมาก เนื่องจากกระแสประชาชนแบ่งออกเป็นสองฝ่าย มีทั้งฝ่ายสนับสนุนการชุมนุม และฝ่ายคัดค้านและสนับสนุนนายกรัฐมนตรี ซึ่งจากนี้ไปจะทำให้บ้านเมืองเกิดความอึดอัด และจะมีการออกโรงมาโจมตีทางความคิดของทั้งสองกลุ่ม ซึ่งผลพวงดังกล่าวอาจจะทำให้งานบริหารบ้านเมืองบางเรื่องต้องต้องชะงัก

"ยิ่งมีการเลือกตั้ง ทุกฝ่ายต่างมุ่งเป้าไปที่การหาเสียง จนลืมว่าความรุนแรงเริ่มคุกรุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะช่องว่างที่เกิดจากปัจจัยการเมืองยิ่งถ่างให้คนร้ายก่อเหตุง่ายขึ้น จึงขอเตือนรัฐบาลรักษาการว่า อย่าทิ้งปัญหาชายแดนภาคใต้อย่างเด็ดขาดในช่วงนี้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะสั่นคลอนเสถียรภาพของประเทศได้ในยามที่การเมืองปั่นป่วน" นายอูมาร์ กล่าว

นายอูมาร์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่เป็นห่วง เนื่องจากหลายโครงการในพื้นที่ภาคใต้มีคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้ทำหน้าที่ดูแลและติดตามผลอยู่ หากสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ในภาวะเช่นนี้ ผู้เกี่ยวข้องหลายรายอาจไม่มีเวลาติดตามความคืบหน้าโครงการ รวมถึงโครงการใหม่ๆ ที่ถูกเสนอจากพื้นที่อาจต้องชะลอไว้ก่อน ทั้งที่บางเรื่องไม่สามารถรอได้ จึงต้องการให้ผลสรุปคำตอบของสถานการณ์บ้านเมืองออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อกำหนดทิศทางดับไฟใต้ได้ชัดเจน

ทูตสันติภาพชี้การเมืองทำไฟใต้กระพือหนัก

นายสุริยะ ตะวันฉาย ทูตสันติภาพมูลนิธิดอกไม้และนกกระดาษเพื่อสันติภาพ กล่าวว่า สถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น สืบเนื่องจากภาวะทางการเมือง ที่ขณะนี้หน่วยงานความมั่นคง โดยเฉพาะระดับผู้บังคับบัญชาจะพุ่งเป้าจับตามอง ทำให้ช่องว่างในพื้นที่เปิดมากขึ้น ผู้ก่อความไม่สงบจึงก่อเหตุในอัตราและจำนวนที่ถี่และเพิ่มมากขึ้น ทำให้เหตุการณ์เริ่มระอุขึ้นอีกครั้ง

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ผลพวงจากปัญหาด้านการเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้ ประกอบกับภาวะความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ทำให้สังคมแห่งนี้มีลักษณะที่กระด้างกระเดื่องอย่างมาก ส่งผลให้งานมวลชนเพื่อเข้าหาประชาชน และโน้มน้าวแนวร่วมที่หลงผิดให้กลับตัวกลับใจคืนสู่สังคมเพื่อร่วมพัฒนาบ้านเมืองอีกครั้ง เป็นงานที่หนักและยากยิ่งกว่าเดิมถึงเท่าตัว

ทูตสันติภาพรายนี้ ยังกล่าวอีกว่า วันที่ 5 มีนาคมนี้ จะนำตัวแนวร่วมที่มีส่วนเกี่ยวกับคดีเผาเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงคดีเผาวัดและทำร้ายพระวัดพรหมประสิทธิ์ที่ปัตตานีมารายงานตัว โดยแนวร่วมกลุ่มนี้เต็มใจจะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งกลุ่มแนวร่วมนี้ไม่ต้องการถูกดำเนินการภายใต้กรอบ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน


มั่นใจหลักฐานเร่งสืบสวนออกหมายจับ

พ.ต.อ.อรุณ กุลสิรวิช เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.) กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอยู่ระหว่างการใช้เทคนิคพิเศษ เพื่อขยายภาพบันทึกโทรทัศน์วงจรปิดของสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสายบุรี จ.ปัตตานี หลังจากจับภาพกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ผ่านกระบวนการฝึกหลักสูตรอาร์เคเค ลอบวางเพลิงจนเสียหาย เมื่อคืนวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.อรุณ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดให้สาธารณชนทราบได้ว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นแนวร่วมจากพื้นที่ใด และใครเป็นผู้นำกลุ่ม เนื่องจากระยะหลังกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีการเปลี่ยนแผน โดยเปลี่ยนเป้าหมายการก่อเหตุเป็นการเลือกสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ชุมชน หรือพื้นที่สีเขียว เพื่อแสดงศักยภาพ รวมถึงสร้างความสับสนต่อประชาชนให้รู้สึกว่าปัญหาเริ่มรุนแรงทุกหย่อมหญ้า ซึ่งความจริงเป็นเพียงการปรับเปลี่ยนยุทธการเพื่อต่อกรกับรัฐเท่านั้น


เตรียมบุกรวบตัวแกนนำถึงรัง

เจ้าหน้าที่รายนี้กล่าวต่ออีกว่า จากภาพวิดีโอวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ไว้มีหลักฐานภาพใบหน้าปรากฏชัดเจน และรู้ตัวแล้วว่าเป็นใคร พร้อมออกหมายจับเร็ววันนี้ และเตรียมแผนเข้าจู่โจมถึงรังแน่นอน คาดว่าจะสามารถรวบทั้งขบวนการที่ลงมือปฏิบัติสร้างความปั่นป่วนในพื้นที่ได้อย่างแน่นอน

"เหตุที่เขากล้าลงมืออย่างโหดเหี้ยม เพราะที่ผ่านมามักไม่มีหลักฐานที่สามารถบันทึกชัดเจน แต่ขณะนี้กล้องวงจรปิดติดตั้งเกือบครบทุกจุด โดยเฉพาะพื้นที่ล่อแหลมที่มักเลือกลงมือก่อเหตุบ่อยครั้ง เชื่อว่าหลังจากนี้คงไม่กล้าย่ามใจบุกเข้ามาปฏิบัติการเช่นนี้อีก" พ.ต.อ.อรุณ กล่าว


ผู้ว่าฯ ปัตตานีประกาศกัดไม่ปล่อยมือเผา

นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยความคืบหน้าหลังคนร้ายก่อเหตุวางเพลิงสถานที่ราชการ-เอกชน รวม 14 จุด เมื่อเช้ามืดวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา ล่าสุดรู้ตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุแล้ว ซึ่งเป็นแนวร่วมที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ปะนาเระ และ อ.สายบุรี จากการสอบสวนเชิงลึกพบว่า การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐที่ปิดบัญชีแกนนำคนสำคัญที่ตระเวนก่อเหตุใน จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

"ผมยืนยันว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวจนถึงวันนี้ สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 3 ราย และขอประกาศเลยว่า คนร้ายที่ลงมือเผาอาคารสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสายบุรี จะตามกัดไม่ปล่อยแน่นอน เพราะมีหลักฐานชัดเจนมาก" ผู้ว่าฯ ปัตตานี กล่าว

นายภาณุ กล่าวต่อว่า ปฏิบัติการครั้งนี้คนร้ายมีเป้าลอบเผาสถานที่ต่างๆ ใน จ.ปัตตานี 31 จุด แต่ลงมือก่อเหตุบรรลุเป้าหมายได้เพียง 14 จุด โดยหลักฐานที่สามารถตรวจยึดในที่เกิดเหตุส่วนใหญ่มีการเตรียมการไว้แล้ว เช่น กระสอบป่านชุบน้ำมัน หรือแกลลอนบรรจุน้ำมัน แต่เจอการจัดเวรยามที่เข้มงวด จึงมีการปะทะ ฝ่ายตรงข้ามจึงต้องถอยฉาก ส่วนความเสียหายเฉพาะของหน่วยงานราชการ จ.ปัตตานี มีมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ส่วนภาคเอกชนยังไม่มีการแจ้งตัวเลขความเสียหายให้จังหวัดทราบ


พร้อมติดวงจรปิด 2,000 จุดสกัดบึ้ม

ผู้ว่าฯ ปัตตานี กล่าวต่อว่า โรงเรียนบ้านท่าด่าน หมู่ 3 ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง คนร้ายลอบวางเพลิงเป็นครั้งที่สามแล้ว เบื้องต้นจากการสอบสวนได้ทำทัณฑ์บนผู้ใหญ่บ้าน และเตือนว่าหากเกิดเหตุครั้งที่สี่ จะต้องถูกลงโทษสถานหนักฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่ซ้ำซาก ขณะที่แรงงานที่จัดจ้างให้ดูแลความปลอดภัย รับเงินเดือนจากรัฐเดือนละ 4,500 บาท ปลดแล้ว เนื่องจากปล่อยให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่

นายภาณุ กล่าวว่า ขณะนี้เตรียมติดตั้งกล้องวงจรปิดพื้นที่ จ.ปัตตานี อีก 2,000 จุด โดยมีกำหนดเเล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนภาคเอกชนย้ำให้เร่งดำเนินการแล้วเช่นเดียวกัน เพราะถือเป็นแนวทางที่สามารถอุดช่องโหว่ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามก่อเหตุได้ง่ายขึ้น


ซุ่มยิงชาวบ้านดับส่วนสาวนั่งซ้อนท้ายเจ็บ

เมื่อเวลา 12.48 น. วันที่ 4 มีนาคม ร.ต.ท.กฤษณะ เข็มกลัดทอง พนักงานสืบสวนสอบสวน สภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนถูกยิงบนถนนสายในหมู่บ้านปอเนาะ-บ้านโคกสยา หมู่ 7 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จึงพร้อมด้วยกำลังตำรวจเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นสวนยางพารา พบชายนอนเสียชีวิต มีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน กรน 377 นราธิวาส จอดอยู่ข้างๆ

ตรวจสอบทราบชื่อผู้ตาย คือ นายอัสมันเดช สาและ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/1 บ้านตลิ่งสูง หมู่ 9 ต.สุไหงปาดี โดนยิงด้วยอาวุธปืนอาก้า กระสุนเข้าบริเวณร่างกายหลายแห่ง และมีผู้บาดเจ็บเป็นหญิงอีกราย แต่นำตัวส่งโรงพยาบาลสุไหงปาดีก่อนหน้า คือ น.ส.อายีลือนา อาแว อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 144 บ้านจาแบปะ หมู่ 6 ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี อาการสาหัส เนื่องจากคมกระสุนโดนบริเวณร่างกายหลายแห่ง

จากการสอบสวนทราบว่า นายอัสมันเดชขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพัก โดยมี น.ส.อายีลือนา เพื่อนสาวนั่งซ้อนท้ายมาด้วย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายซึ่งซุ่มอยู่ข้างทางยิงปืนใส่คนทั้งคู่ จากนั้นจึงหลบหนีไป ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเป็นฝีมือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์