รื้อย้ายแผงขายของเกะกะ วิหารหลวงพ่อมงคลบพิตร

จากปัญหาการรุกล้ำเข้าไปตั้งแผงขายสินค้าบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาอย่างไร้การจัดระเบียบ

ทำลายสภาพภูมิทัศน์จนเสียหายย่อยยับ ส่งผลกระทบถึงการเสี่ยงถูกปลดออกจากการเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าวิหารพระมงคลบพิตร ที่มีการกางเต็นท์ด้านหน้าวิหารจนเต็มพรืดมองแทบไม่เห็นตัววิหาร ถึงขั้นที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว. มหาดไทย ต้องเดินทางมาดูด้วยตัวเองพร้อมทั้งสั่งให้ทางจังหวัดเร่งหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วนนั้น
  

ต่อมาเวลา
13.30 น. วันที่ 5 มิ.ย. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายปรีชา กมลบุตร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา

เป็นประธานประชุมแก้ไขปัญหาพื้นที่ร้านค้าหน้าวิหารพระมงคลบพิตร และพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยมีตัวแทนจากกรมศิลปากร เทศบาลนครนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานอัยการ ผู้แทนมูลนิธิพระมงคลบพิตร และผู้ประกอบการร้านค้าทั้งด้านข้างวิหารพระมงคลบพิตรที่ปลูกสร้างเป็นเรือนทรงไทยและร้านค้าที่กางเต็นท์ด้านหน้าวิหารพระมงคลบพิตรเข้าร่วมประชุมกันพร้อมหน้า 
 

บรรยากาศภายในที่ประชุมเป็นไปอย่างตึงเครียด เนื่องจากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่กางเต็นท์อยู่ด้านหน้าวิหารพระมงคลบพิตรระบุว่า


พวกตนเสียเงินค่าบำรุงท้องที่ อย่างถูกต้องทุกบาททุกสตางค์ ขณะที่แผงลอยที่ตั้งอยู่ริมรั้ววัดพระศรีสรรเพ็ชญ์กลับไม่ต้องเสียเงินบำรุงท้องที่ แต่หลังจากใช้เวลาเจรจากันนานกว่า
3 ชม.จึงได้ข้อสรุปว่าจะย้ายสถานที่ขายของทั้งด้านหน้าวิหารและริมรั้ววัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ไปอยู่ด้านหลังวิหารพระมงคลบพิตรเป็นการชั่วคราว และทางจังหวัดจะพิจารณาจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมให้ใหม่ โดยคาดว่าจะเป็นพื้นที่ศาลากลางหลังเก่าที่อยู่ไม่ไกล โดยจะจัดแผนประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขายและจัดรถรับส่งนักท่องเที่ยวเดินทางไปจับจ่ายซื้อของฟรีตลอดทั้งวัน  

หลังได้ข้อสรุปเป็นที่พอใจกับทุกฝ่าย นายปรีชา กมลบุตร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา และว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครศรีอยุธยา และพ่อค้าแม่ค้า

ได้ช่วยกันรื้อถอนเต็นท์ขายสินค้าที่ตั้งปิดขวางอยู่หน้าวิหารพระมงคลบพิตรจำนวน
5 เต็นท์ กว่า 100 แผง ออกจนหมดเกลี้ยง โดยไม่มีการขัดขวางหรือต่อต้าน และย้ายไปอยู่ด้านหลังวิหารพระมงคลบพิตรตามที่ตกลงกันไว้ ด้านนายชูศักดิ์ ศรีคงคา อายุ 48 ปี พ่อค้าขายของหน้าวิหาร กล่าวว่า พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่ทางจังหวัดก็ต้องหาที่ขายของให้ตนเองเช่นกัน เพราะทุกคนก็ทำเพื่อความเป็นมรดกโลก เดิมตนก็ขายของอยู่ในเรือนทรงไทยและที่โยกย้ายมาด้านหน้าวิหาร เพราะเห็นคนอื่นมาขายก็มาขายตาม เมื่อทุกฝ่ายให้โยกย้ายกลับก็ยินดี  

ทางด้านนายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า


นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รมว.วัฒนธรรมได้มอบหมายให้กรมศิลปากรเสนอรายชื่อเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการดูแลมรดกโลก โดยมีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่ในการดูแลมรดกโลกโดยภาพรวม รวมทั้งยังได้มอบหมายให้ กรมศิลปากรแต่งตั้งคณะอนุกรรมการดูแลมรดกโลกขึ้นมาอีกหนึ่งชุด โดยมี รมว.วัฒนธรรม หรืออธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่เก็บข้อมูล รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นกับมรดกโลกแต่ละแห่งในประเทศไทย อาทิ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย หรืออุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น พร้อมทั้งหาแนวทางการแก้ไข จากนั้นจึงเสนอให้คณะกรรมการอำนวยการชุดใหญ่พิจารณารับทราบ
 

อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อว่า สำหรับการพิจารณาถอดถอนออกจากมรดกโลกนั้น


ทางยูเนสโกจะพิจารณาถึงแผนการดำเนินงานบริหารจัดการมรดกโลก และการบูรณะซ่อมแซมสถาปัตยกรรมที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งกรมศิลปากรจะต้องนำเสนอทุกๆ
3 ปี หากตรวจสอบพบว่า สิ่งที่นำเสนอไม่ได้อยู่ตามมาตรฐานที่ยูเนสโกกำหนดไว้ ทางยูเนสโกก็จะมีการตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขก่อน หากไม่สามารถปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ก็จะถูกขึ้นบัญชีให้อยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยงต่อการถูกถอดจากมรดกโลก หรืออาจจะถูกถอดออกจากการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกก็ได้  

ทั้งนี้ ในส่วนอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยานั้น เท่าที่ได้รับรายงานทราบว่าจากการที่ยูเนสโก ประจำประเทศไทยได้มาตรวจสอบนั้น ยังไม่ได้ถูกขึ้นทะเบียนให้อยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยงที่จะถูกถอดจากมรดกโลกแต่อย่างใด แต่อาจเป็นเพราะว่าหลายฝ่ายกลัวว่าจะถูกถอด   ซึ่งผมคิดว่าเป็นการดีที่คนในพื้นที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแล ร่วมกันหาแนวทางการป้องกันและแก้ไขได้ทันก่อนที่จะถูกขึ้นบัญชีดำ โดยทางกรมศิลปากรจะนำเสนอแผนการบริหารจัดการมรดกโลกต่อองค์การยูเนสโกภายในเดือนกรกฎาคมนี้
นายเกรียงไกรกล่าว

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์