ระเบิดแสวงเครื่องบึ้มบ้าน3หลัง-ชนวนขัดแย้งเรื่องที่ดิน

"ลอบวางระเบิด บ้านเสียหาย 3 หลัง"


คนร้ายลอบวางระเบิดบ้าน ภายในชุมชนทรงคุณ เมืองภูเก็ต ได้รับความเสียหาย 3 หลัง พบมีผู้บาดเจ็บ 1 เผยชนวนมาจากความขัดเแย้งในการแย่งชิงที่ดิน

(25พย.) เวลา 02.30 น. พ.ต.ท. อเนก มงคล สารวัตรเวร สภ.ต.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต รับแจ้งว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในชุมชนทรงคุณ ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ม.1 ต.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต มีบ้านได้รับความเสียหายจำนวน 3 หลัง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย หลังรับแจ้งจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้ระเบิดและทำลายวัตถุระเบิด กก.ตชด.42 และเจ้าหน้าที่ หน่วยปฏิบัติงานพิเศษ ภ.จว.ภูเก็ต จากนั้นจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชลิต ถิ่นธานี รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ ผกก.สภ.ต.ฉลอง พ.ต.ท.สุวัฒน์ แก้วพรหม รองผกก.ป.สภ.ต.ฉลอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาการ เขต 44 ภูเก็ต เจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.ต.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต

"นำผู้บาดเจ็บส่ง รพ."


พบที่เกิดเหตุเป็นชุมชนซอยทรงคุณ ซึ่งเข้าไปภายในซอยและห่างจากถนนเจ้าฟ้าตะวันออกประมาณ 1 กม. สำหรับหมู่บ้านของชุมชนซอยทรงคุณ มีเนื้อที่โดยรวมประมาณ 10 ไร่ และมีชาวบ้านเข้าไปจับจองประมาณ 30 ครัวเรือน โดยการก่อสร้างกระจัดกระจายไม่มีรูปแบบ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการสำรวจพื้นที่โดยรอบ แต่เนื่องจากภายในพื้นที่มีความสว่างไม่เพียงพอ จึงได้แต่ดูบริเวณรอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งนำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บออกจากพื้นที่ นำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระ เพื่อให้แพทย์ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น

จากนั้นในเวลา 05.30 น. เจ้าหน้าที่ก็ได้เริ่มเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยบ้านหลังแรก เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จ และเข้ามาอยู่อาศัยเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เป็นบ้านของนางสาวธิติมา เกื้อหนุน อายุ 31 ปี และนายสำเริง มุกวัฒน์ อายุ 33 ปี มีอาชีพเปิดร้านขายข้าวแกง

"บ้าน ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง"


สำหรับบ้านหลังดังกล่าว ได้ทำการก่อสร้างมาประมาณ 1 ปี โดยมีมูลค่าในการก่อสร้างประมาณ 2.5 ล้านบาท ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง โดยเฉพาะหลังบ้านเสียหายทั้งหมด และขณะที่เกิดเหตุไม่มีใครอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว คาดว่าคนร้ายได้ทุบประตูหลังบ้าน จากนั้นก็ได้นำวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง โดยการใช้ท่อพีวีซีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว ยาวประมาณ 1 ฟุต โดยภายในบรรจุแอมโมเนียไนเตรด และน้ำมัน น้ำหนักประมาณ 10 กก.และมีเชื้อประทุสีฟ้าอ่อน ไปซุกซ่อนไว้ใต้บันไดบ้าน

จากนั้นก็ได้ใช้สายไฟฟ้าขนาด 2 x 1 สีเทาความยาวประมาณ 200 เมตร และต่อพ่วงกับสายไฟฟ้าขนาด 2 x 1.5 สีดำ ความยาวอีกประมาณ 100 เมตร ออกไปนอกบ้าน ต่อกับแบตเตอรี่ขนาด 12 V. ที่ต่อกับนาฬิกาปลุก วางห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร เมื่อถึงเวลาระเบิด ได้ระเบิดขึ้นเป็นรัศมีประมาณ 50 เมตร ทำให้บันไดและฝาผนังบ้าน หลังคา ฝ้าเพดานได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้กระเบื้องมุงหลังคา ฝาผนังบ้าน บานประตู บานหน้าต่าง กระเด็นไปรอบบ้านรัศมีประมาณ 50 เมตร แต่เนื่องจากในระหว่างที่เกิดเหตุไม่มีใครอยู่ภายในบ้าน จึงไม่มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

"ตรวจสอบสภาพความเสียหาย"


จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิด กก.ตชด.4 เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาการ และเจ้าหน้าที่สภ.ต.ฉลอง ก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุบ้านหลังที่ 2 ซึ่งห่างจากบ้านหลังแรกประมาณ 100 เมตร โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยว ชั้นเดียว มีรั้วล้อมรอบ มีบ้านเลขที่ชั่วคราว 43/6 ม.1 ต.ฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต เป็นบ้านของนายยงยุทธ มีแก้ว อายุ 45 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.4 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นเจ้าของบ้าน ในขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในบ้าน มีเพียงคนงานก่อสร้างซึ่งเป็นชาวพม่าอยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว ชื่อนางเย็น และได้นอนอยู่ในห้องหลังบ้านได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าด้านขวา

ทั้งนี้จากการสอบสวนทราบว่า คนร้ายได้นำวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง โดยการใช้ท่อพีวีซีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว ยาวประมาณ 1 ฟุต โดยภายในบรรจุแอมโมเนียไนเตรด และน้ำมัน น้ำหนักประมาณ 5 กก.และมีเชื้อประทุสีฟ้าอ่อน ไปซุกซ่อนไว้ใกล้ฝาผนังข้างบ้านใกล้กับห้องพักของคนงานพม่า จากนั้นก็ได้ใช้สายไฟฟ้าขนาด 2 x 1 สีเทาความยาวประมาณ 80 เมตร ไปต่อพ่วงกับสายไฟชนิดเดียวกันที่ต่อไปยังบ้านหลังที่ 3 และ แบตเตอรี่ ที่ต่อกับนาฬิกาปลุก ที่วางห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร เมื่อถึงเวลาระเบิด ได้ทำงานแรงระเบิดมีรัศมีประมาณ 20 เมตร ทำให้ฝาผนังบ้าน หลังคา ฝ้าเพดานได้รับความเสียหายบริเวณหลังด้านหลัง ฝาหนังห้อง หลังคาบ้าน และกำแพงบ้าน นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้กระเบื้องมุงหลังคา ฝาผนังบ้าน กระเด็นไปรอบรัศมีประมาณ 20 เมตร

"เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มาหลายครั้งแล้ว"


ต่อจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุบ้านหลังที่ 3 ซึ่งห่างจากบ้านหลังแรกประมาณ 150 เมตร และห่างจากบ้านหลังที่ 2 ประมาณ 80 เมตร โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยว ชั้นเดียว ไม่มีบ้านเลขที่ และอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง สอบถามทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเจ้าของมาจากจ.สุราษฎร์ธานี โดยมีนางสมศรี ( ไม่ทราบนามสกุล ) เป็นผู้ดูแลการก่อสร้างอยู่ และในขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในบ้าน โดยคนร้ายได้นำวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ในรูปแบบเดียวกันกับที่ก่อเหตุทั้ง 2 แห่ง วางห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร แรงระเบิดมีรัศมีประมาณ 20 เมตร ทำให้ฝาผนังบ้าน หลังคา ฝ้าเพดานได้รับความเสียหาย นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้กระเบื้องมุงหลังคา ฝาผนังบ้าน กระเด็นไปรอบรัศมีประมาณ 20 เมตร และในขณะเกิดเหตุไม่มีผู้อยู่ในบ้าน จึงไม่มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไร

นายจิรพัฒน์ ภูมิ อายุ 56 ปี ประธานชุมชนในหมู่บ้านดังกล่าว เปิดเผยว่า พื้นที่ดังกล่าวเดิมเป็นสัมปทานเหมืองแร่เก่า มีพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ และเมื่อสัมปทานเหมืองแร่หมดลง ก็ได้มีการออกหนังสือการเป็นเจ้าของ คงเหลือพื้นที่ดังกล่าวที่เป็นที่ว่างอยู่ประมาณ 10 ไร่ ต่อมาได้มีชาวบ้านทั้งในและนอกพื้นที่เข้ามาจับจอง และแสดงความเป็นเจ้าของ พร้อมทั้งไปเสียภาษีและได้รับใบ ทบ.5 จากนั้นก็ได้มีการซื้อขายที่ดินดังกล่าวกันมาหลายมือ นอกจากนี้ในบริเวณภายในชุมชนดังกล่าวได้เกิดเหตุมาแล้วหลายครั้ง โดยเริ่มจากภายในหมู่บ้าน ได้มีชาวบ้านได้ทำการเลี้ยงหมู ก็ได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงหมูของชาวบ้านตายมาแล้วกว่า 20 ตัว นอกจากนี้สุนัขที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ก็ถูกวางยาเบื่อตาย แม้แต่ตนเองเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ก็ได้มีคนร้ายได้ลอบมายิง แต่ไม่ได้รับอันตราย

"ปกติผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านจะรู้จักกันหมด ทราบว่าวานนี้ (24 )


ช่วงเวลา 17.30 - 18.00 น. ได้มีรถกระบะ สีน้ำเงินไข่มุก เข้ามาภายในหมู่บ้าน จากนั้นก็ได้ขับออกไป คิดว่าน่าจะเป็นการเข้ามาดูลาดเลา จึงลงมือในช่วงค่ำ เพราะบ้านที่ถูกระเบิดในครั้งไม่มีคนอยู่ ส่วนบ้านที่มีคนอยู่ก็วางไว้ที่ฝาผนัง "

นายจิรพัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับที่ดินที่ชาวบ้านเข้ามาจับจอง และได้แสดงความเป็นเจ้าของนี้นั้น ได้มีผู้ที่มาแสดงความเป็นเจ้าของอีกประมาณ 2 -3 ราย และได้มีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุม และได้มีการฟ้องร้องต่อศาล และเรื่องอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดภูเก็ต และบ้านที่มีการระเบิดในครั้งนี้เป็นบ้านที่สร้างเป็นลักษณะที่จะอยู่ถาวร โดยแต่ละบ้านมีมูลค่าในการก่อสร้างตั้งแต่ 2 - 3 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนบ้านเล็กที่มีการก่อสร้างโดยรอบไม่มีการวางระเบิดแต่อย่างไร ซึ่งการลงมือในครั้งนี้ต้องการที่จะไล่เจ้าของบ้าน เพื่อให้เกิดความกลัวและย้ายบ้านหนีออกจากพื้นที่ไป

"ใช้ระเบิดแสวงเครื่องชนิดใช้ในการระเบิดหิน"


ด้าน ร.ต.อ.ปรัชญาชัย อ้วนเส้ง รองสว.กลุ่มงานเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กก.ตชด.42 กล่าวว่า สำหรับวัตถุระเบิดที่คนร้ายใช้ในครั้งนี้ เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง โดยใช้ท่อ พีวีซี มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ยาวประมาณ 1 ฟุต ภายในบรรจุแอมโมเนียไนเตรด ผสมน้ำมัน บ้านหลังแรกมีน้ำหนักประมาณ 10 กก. และบ้านหลังที่ 2 และ 3 มีน้ำหนักประมาณ 5 กก. มีรัศมีทำการประมาณ 50 เมตร โดยมีเชื้อประทุชนิดสีฟ้าโผล่ออกมาเชื่อมต่อกับสายไฟ จากนั้นก็ได้ต่อสายไฟไปที่แบตเตอรรี่ขนาด 12 V. โดยที่แบตเตอร์รี่มีนาฬิกาปลุกจำนวน 3 เรือน โดยแต่ละเรือนได้ตั้งเวลาทำการระเบิด 02.25 น.จากนั้นเมื่อได้เวลา กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ก็จะวิ่งไปหาเชื้อประทุ ทำให้ระเบิดทำงานเกิดแรงระเบิดออกมา

"คนร้ายน่าจะใช้เวลาในการติดตั้งเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที และน่าจะเข้ามาในช่วงกลางคืน ผู้ร่วมลงมือมีไม่ต่ำกว่า 5 คน ลักษณะของวงจรที่คนร้ายได้ใช้ในการปฏิบัติการณ์ในครั้งนี้ น่าจะเป็นพวกที่ใช้ในการระเบิดหิน

"แกะรอยจากเชื้อปะทุระเบิด"


ทั้งนี้จากการตรวจสอบสายเชื้อประทุ ซึ่งมีสีฟ้าขาว เป็นเชื้อประทุของเอกชนที่ขออนุญาตในการระเบิดหินที่เป็นเอกชน และจะต้องทำการตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเป็นเชื้อประทุที่เอกชนรายใดเป็นผู้ขออนุญาต

ด้าน พ.ต.อ.ชลิต ถิ่นธานี รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า การลอบวางระเบิดดังกล่าว เพื่อไล่คนที่มาบุกรุกจับจองที่ดินดังกล่าว โดยที่ดินดังกล่าวเป็นพื้นที่สัมปทานเหมืองแร่เก่า จากนั้นเมื่อสัมปทานเหมืองแร่หมดลง ทางเจ้าของสัมปทานก็ทิ้งพื้นที่ว่างเปล่า และได้มีชาวบ้านเข้ามาจับจอง นอกจากนี้ได้มีกลุ่มนายทุนก็ได้เข้ามาแสดงการเป็นเจ้าของจนกระทั่งได้มีการฟ้องร้อง และมีเรื่องอยู่ในชั้นศาล ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนเจ้าของบ้าน และผู้ที่อยู่ใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุในการลอบวางระเบิดในครั้งนี้


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์