รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวันได้อีก2 ล่าคนไทยมีเอี่ยว

เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับกุมได้เพิ่ม 2 ราย เป็นชาวไต้หวัน พบบัตรเครดิตกว่า 20 ใบ บัญชีธนาคารที่ระบุชื่อคนไทยเป็นเจ้าของบัญชี เชื่อมีส่วนรู้เห็นด้วย

ตำรวจสอบสวนกลางขยายผลจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวต่างประเทศได้อีก โดยเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 ส.ค. พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผบก.ทท. พล.ต.อ.อาชยน ไกรทอง ผกก.1 บก.ทท. แถลงข่าวจับกุมตัว นายซู เทียน หยู อายุ 22 ปี ชาวไต้หวัน และ นายเฉิน ชุน จุง อายุ 30 ปี ชาวไต้หวัน พร้อมของกลาง บัตรวีซ่าเดบิต ธนาคารกรุงเทพ จำนวน 10 ใบ บัตรวีซ่าเดบิต ธนาคารกสิกรไทย จำนวน 13 ใบ สมุดเงินฝากสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ จำนวน 5 เล่ม สมุดเงินฝากสะสมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย จำนวน 5 เล่ม โทรศัพท์มือถือ จำนวน 7 เครื่อง และหนังสือเดินทางประเทศไต้หวัน จำนวน 2 เล่ม ข้อหาร่วมกันใช้ และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งเป็นบัตรที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่น แทนการชำระเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด 

พล.ต.ต.ปัญญา เปิดเผยว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ก.ค. และวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ทท. ได้ร่วมกันทำการจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน และชาวไต้หวัน จำนวน 6 ราย พร้อมขยายผลจนเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเฝ้าระวังอยู่บริเวณ ซอยกิ่งเพชร ถ.เพชรบุรี แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม. พบนายซู เทียน หยู กำลังยืนกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ท่าทางมีพิรุธ จึงแสดงตัวขอตรวจสอบ พบของกลางเป็นบัตรวีซ่าเดบิตธนาคารกสิกรไทย และบัตรวีซ่าเดบิตธนาคารกรุงเทพ จำนวน 9 ใบ โทรศัพท์มือถือจำนวน 4 เครื่อง ต่อมาได้เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 207 โรงแรมเอวันอินน์ ซอยเกษมสันต์ 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. พบ นายเฉิน ชุน จาง พักอยู่ที่ห้องดังกล่าว ตรวจค้นพบบัตรเดบิตธนาคารกรุงเทพฯ จำนวน 7 ใบ บัตรวีซ่าเดบิตธนาคารกสิกรไทย จำนวน 7 ใบ สมุดเงินฝากสะสมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย จำนวน 5 เล่ม สมุดเงินฝากสะสมทรัพย์ธนาคารทหารไทย จำนวน 5 เล่ม และโทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ.ดำเนินคดีตามกฎหมาย 

เบื้องต้นพบว่าบัตรเดบิตวีซ่าและบัตรเอทีเอ็มที่ผู้ถูกจับนำมาใช้นั้น สามารถใช้เบิกเงินสดจากตู้เอทีเอ็มได้ และสมุดบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ดังกล่าว มีชื่อบุคคลชาวไทยเป็นเจ้าของบัญชี โดยเชื่อว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิดด้วยการรับจ้างเปิดบัญชี และขอให้บัตรเอทีเอ็มกับกลุ่มคนร้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินการสืบสวนจับกุมต่อไป สำหรับมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท จึงอยากฝากเตือนประชาชนว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงมีอยู่ และจากการจับกุมคนร้าย หากสอบสวนขยายผลพบว่า มีการโอนเงินจากการกระทำผิดเข้าบัญชีใคร จะถูกดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์