ระวังมิจฉาชีพฮัลโหลล้วงข้อมูลบัตร

แฉภัยมิจฉาชีพแก๊ง “ล้วงข้อมูลบัตรเครดิต”อ้างเป็น จนท.ทวงหนี้ ลวงขอหมายเลขบัตร ปชช.-เลขบนบัตร เป็นข้อมูลใช้ทำบัตรปลอม

เผยผู้บริสุทธิ์ตกเป็นหนี้แล้วหลายราย แฉทำเป็นทีมงาน ใช้กลลวง ทั้งอ้างตัวเป็นฝ่ายทวงหนี้ หรือ สรรพากร-แจ้งให้ชำระหนี้-ให้แก้ข้อมูลทางเอทีเอ็ม ธนาคารแจ้งเตือนอย่าให้ข้อมูลใดๆ มีปัญหาให้ตรวจสอบกับพนักงานแบงก์เพื่อความปลอดภัย

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มมิจฉาชีพสุ่มโทรศัพท์มายังประชาชนทั่วไป

โดยอ้างว่าเป็นพนักงานจากฝ่ายเร่งรัดหนี้สินมาติดตามทวงหนี้ เพื่อหลอกลวงนำข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ไปปลอมแปลงเอกสารทำบัตรเครดิตปลอม หรือหลอกล่อให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มให้มิจฉาชีพเหล่านั้น โดยการหลอกลวงดังกล่าวมีเป็นระยะ ๆ แต่ระยะนี้ได้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวติดต่อกันถี่ ดังนั้นจึงฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง อย่าได้บอกข้อมูลส่วนตัวให้ใคร โดยเฉพาะหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และหมายเลขบัตรเครดิต เพราะจะกลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่นำข้อมูลเหล่านี้ไปทำบัตรเครดิตปลอมทันที

ทั้งนี้มีลูกค้ารายหนึ่งได้ติดต่อมายังเดลินิวส์ โดยเล่าให้ฟังว่า

ได้รับโทรศัพท์ โดยอ้างว่าเป็นพนักงานจากฝ่ายเร่งรัดหนี้สินจากธนาคารยูโอบี มาติดตามทวงหนี้จากบัตรเครดิต ซึ่งมีหนี้อยู่ 60,000 บาท เมื่อลูกค้าแจ้งกลับว่า ไม่ได้มีหนี้คงค้าง ปลายสายก็แจ้งว่า ขอให้ใช้หนี้ด้วย หากไม่ใช้จะติดตามไปที่ที่ทำงานและลิสซิ่งที่เคยทำไว้ แต่ลูกค้าแจ้งว่า ไม่เคยทำงานตามที่ปลายสายกล่าวอ้าง ทางปลายสายจึงวางสายหายไปเลย นอกจากนี้ยังมีลูกค้าอีกราย ที่ได้รับโทรศัพท์ในลักษณะเดียวกัน แต่เมื่อลูกค้าแจ้งว่าไม่เคยมีหนี้ ทางปลายสายก็ตอบว่าอาจมีการแจ้งข้อมูลผิด พลาด และขอตรวจสอบข้อมูลของลูกค้าโดยจะถามเลขที่บัตรประชาชนและเลขที่บัตรเครดิต แต่ลูกค้ารายนี้แจ้งว่า ให้ส่งสลิป การใช้จ่ายมาให้ก่อน จากนั้นจะตรวจสอบจากธนาคารเอง


ด้านนายสมชาย พิชิตสรุกิจ หัวหน้าคณะทำงานป้องกันการทุจริต ชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า

กรณีดังกล่าวนั้น เชื่อว่าน่าจะโดนกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพโทรฯมาเพื่อขโมยข้อมูลบนบัตรเครดิต เพื่อนำไปทำบัตรปลอม ซึ่งที่ผ่านมาเคยเกิดกรณีดังกล่าวอยู่เป็นระยะ ๆ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคธนาคารก็ได้ประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าธนาคารทราบอยู่สม่ำเสมอ เพราะไม่สามารถป้องกันอย่างเด็ดขาดได้ เมื่อจับได้วิธีหนึ่ง มิจฉาชีพก็เปลี่ยนไปใช้วิธีอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งค่อนข้างจะจับได้ยากมาก และที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้เพียงรายเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องให้ประชาชนระมัดระวังอย่าแจ้งข้อมูลส่วนตัวให้ใครอย่างเด็ดขาด พร้อมกันนี้จะนำเรื่องดังกล่าวหารือในชมรมฯ เพื่อหาทางป้องกันที่เข้มงวดมากขึ้นต่อไป

ที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุการณ์หลอกลวงลูกค้าในลักษณะต่าง ๆ

อาทิ ใช้วิธีการโทรฯ หาลูกค้า เพื่ออ้างว่า โทรฯมาจากลอตโต้ต่าง ๆ แล้วลูกค้าเป็นผู้ที่ถูกรางวัล และจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ จากนั้นก็หลอกให้ลูกค้ารายนั้นไปที่ตู้ เอทีเอ็ม เพื่อให้ตรวจสอบวงเงิน เมื่อตรวจสอบไม่พบว่ามีเงินเข้า ก็อ้างว่า อาจมีการผิดพลาด ให้กดเอทีเอ็มตามที่จะแจ้งให้ เพื่อแก้ไขข้อมูล โดยส่วนใหญ่จะให้ลูกค้ากดเลือกเมนูเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ลูกค้าตรวจสอบไม่ทัน จากนั้นก็หลอกลวงโดยให้ลูกค้าโอนเงินออกไปยังบัญชีอื่น หรือโทรฯ หาลูกค้าโดยอ้างว่าเป็นบริษัทติดตามทวงหนี้จากบัตรเครดิต และแจ้งว่ามีหนี้ต้องชำระ เมื่อลูกค้าแจ้งกลับว่าไม่มีหนี้ มิจฉาชีพก็จะอ้างว่า อาจมีข้อมูลผิดพลาด และขอให้มาที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อแก้ไขข้อมูลโดยทันที ซึ่งก็จะให้ใช้เมนู ภาษาอังกฤษและหลอกให้กดรายการต่าง ๆ ตาม ซึ่งก็จะกลายเป็นการกดโอนเงินออกจากบัญชีไปเช่นกัน หรืออาจจะขอตรวจสอบข้อมูลตัวเลขบน บัตรเครดิตทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ก็สามารถนำไปทำบัตรเครดิตปลอมได้ทันที

นอกจากนี้ยังอาจอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร ติดตามทวงหนี้สรรพากรที่ค้างชำระไว้

ซึ่งก็จะใช้ลักษณะเดียวกันในการหลอกลวงให้ลูกค้าไปแก้ข้อมูลที่ตู้เอทีเอ็ม รวมถึงอ้างว่าเป็นพนักงานจากสถาบันการเงินเจ้าของบัตรเครดิต ที่ติดต่อกลับมาเพื่อตรวจเช็กข้อมูลลูกค้า เพื่อป้องกันความปลอดภัยก็จะขอสอบถามข้อมูล ส่วนตัวของลูกค้า เป็นต้น รายงานข่าวจากธนาคารยูโอบี กล่าวว่า สัปดาห์นี้ มีลูกค้าหลายสิบรายโทรฯ เข้ามาแจ้งว่าได้รับโทรศัพท์จากพนักงานธนาคารไปติดตามทวงหนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีหนี้สินแต่อย่างใด และธนาคารได้ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นกลุ่มมิจฉา ชีพที่ทำงานเป็นทีม โดยก่อนหน้านี้ได้อ้างตัว ว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จากนั้นก็มาเป็นธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และสัปดาห์นี้กลายเป็นของธนาคารยูโอบี โดยจะโทรฯ ไปเฉลี่ยวันละกว่า 100 ราย โดยแจ้งว่าเป็นหนี้ 60,000 บาทเหมือนกันหมด และจากการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ คือ 0-2850-0946 และ 015935761862 ก็มีแต่เสียงอัตโนมัติแจ้งว่า หมายเลขดังกล่าวนี้ยังไม่เปิดให้ใช้บริการ ซึ่งเป็นหมายเลขของโทรศัพท์แบบบัตรเติมเงิน

ดังนั้นจึงขอเตือนประชาชนลูกค้าว่า หากมีโทรศัพท์ในลักษณะดังกล่าว อย่าได้ให้ข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเลขประจำตัวบัตรประชาชน 13 หลัก และเลขบัตรเครดิต พร้อมทั้งให้แจ้งว่าจะติดต่อกลับไปที่ธนาคารเอง เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเอง.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์