ลิซ่า หายเหนื่อย! ศาลจำคุก บก.FHM กล่าวหาเล่นกลบนเตียง

ลิซ่า หายเหนื่อย! ศาลจำคุก บก.FHM กล่าวหาเล่นกลบนเตียง

น.ส.อุมา ไพบูลย์พันธ์ หรือลิซ่า ไปรพิศ

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 21 พฤศจิกายน 2549 12:30 น.

นักมายากลสาว ลิซ่า ชนะคดีฟ้องหมิ่น FHM ลงรูปเปลือย เล่นกลบนเตียง 19 ลีลาเด็ด ศาลสั่งคุก 3 เดือน ปรับ 5 หมื่น บก.FHM โทษคุกรอลงอาญา 2 ปี จำเลยที่ 2-7 ยกฟ้อง เจ้าตัวเผยรู้สึกหายเหนื่อยทันที เตรียมอุทธรณ์เรียกค่าเสียหายเพิ่ม

วันนี้ (21 พ.ย.) เวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 611 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่ น.ส.อุมา ไพบูลย์พันธ์ หรือลิซ่า ไปรพิศ ดารานักมายากลสาวชื่อดังคู่หูฟิลิปส์ หรือนายเฉลิมสวรรค์ ไพบูลย์พันธ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ผู้บริหารและผู้จัดทำหนังสือ FHM ประกอบด้วย นายปกรณ์ ตันศิริ บรรณาธิการ, บ.อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย, นายวิลักษณ์ โหลทอง, นายวรรคสร โหลทอง, นายพงษ์ศักดิ์ ผลอนันต์, นายยอดชาย ขันธะชวนะ และนายสานิต บูรณวิทยานนท์ กรรมการบริษัท ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1- 7 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และ พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 พร้อมกับเรียกค่าเสียหายจำนวน 5 ล้านบาท

คดีนี้ฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อเดือน มี.ค. 48 บ.อินสไพร์ฯ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหนังสือแมกกาซีน FHM ได้ตีพิมพ์ภาพโป๊เปลือยของโจทก์ และลงข้อความอันเป็นการโฆษณาที่หมิ่นประมาทโจทก์ โดยมีข้อความว่า เล่นกลบนเตียง Be a magician in bed นึกออกไหมว่า ถ้าน้องลิซ่าอยู่บนเตียง...คุณจะเริ่มต้นยังไงดี FHM ภูมิใจเสนอ 19 ลีลารากับสุดยอดนักมายากลที่ขอรับรองว่า สาวของคุณต้องเสียวซ่านจนไม่อยากคลานลงจากเตียงทีเดียว ซึ่งข้อความดังกล่าว ถือว่าเป็นการจงใจใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง

นายปกรณ์ ตันศิริ บรรณาธิการแมกกาซีน FHM

ในวันนี้ จำเลยทั้ง 7 มาศาล ขณะที่ลิซ่า โจทก์ไม่มาศาล มีเพียงน้องชายและทนายความมารับฟังคำพิพากษา ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่จำเลยนำภาพโป๊เปลือยไปตีพิมพ์ในนิตยสาร แม้จะไม่ใช่ภาพของโจทก์จริง แต่ข้อความที่ระบุชื่อโจทก์ว่า ลิซ่า นักมายากล ไว้ประกอบภาพดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ว่าภาพและข้อความประกอบเป็นตัวของโจทก์จริง ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ และการงาน นอกจากนี้ อาจทำให้ผู้ที่เป็นสามีเกิดความระแวงคลางแคลงใจ ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นการกล่าวอ้างเกินข้อเท็จจริง และไม่สร้างสรรค์ ซึ่งสื่อไม่สมควรที่จะนำมาตีพิมพ์เผยแพร่

นอกจากนี้ การที่จำเลยที่ 1 เบิกความว่าได้นำข้อความดังกล่าวมาจากนิตยสารของประเทศอังกฤษ และไม่มีคนแปลจึงนำไปให้นักแปลอิสระแปลให้ แต่จำเลยไม่มีหลักฐานเอกสารการว่าจ้างการแปลหนังสือดังกล่าวมาแสดง ทำให้พยานหลักฐานจำเลยเลื่อนลอยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจกท์ได้ แต่ถึงอย่างไร จำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นบรรณาธิการของนิตยสารซึ่งจะต้องมีหน้าที่คัดเลือก กลั่นกรองข้อความที่จะไม่ผิดต่อกฎหมายและจรรยาบรรณ ดังนั้นจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามฟ้อง

ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลบริษัทจำกัด และจำเลยที่ 3-7 เป็นกรรมการและเป็นผู้จัดจำหน่ายสิ่งพิมพ์ดังกล่าว ศาลเห็นว่าไม่มีหลักฐานที่จะยืนยันว่า จำเลยที่ 2-7 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328, พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 418 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 3 เดือน ปรับ 50,000 บาท และลงข้อความขอโทษโจทก์ในนิตยสาร FHM ฉบับรายเดือน 1 ครั้ง แต่เนื่องจากจำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นบรรณาธิการ จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-7 ให้ยกฟ้อง

หนังสือที่เป็นต้นเหตุของการฟ้องร้อง

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายปกรณ์ จำเลยที่ 1 ได้เดินออกจากห้องพิจารณาคดีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ขณะที่นายสุเขต กุลสารภูษิต ทนายความของจำเลยกล่าวว่า จำเลยทั้งหมดเคารพในคำพิพากษาของศาล แต่ไม่มีเจตนาใส่ร้ายกล่าวหาลิซ่าให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งหลังจากนี้จะต้องปรึกษากันอีกครั้งและน่าจะใช้สิทธิอุทธรณ์คดีต่อไป ส่วนเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายให้กับโจทก์นั้นต้องขึ้นกับว่าโจทก์จะอุทธรณ์คดีต่อหรือไม่ และคงต้องสู้คดีกันต่อไป

ขณะที่ลิซ่า เมื่อทราบข่าวว่าชนะคดีจึงได้เดินทางมาที่ศาลอาญาภายหลังมีคำพิพากษา โดยให้สัมภาษณ์ว่าตนท้องเสียตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ยังอ่อนเพลียจึงให้น้องชายมาฟังคำพิพากษาแทน ซึ่งน้องชายได้โทรศัพท์ไปบอกว่าชนะคดีแล้วตนจึงรีบมาและรู้สึกดีใจมากๆ และรู้สึกว่าหายเหนื่อย หายป่วยทันที

ดีใจที่ศาลให้ความเป็นธรรม และพิสูจน์ได้แล้วว่านักมายากลที่ชื่อลิซ่าของไทยมีคนเดียว และวันนี้ลิซ่าก็ยังเป็นลิซ่าคนเดิม เพราะรู้ว่าตอนนี้ชนะแล้วดีใจมาก ซึ่งหลังจากนี้จะปรึกษากับผู้ใหญ่ว่าอาจจะมีการอุทธรณ์เรียกค่าเสียหายด้วย เพราะที่ผ่านมาทำให้ตนได้รับความเสียหายมาก เสียเวลาและได้รับการว่าจ้างงานแสดงลดลงมากด้วย ซึ่งที่ผ่านมาเวลาที่ตนเองออกเดินสายแสดงมายากล มักมีคนพูดจาเสียดสีเนื่องจากที่ตนถูกนิตยสารฉบับดังกล่าวเขียนหมิ่นประมาทกล่าวหาตนเล่นกลบนเตียง ทั้งนี้ ลิซ่า กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้เคยยอมที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยคดีกับนายปกรณ์แล้ว แต่ฝ่ายจำเลยไม่ยอม ตนจึงต้องดำเนินคดีต่อไปให้ถึงที่สุดเพราะตนเองเป็นฝ่ายได้รับความเสียหาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ขณะที่อยู่ระหว่างพิจารณา ศาลได้แนะนำคู่ความให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันแล้วโดยศาลเห็นว่าจำนวนเงิน 5 ล้านบาทที่โจทก์เรียกนั้นสูงเกินไป จะลดลงเหลือ 5 แสนได้หรือไม่ ขณะที่ฝ่ายจำเลยแถลงยินยอมชดใช้ให้แค่ 3 แสนบาท แต่ลิซ่าไม่ยอมจึงไม่สามารถตกลงกันได้ จึงต้องดำเนินคดีต่อไปจนศาลมีคำพิพากษาในที่สุด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์