ลุงยืนยัน นศ.โสมโหดป่วย ออทิสติก

ยังเป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างไม่ขาดปาก สำหรับคดีฆาตกรรมหมู่สะท้านโลก ที่นายโช ซง ฮุย นักศึกษาชาวเกาหลีใต้ วัย 23 ปี

สังหารหมู่อาจารย์และนักศึกษา 32 ศพ

ภายในมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค เมืองแบล็ก สเบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย ก่อนปลิดชีวิตตัวเองหนีความผิดเป็นศพที่ 33 จนกลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก และต่อมาเมื่อวันที่ 18 เม.ย. สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ได้เผยแพร่

คลิปวีดิโอและภาพของนายโช

ขณะกล่าวถ้อยคำระบายความรู้สึกเคียดแค้นชิงชังบรรดาคนร่ำรวย ซึ่งเป็นภาพที่นายโชถ่ายไว้ก่อนจะไปก่อคดีสังหารโหด แล้วส่งไปยังสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีหลังสังหารเพื่อนนักศึกษาแล้ว 2 ศพ ทำให้เงื่อนงำการสังหารหมู่ครั้งนี้คลี่คลายลง โดยตำรวจเชื่อว่านายโชก่อคดีเพราะแรงกดดันทางด้านจิตใจ

ต่อมาเมื่อวันที่ 20 เม.ย.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าคดีนี้ว่า นางคิม ยัง ซุน ป้าของนายโช ซึ่งอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ เปิดเผยอดีตของนายโชเมื่อวัยเยาว์ว่า เป็นคนไม่พูดไม่จาแม้กระทั่งกับแม่หรือกับคนในครอบครัว เป็นเด็กเฉยชามาก

กระทั่งครอบครัวนายโชอพยพไปอยู่สหรัฐฯ

พ่อและแม่นายโชจึงแจ้งแก่ ญาติทางเกาหลีใต้ว่าลูกชายมีอาการออทิสติก หรือพัฒนา การทางสมองแตกต่างจากเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งสร้างความวิตกกังวลแก่พ่อและแม่นายโชอย่างต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับนายคิม ลุงของนายโช

ก็ยืนยันข้อมูลดังกล่าว แต่ระบุไม่มีสัญญาณใดบ่งชี้ว่าเขามีปัญหาใช้ ความรุนแรง แต่เขาอาจเงียบขรึมเกินไป ความกังวลใจดังกล่าว ทางครอบครัวก็พยายามกระตุ้นให้นายโชพูดเยอะขึ้น

ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว

นายโช นายคิมได้กล่าวขอโทษญาติผู้เสียชีวิตและพลเมืองอเมริกันที่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุ นายคิมยังไม่สามารถติดต่อแม่ของนายโช ซึ่งเป็นน้องสาวของเขาได้เลย

ขณะที่คริส เดวิดส์ เพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยโรงเรียน

มัธยมเวสต์ฟิลด์ของนายโช เปิดเผยถึงอุปนิสัยของนายโชว่า เป็นคนมีปัญหาในการพูดและขี้อาย จึงมักถูกกลั่นแกล้งและล้อเลียนจากเพื่อน ครั้งหนึ่งเขาต้องอ่านออกเสียงหน้าชั้น

ทำให้เพื่อนๆต่างหัวเราะน้ำเสียงแปลกๆ ห้าวลึก

และพูดเหมือนอมอะไรไว้ในปากของเขา ถึงขนาดเพื่อนบางคนพูดล้อเลียนว่า กลับเมืองจีนไปได้แล้ว

ข่าวระบุด้วยว่า หลังเกิดเหตุร้ายขึ้นที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้ส่งกำลังอารักขาความปลอดภัยแก่พ่อแม่และพี่สาวของนายโช อย่างไรก็ดี นายลี แต ซิก เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำสหรัฐฯ ไม่เปิดเผยว่าขณะนี้ครอบครัวของนายโชอยู่ที่ไหน มีเพียงรายงานว่าครอบครัวนี้ต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆทุกวัน

ขณะเดียวกัน การที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีเผยแพร่

คลิปวีดิโอและภาพถ่ายของนายโชที่ตัวเขาเป็นคนส่งให้ ทางสถานี นอกจากสร้างความตกตะลึงแก่ผู้ชมทั่วโลกแล้ว ยังทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านความรุนแรงวิตกว่า

ภาพเหล่านั้นอาจสร้างแรงบันดาลใจ

ให้กลุ่มวัยรุ่นที่มีอาการทางจิตกระทำการเลียนแบบ เพราะการกระทำของนายโชทำให้ได้รับความสนใจจากสื่ออย่างกว้างขวาง และทำให้ กลายเป็นคนดังในชั่วพริบตา

นายริชาร์ด คอลโค โฆษกสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐฯ

(เอฟบีไอ) ระบุถึงการรายงานข่าวแบบเกาะติดของสื่อ อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดการเลียนแบบ ดังจะเห็นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 วัน หลังเกิดเหตุร้ายที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค

โดยที่รัฐมินเนโซตา เท็กซัส และแคลิฟอร์เนีย

รวมถึงโรงเรียนหลายแห่งในเมืองยูบา ทางเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ห่างจากซาคราเมนโต เมืองหลวงของรัฐราว 64 กม. ต่างพากันปิดล็อกโรงเรียนเพื่อความปลอดภัยของนักเรียนที่มีอยู่ราว 12,000 คน

หลังเจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนียตามล่าหาชายวัย 28 ปี

ชื่อเจฟฟรีย์ คาร์นีย์ ซึ่งมีปืนเอเค-47 เป็นอาวุธและได้โทรศัพท์ข่มขู่ว่าจะก่อเหตุคล้ายกัน และจะทำให้เหตุการณ์ที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค กลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย รายงานระบุ นายคาร์นีย์เคยถูกจับหลายครั้ง และสันนิษฐานว่าที่ข่มขู่ครั้งนี้คงมาจากฤทธิ์ของการเสพยาบ้า

ความเคลื่อนไหวของทางรัฐเวอร์จิเนีย นายทิม เคน

ผู้ว่าการรัฐ ประกาศให้วันศุกร์ที่ 20 เม.ย. เป็นวันไว้อาลัยแก่เหยื่อเคราะห์ทั้ง 32 ราย ขณะที่พิธีศพเหยื่อเคราะห์ร้าย ซึ่งหลายรายเป็นชาวต่างชาติ ต่างถูกทยอยนำไปประกอบพิธี

รวมทั้งนักศึกษาชาวอียิปต์ อินโดนีเซีย

และศาสตราจารย์ชาวอิสราเอล วัย 76 ปี ที่ช่วยปกป้องลูกศิษย์ให้พ้นจากคมกระสุนมรณะของนายโชได้ถึงราว 20 คน

บรรดานักจิตวิทยาต่างออกมาวิเคราะห์พฤติกรรมโหดเหี้ยม

ของนายโช ซง ฮุย กันหลากหลายความคิดเห็น อาทิ ศาสตราจารย์เจมส์ อลัน ฟ็อกซ์ ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับอาชญากรรม 16 เล่ม รวมถึงหนังสือชี้แนวทางทำนายผู้ก่อเหตุร้าย ระบุผู้ก่อเหตุรุนแรงลักษณะนี้ มักได้

รับความเจ็บปวดอะไรในชีวิตมาก่อน

และมักส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าจะก่อเหตุร้าย อาทิ มีพฤติกรรมแปลกๆ ตำหนิติเตียนคนอื่น หรือแสดงเจตนาต้องการแก้แค้น ซึ่งกรณีนายโช คาดว่ามีการเตรียมการก่อเหตุล่วงหน้ามานานหลายเดือนแล้ว จนกระทั่งตัดสินใจซื้ออาวุธปืน 2 กระบอก และก่อเหตุไล่ยิงเหยื่อด้วยความสุขุมไม่สะทกสะท้าน

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ