ร้องหมอชุ่ยผ่าตัด ลืมผ้าก๊อซในท้อง

ร้องหมอร.พ.เอกชน อ.อู่ทอง ผ่าตัดมดลูกผิดพลาดลืมผ้ากอซทิ้งไว้ในช่องท้อง จนทำพิษกลัดหนอง-ปวดท้องทรมานขึ้นทุกวัน

สุดท้ายต้องส่งผ่าตัดซ้ำร.พ.ราชวิถี ถึงรู้ว่าหมอทิ้งผ้าก๊อซไว้ในพุงคนไข้ แถมหนองทะลักออกมาเพียบร่วม 2 แก้ว มอบหมายทนายบุกสธ.ร้องเอาเรื่อง ทางด้านผอ.ร.พ.รับผิด ครวญเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เจรจาไม่เป็นผลเพราะถูกเรียกค่าเสียหายถึง 10 ล้าน ยันหมอเพิ่งพลาดหนแรก หลังจากผ่ามาแล้ว 300-400 คน

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ร.อ.โกศัย ชำนาญกิจ ทนายความจากสำนักงานทนายความ นันทน์ ชำนาญกิจและเพื่อน

พร้อมด้วยผู้เสียหายอีก 2 คน เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงสาธารณสุข หลังจากก่อนหน้านี้ เคยยื่นหนังสือร้องเรียนต่อแพทยสภา โดยมีน.พ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา รับเรื่องร้องเรียน รวมทั้งร้องต่อน.พ.ธารา ชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สธ. ระบุว่าได้รับความเสียหายจากการเข้ารับรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลวิภาวดีปิยะราษฎร์ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

ร.อ.โกศัย กล่าวว่า ได้รับติดต่อจากญาติของนางศิญามล สุวัฒนมงคลชัย อายุ 48 ปี

ให้ช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยกับโรงพยาบาลวิภาวดีปิยะราษฎร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการรักษาพยาบาล ซึ่งทางแพทยสภารับปากว่าจะดูแลให้และจะนัดเจรจาไกล่เกลี่ย แต่เมื่อได้ร้องเรียนกับผู้อำนวยการกองประกอบโรคศิลปะกลับไม่ได้การช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้รู้สึกผิดหวังอย่างมาก

ร.อ.โกศัย กล่าวว่า สำหรับการรักษาที่ผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับนางศิญามล มาจากปัญหาสุขภาพมีประจำ เดือนมากผิดปกติ และปวดท้องรุนแรง

แพทย์เจ้าของไข้ร.พ.วิภาวดีฯ จึงวินิจฉัยให้ผ่าตัดมดลูกทิ้ง โดยเข้ารับการผ่าตัดในช่วงปลายเดือนธ.ค.2549 ซึ่งหลังผ่าตัดเกิดผลข้างเคียง คือปวดท้องเป็นประจำ และปวดหนักขึ้นเรื่อยๆ สลับกับมีไข้ตลอดเวลา จึงได้ปรึกษาแพทย์คนเดิม แต่ก็ไม่ได้รับการดูแลดีเท่าที่ควร จนกระทั่งอาการเริ่มรุนแรงขึ้น แพทย์คนเดิมจึงได้ให้ไปเอกซเรย์ช่องท้อง แต่ไปเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลอื่น เพราะที่โรงพยาบาลวิภาวดีปิยะราษฎร์ ไม่มีเครื่องเอกซเรย์ช่องท้อง ผลจากฟิล์มเอกซเรย์พบก้อนกลมๆ ที่ท้องน้อย สันนิษฐานว่าเป็นเนื้องอก


ร.อ.โกศัย กล่าวว่า ต่อมาญาติของผู้ป่วยไม่มั่นใจในการรักษาของแพทย์คนเดิม

จึงได้ส่งตัวผู้ป่วยมารับรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ โดยเข้าผ่าตัดเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2550 ซึ่งญาติคนไข้ได้ขอเข้าไปร่วมดูอาการด้วยพร้อมบันทึกภาพ โดยขณะที่แพทย์ลงมีดกรีดหน้าท้อง ปรากฏว่ามีหนองไหลออกมาจำนวนมาก ประมาณ 2 แก้ว เมื่อดูดหนองออกหมดช่องท้อง ก็ต้องตกใจเพราะพบก้อนผ้าก๊อซทำแผลจำนวนหนึ่ง แพทย์สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสาเหตุทำให้คนไข้ปวดท้องเป็นประจำ

"แต่เมื่อติดต่อกลับไปยังแพทย์ที่ผ่าตัดมดลูกครั้งแรก แจ้งให้ทราบเรื่องพบผ้าก๊อซในช่องท้อง แพทย์ก็รับปากว่าจะมาเยี่ยม และจะออกค่าผ่าตัดครั้งใหม่ให้ แต่สุดท้ายก็ไม่มาและจนถึงขณะนี้ก็ไม่เคยมาเยี่ยมคุณศิญามลแต่อย่างใด แถมยังบอกด้วยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ ไม่รุนแรง"
ทนายความกล่าว

ร.อ.โกศัย กล่าวอีกว่า ทีแรกญาติคนไข้ต้องการแค่เจรจาไกล่เกลี่ยให้แพทย์ที่ผ่าตัดผิดพลาดแสดงความรับผิดชอบเท่านั้น

แต่เมื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสธ. กลับแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามใส่ ทั้งที่พวกตนเป็นผู้เดือดร้อนมาขอความเป็นธรรม กลับมาบอกว่ากระบวนการร้องเรียนไม่เกี่ยวกับตน หากต้องการให้ชดใช้หรือรับผิดชอบ ให้ไปร้องเรียนหรือฟ้องร้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเอาเอง

"เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ผมและญาติๆ ได้ตัดสินใจจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับแพทย์คนดังกล่าว ที่สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งมีความผิดอาญา และจะพิจารณาฟ้องทางแพ่งด้วย เพราะผู้เสียหายได้เสียค่าใช้จ่ายไปจำนวนมาก รวมถึงจะร้องเรียนพฤติกรรมของผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะด้วย"
ร.อ.โกศัยกล่าว

ด้านน.พ.ทรงกิจ สุทธิกาญจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิภาวดีปิยะราษฎร์ กล่าวว่า

ได้รับทราบกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทราบจากลูกสาวของผู้เสียหายที่ร้องเรียน ทางผู้บริหารของโรงพยาบาลและแพทย์ผู้ที่ทำการผ่าตัดได้เดินทางไปเยี่ยมผู้เสียหายพร้อมกับขอโทษ และยินดีชดเชยค่าเสียหายทุกอย่าง และพยายามประนีประนอมกับผู้เสียหาย แต่ก็ไม่เป็นผล อีกทั้งท่าทีของผู้เสียหายก็แข็งกร้าว และเรียกร้องค่าเสียหายสูงถึง 10 ล้านบาท ทั้งที่ภายหลังจากผู้เสียหายได้ผ่าตัดเอาผ้าซับเลือดออกจากร่างกายแล้วก็ไม่เกิดผลกระทบพิการ หรือเป็นอันตรายกับชีวิตใดๆ ทั้งสิ้น

"แพทย์ที่ดำเนินการผ่าตัดให้เป็นแพทย์ที่ดี และตลอดที่โรงพยาบาลเปิดมา 14 ปี แพทย์คนดังกล่าวผ่าตัด 300-400 ราย ก็ไม่เคยผิดพลาด เพิ่งเป็นรายแรก ทุกคนในโรงพยาบาลก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นหากเป็นเรื่องจริง อยากให้สังคมเข้าใจและให้อภัยเราบ้าง จึงอยากให้เรื่องเหล่านี้จบ เพื่อไม่บั่นทอนกำลังใจในการทำงานของแพทย์" น.พ.ทรงกิจกล่าว

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์