ระเบิดรัชโยธิน แฉซ้ำรอย บึมบ้าน ´ป๋าเปรม´

จากเหตุมือมืดลอบวางระเบิดป่วนกรุงเทพมหานคร ซ้ำอีกระลอก


เมื่อใกล้เที่ยงคืนวันที่ 9 เม.ย. ส่งผลให้ตู้โทรศัพท์สาธารณะ หน้าห้างเมเจอร์ รัชโยธิน พังพินาศ 3 ตู้ โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นฝีมือพวกสร้างสถานการณ์ข่มขู่ให้ชาวเมืองหลวงขวัญผวา ก่อนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึง


ชุดเก็บกู้ตรวจจุดระเบิด


ความคืบหน้าการคลี่คลายคดีลอบวางระเบิดป่วนกรุงระลอกสอง เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 10 เม.ย. พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต. กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.หน.ศส.บช.น. และ พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ สว.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองพลาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดระเบิดบริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะ หน้าห้างเมเจอร์ รัชโยธิน เพื่อตรวจหาหลักฐานและชิ้นส่วนวัตถุระเบิดอย่างละเอียดอีกครั้ง

พบชิ้นส่วนนาฬิกาปลุก


บริเวณจุดที่คนร้ายวางระเบิด เป็นตู้โทรศัพท์ สาธารณะตั้งเรียงกัน 3 ตู้ เป็นของ true 2 ตู้ และของ TOT 1 ตู้ เจ้าหน้าที่ได้ใช้รั้วเหล็กกั้นพื้นที่ไว้ โดยรอบ คาดว่าคนร้ายน่าจะวางระเบิดในตู้โทรศัพท์ สาธารณะตู้กลางของ true เนื่องจากมีความเสียหายมากที่สุด แรงระเบิดทำให้กระจกตู้โทรศัพท์ทั้ง 3 ตู้ แตกกระจาย

นอกจากนี้ยังส่งผลให้ต้นไม้ประดับข้างถนนพหลโยธินไหม้เกรียม ภายหลังเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกระจายกำลังปูพรมเก็บชิ้นส่วนวัตถุระเบิดชิ้นเล็กชิ้นน้อยนานประมาณ 2 ชั่วโมง พบเศษสายไฟฟ้าขนาดเล็กแบบเดียวกับไฟกะพริบประดับตกแต่งอาคารทั่วไป เศษถ่านไฟฉายขนาด 2 เอ ยี่ห้อเอเวอเรดี้ สีฟ้าจำนวน 4 ก้อน กระเด็นไปตกอยู่ในพุ่มไม้ประดับ

นอกจากนี้ยังมีชิ้นส่วนนาฬิกาปลุก เศษแผ่นโลหะ และขวดน้ำอัดลมพลาสติกชนิดใส ขนาด 1.25 ลิตร แตกเป็นเสี่ยงๆ รวมทั้งเศษผ้าขาวขาดยุ่ย คาดว่าคนร้ายน่าจะใช้ห่อหุ้มวัตถุระเบิดก่อนนำไปวาง ไม่ให้เป็นที่สังเกตของประชาชน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบหาที่มาต่อไป


ชนิดเดียวกับหน้าบ้านสี่เสา


ทั้งนี้ จากชิ้นส่วนวัตถุระเบิดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าน่าจะเป็นระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนระเบิดโดยใช้นาฬิกาปลุกตั้งเวลา แต่ไม่พบสะเก็ดระเบิด น่าจะใช้ดินดำเพียงอย่างเดียว แรงระเบิดมีอานุภาพทำลายในรัศมี 5-10 เมตร

ผู้ที่อยู่ในรัศมีหากโดนแรงระเบิดอาจได้รับอันตรายแขนขาดขาขาดได้ ทั้งนี้ ชิ้นส่วนระเบิดดังกล่าวไม่ใช่ชนิดเดียวกับเหตุระเบิด 9 จุดถล่มกรุง เมื่อคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

แต่ตรงกับระเบิด 4 จุด ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น คือที่หน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี สวนลุมพินี ห้างโตคิว รัชดา และโรงพิมพ์ผู้จัดการ ถนนพระอาทิตย์


จุดบึมยังไม่ติดตั้งกล้อง


ด้านนายดำรงชัย พงค์พณิฐ รอง ผอ.ฝ่ายบริหาร ศูนย์การค้าเมเจอร์ รัชโยธิน เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบวัตถุประสงค์ของผู้วางระเบิดว่าทำเพื่ออะไร แต่ยืนยันว่าทางห้างไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย ทางห้างได้จัดเวรยาม รปภ.ดูแลพื้นที่อย่างรัดกุม โดยเฉพาะช่วงที่มีตลาดนัดขายของข้างห้างเมเจอร์ จะมี รปภ.เดินตรวจตราอย่างเข้มงวด แต่เนื่องจากวันเกิดเหตุเป็นวันหยุด ไม่มีการขายของ ดังนั้น น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์มากกว่า ในขณะที่จุดดังกล่าวอยู่ระหว่างการติดตั้งกล้องวงจรปิด


โชเฟอร์แท็กซี่ยันไม่เกี่ยว


ต่อมาเวลา 11.00 น. นายวิรัส จันทร์สา อายุ 24 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ สีส้ม หมายเลขทะเบียน ทย 5741 กรุงเทพมหานคร ได้เข้าพบ พ.ต.ท.ธนกรณฑ์ ก้อนแก้ว รอง ผกก.สส.สน.พลโยธิน เพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับเหตุระเบิดในช่วงที่ไปจอดรถรับผู้โดยสารบริเวณดังกล่าวพอดี

โดยยอมรับว่าไปจอดรถรอรับผู้โดยสารใกล้กับจุดระเบิดจริง แต่มีรถแท็กซี่จอดอยู่ข้างหน้าหลายคัน ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไปไล่ ปรากฏว่า ขณะที่รถแท็กซี่คันอื่นทยอยขับหนีตำรวจ ตนขับออกไปไม่ทันจึงถูกยึดใบขับขี่ แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคนนั้นได้นั่งรถให้ขับไปเสียค่าปรับที่ สน.

แต่ระหว่างไปกลับรถใต้สะพานลอยข้ามแยกเกษตรเกิดเหตุระเบิดขึ้น ทำให้ตำรวจจราจรคนดังกล่าวลงจากรถไปดู ปล่อยให้ตนขับรถไปเสียค่าปรับเอง ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าไม่เห็นสิ่งผิดปรกติอะไร และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดดังกล่าว เนื่องจากไปจอดรถแค่ 5 นาทีเท่านั้น


อ้างเห็นชายต้องสงสัย


นอกจากนี้ นายวิรัส ยังให้เบาะแสเพิ่มเติมด้วยว่า ในระหว่างที่จอดรถอยู่บริเวณห้างเมเจอร์ เห็นรถกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีขาว จอดอยู่หน้าห้างเมเจอร์คันหนึ่ง และมีชายต้องสงสัยใส่เสื้อสีน้ำตาล กางเกงยีนสีน้ำเงิน สะพายกระเป๋าสี่เหลี่ยมสีดำกว้างประมาณ 8 นิ้ว เดินมาจากทางห้างไปที่ตู้โทรศัพท์จุดเกิดเหตุ

จากนั้นทำท่าเหมือนล้วงกระเป๋าหาเศษเหรียญ แต่ก็ไม่ได้หยอดโทรศัพท์สาธารณะ กลับใช้โทรศัพท์มือถือ ยืนพิงตู้โทรศัพท์ตู้แรกพูดคุยอยู่สักพัก ก่อนที่จะมีตำรวจขี่รถ จยย.ผ่านมา

ทำให้ชายคนดังกล่าวรีบร้อนเดินไปขึ้นรถกระบะ ซึ่งมีชายหัวเกรียนขับออกไปทันที ตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไรมาก คิดว่าเป็นการมารับ-ส่งกันธรรมดา แล้วก็จำหน้าตาไม่ได้ด้วย เห็นแต่ด้านข้าง ใบหน้าแหลมๆ ยาวๆ รวมทั้งไม่ได้สังเกตว่าเอาอะไรไปวางหรือไม่ เนื่องจากพะวงอยู่กับกลัวตำรวจจะมาจับ


รปภ.เห็นไฟไหม้ก่อนบึม


ในขณะที่การสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง พนักงานสอบสวน ได้เรียก รปภ.ของห้างเมเจอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่จับกุมรถแท็กซี่ ซึ่งจอดรับผู้โดยสารก่อนเกิดเหตุระเบิด ผู้รับเหมาเดินสายไฟฟ้าบริเวณดังกล่าวและประชาชนที่เดินผ่านในช่วงเกิดเหตุระเบิดพอดี มาสอบปากคำแล้วหลายปาก

ได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์จากนายเถลิงศักดิ์ แดงสูงเนิน รปภ.ของห้างเมเจอร์ ว่าก่อนเกิดเหตุ ปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้าห้างเมเจอร์ สังเกตเห็นเปลวเพลิงลุกไหม้ภายในตู้โทรศัพท์ ลักษณะคล้ายไฟไหม้กระดาษหนังสือพิมพ์ จึงเดินเข้าไปเพื่อจะดับ แต่เมื่อเดินไปไม่ กี่ก้าวก็เกิดเหตุระเบิดดังสนั่นฟุ้งตลบ กระจกตู้โทรศัพท์ แตกกระจาย ซึ่งถือเป็นพยานปากสำคัญที่เห็นเหตุการณ์ ก่อนระเบิดใกล้ชิดคนหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ตัวแทนของบริษัท true และ TOT เจ้าของตู้โทรศัพท์สาธารณะ ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน เกี่ยวกับค่าเสียหายของตู้โทรศัพท์ที่ถูกแรงระเบิดพังพินาศ โดย TOT ระบุค่าเสียหายคิดเป็นเงิน 1.9 หมื่นบาท ส่วน true ระบุค่าเสียหาย 2 ตู้ มูลค่า 2.3 หมื่นบาท



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์