ลั่นจับแน่!10สาวโป๊แคมฟร็อก

"เตรียมจับ 10 สาวเว็บแคม"


อธิบดีดีเอสไอสั่งสำนักคดีเทคโนโลยี รวบรวมหลักฐานภาพถ่าย ประวัติ ตลอดจนบทสนทนาของ 10 สาวโชว์โป๊ในแคมฟร็อก พร้อมนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการรับเป็นคดีพิเศษ เผยคดีนี้แม้ไม่มีเจ้าทุกข์ก็ดำเนินการได้ โดยให้ดีเอสไอเป็นเจ้าทุกข์เอง เพราะเป็นคดีอาญา พร้อมสั่งตรวจสอบเว็บลามกอื่นๆ ด้วย ด้าน"ญาณพล ยั่งยืน"รับท้าห้องจัญไร เจอกันแน่ ยันสั่งปิดได้ เตรียมประสานไอซีทีปิดตายเว็บลามกนี้

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน ผบก.สํานักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงการดําเนินการกับกลุ่มหญิงสาวที่โชว์เรือนร่างบนเว็บแคมฟร็อก ว่า ข้อมูลที่ทางดีเอสไอตรวจสอบว่ามีหญิงสาวกว่า 10 คน อาศัยเว็ปแคมฟร็อกโชว์เรือนร่างนั้น ขณะนี้ดีเอสไอได้เก็บรวบรวมหลักฐานทั้งภาพถ่ายและการสนทนาไว้หมดแล้ว พร้อมกับประสานกับกระทรวงไอซีที เพื่อให้ดําเนินการปิดเว็บดังกล่าวโดยเร็ว ทั้งนี้ ส่วนที่มีผู้ใช้บริการเว็บนี้ออกมาคัดค้านไม่ให้ปิดเว็บนั้นเราก็เห็นใจ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้จะเป็นคนที่มีการศึกษา ไม่อาศัยเว็บไปกระทําการผิดประเภท ส่วนข้อความท้าทายที่พบในเว็บห้องจัญไร ที่มีเนื้อหาท้าทายอํานาจรัฐว่าไม่กล้าปิดเว็บดังกล่าวนั้นคงต้องเจอกันหน่อย ยืนยันว่าปิดได้แน่นอน

"การตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์นี้คงต้องอาศัยผู้ที่มีความชํานาญด้านระบบไอทีเข้ามาช่วยอีกแรง โดยดีเอสไอได้ประสานกับบุคคลที่เก่งทางด้านไอทีมาช่วยในเรื่องนี้ คาดว่าจะได้ข้อมูลของผู้กระทําผิดมากกว่านี้" พ.ต.อ.ญาณพลกล่าว

"ทำประวัติแล้ว เตรียมเสนอเป็นคดีพิเศษ"


ด้านนายไกรสร บารมีอวยชัย รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้สั่งการให้พ.ต.อ.ญาณพลเร่งเก็บรวบรวมหลักฐานภาพถ่าย รวมทั้งตรวจสอบประวัติของกลุ่มหญิงสาวที่โชว์เรือนร่างผ่านเว็บไซต์ที่พบกว่า 10 รายไว้หมดแล้ว เพื่อใช้เป็นข้อมูลพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ช่วงที่มีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (คกพ.) ในต้นเดือนม.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม การดําเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่โชว์เรือนร่างนั้นถึงแม้ว่าจะไม่มีเจ้าทุกข์มาแจ้งความ ทางดีเอสไอก็สามารถเป็นเจ้าทุกข์เองได้ หากเห็นว่าพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้าข่ายกระทําความผิดต่ออาญาแผ่นดิน ทั้งนี้นอกจากเว็บไซต์แคมฟร็อกแล้ว ทางดีเอสไอก็จะดําเนินการตรวจสอบเว็บอื่นๆ ที่มีลักษณะเข้าข่ายลามกอนาจารเช่นกันด้วย

นางมณีรัตน์ ผลิรัตน์ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ทางนายไกรสร พรสุธี ปลัดกระทรวงไอซีที ได้ประชุมกับทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องถึงความคืบหน้าในการเก็บหลักฐานในเชิงเทคนิค เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้เผยแพร่เว็บแคมฟร็อกอยู่ ที่ผ่านมาทางกระทรวงไอซีทีไม่ใช่ไม่ดำเนินการเรื่องนี้ เพียงแต่ไม่สามารถพูดมากได้ เพราะกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการสืบข้อมูลในเชิงเทคนิคอยู่ ซึ่งต้องสร้างซอฟต์แวร์โปรแกรมจับข้อมูล เพื่อนำให้กับทางตำรวจไปใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีในการจับกุมหรือฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งผู้เผยแพร่ และผู้ปฏิบัติการเป็นรายๆ ไป

"ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเก็บข้อมูล ถ้าหลักฐานครบเมื่อไหร่ก็จะส่งต่อให้ตำรวจได้ทยอยจับผู้กระทำผิดต่อไป แต่ก็อยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาฯ และกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้เข้ามาช่วยกัน เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของค่านิยมที่ผิดๆ ของเด็กยุคใหม่" นางมณีรัตน์กล่าว

ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าวใด ๆ ทั้งสิ้น



"เร่งแก้ปัญหาเป็นการด่วน"


ที่กระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ได้เข้าพบหารืออย่างไม่เป็นทางการกับนายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เกี่ยวกับการปิดหรือบล็อกโปรแกรมแคมฟร็อก ที่เปิดบริการให้สมาชิกเข้าไปโชว์ลามกอนาจาร รมว.ไอซีทีได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการเร่งแก้ปัญหาโปรแกรมลามกดังกล่าวอย่างเต็มที่แล้ว กระทรวงไอซีทีมีความเป็นห่วงว่าเมื่อมีการปิดโปรแกรมเหล่านี้ ผู้ใช้บริการก็จะไปเปิดโปรแกรมใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอีก เพราะเว็บไซต์หรือโปรแกรมลามกใหม่นั้น ติดตามตรวจสอบได้ยากเหมือนกับปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดเวลา

"เมื่อคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม รับทราบข้อมูลการเฝ้าระวังโปรแกรมแคมฟร็อกของ วธ.แล้ว ก็ได้โทรศัพท์เพื่อหารือกับ รมว.ไอซีทีโดยตรงทันที ซึ่งทุกฝ่ายก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะกระทรวงไอซีที ก็ให้ความร่วมมือกับ วธ.ในการติดตามเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมเป็นอย่างดี" ปลัด วธ.กล่าว

น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวว่า ได้รวบรวมสรุปผลการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งปิดหรือบล็อกโปรแกรมแคมฟร็อกไม่ให้แพร่ระบาดไปยังกลุ่มเด็กและเยาวชนแล้ว โดยติดตามรายงานกระแสสังคมและการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนของเครือข่ายอินเตอร์เน็ตปลอดภัยสร้างสรรค์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ยื่นหนังสือต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อขอแก้ไขร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

"ร่าง พรบ."


ด้านนายปรเมศวร์ มินศิริ ผู้จัดการโครงการอินเตอร์เน็ตสีขาวเพื่อเยาวชน กล่าวภายหลังการเสวนารับฟังคิดเห็น ร่วมวิพากษ์ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.... ว่า มีการให้นิยาม ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเกี่ยวกับการกระทำผิดด้านคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต และไอซีที โดยจะต้องครอบคลุมทั้งในส่วนของผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการ โดยเฉพาะจากกรณีตัวอย่างของโปรแกรมแคมฟร็อก ที่แบ่งการให้บริการเป็น 2 ส่วน คือ ผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการห้องสนทนา ดังนั้นในทางกฎหมายจะต้องได้รับโทษและมีความผิดหากพบว่าผู้ใช้บริการกระทำลามกอนาจาร ขณะเดียวกันผู้ที่เปิดให้บริการก็จะถือว่า เป็นผู้เผยแพร่ความลามกอนาจาร ซึ่งจะต้องได้รับโทษทางกฎหมายที่มากกว่าการรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้หากร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติ (สนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำให้ในอนาคตสามารถควบคุมเว็บลามกอนาจารได้มากขึ้น

นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ภาครัฐควรจะจัดตั้งหน่วยงานและเจ้าหน้าที่เฉพาะทางที่มีความรู้ เชี่ยวชาญด้านไอซีทีเป็นอย่างดี เพื่อตรวจสอบการกระทำผิดทางซอฟต์แวร์ ที่สำคัญภาครัฐต้องให้ความคุ้มครองกับเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ โดยให้อำนาจในการตรวจค้น จับกุม และยึดของกลางของผู้ที่กระทำผิดทางคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ไม่ใช่ว่าเมื่อมีผู้เสียหายมาแจ้งความกับตำรวจ และบางทีตำรวจก็ไม่มีความรู้เรื่องไอซีที หากจะดำเนินการตรวจสอบ หรือสอบสวน จะต้องไปขอหมายจากศาลแล้วถึงกลับไปดำเนินคดีได้

"ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน"


"ศาลมิใช่ยารักษาโรค ใครเป็นอะไรแล้วจะรักษาให้หายได้ หากศาลออกหมายจับให้แต่การดำเนินการในขั้นตอนสอบสวนไม่มีหลักฐานส่งกลับมา ผู้เสียหายก็สามารถฟ้องกลับตำรวจได้ เนื่องจากการดำเนินคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางไอซีทีนั้นต้องจับกุมอย่างรวดเร็ว ถ้าต้องรอขั้นตอนจับกุมจากศาลก็จะเปิดช่องให้ผู้กระทำความผิดทำลายหลักฐานได้ ที่สำคัญจะส่งผลให้ตำรวจอาจไม่มั่นใจในการดำเนินคดีด้านไอซีทีอีกด้วย" นายทวีเกียรติกล่าว

ที่รัฐสภา นายสุริชัย หวันแก้ว สมาชิกสนช. กล่าวถึงการแพร่ระบาดของเว็บโชว์เรือนร่างผ่านโปรแกรมแคมฟร็อกว่า ไม่อยากให้ตื่นเต้นหรือเต้นแร้งเต้นกากับตัวเลขอันดับ 3 ของโลก เพราะยังมีเรื่องร้ายแรงในสังคมไทยที่อาจติดอันดับ 1-2 ของโลก โดยที่เรายังไม่ทราบแล้วก็ได้ ดังนั้น กระทรวงไอซีที หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าไปบ้าจี้ตามตัวเลขอันดับโลก เพราะประเด็นสำคัญของปัญหาคือ อินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทมากในโลกปัจจุบัน แต่ผู้ที่ดูแลเรื่องนี้กลับตามสถานการณ์ไม่ทัน ทั้งในเรื่องของการควบคุมกำกับสื่อยุคใหม่ และผู้มีหน้าที่ควบคุมสื่อเสรีนี้ที่ตอนนี้ยังตกลงกันไม่ได้ ตรงนี้สะท้อนว่านโยบายด้านวัฒนธรรม การสื่อสาร และการพัฒนาเยาวชนของบ้านเรา ยังไม่ทันสถานการณ์ วิธีแก้ไขปัญหา ควรแก้ที่ต้นเหตุคือใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็ควรเรียกมาเขามาสอบถามระดมความเห็น เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม จะได้นำไปกำหนดยุทธศาสตร์ และแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาที่ถูกจุด



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์