รวบ2โจ๋แก๊งชิงทรัพย์ตามหอพักสารภาพทำมาหลายครั้ง

ตำรวจโชว์ฝีมือรวบ 2 โจ๋ แก๊งชิงทรัพย์ตามหอพักและที่เปลี่ยว หลังอาละวาดมานานนับเดือน

แถมก่อเหตุเย้ยตำรวจไม่เว้นแต่ละวัน สารภาพทำมานับครั้งไม่ถ้วน โดยใช้มีดดาบพร้อมผ้าปิดหน้าบุกเข้าไปในหอพักเพื่อชิงทรัพย์หากเหยื่อขัดขืนจะทำร้าย

(1พ.ค.) พล.ต.ต.วรนิต ทองมี ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด

,พ.ต.อ.พรหมาตย์ วิวัฒน์นภาพร รอง ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรงค์วิทย์ พ่วงเภตรา ผกก.สภ.อ.เมืองร้อยเอ็ด,พ.ต.ท.ภากร สุขประเสริฐ สวป. , พ.ต.ท.ชัยพล พลเยี่ยม สว.สส. และตำรวจชุด สุรสีห์

ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา

ก่อเหตุชิงทรัพย์ภายในเขต สภ.อ.เมืองร้อยเอ็ด ได้ผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางหลายรายการ พล.ต.ต.วรนิต ทองมี ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีเหตุคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ภายในเขตรับผิดชอบ สภ.อ.เมืองร้อยเอ็ด

โดยเฉพาะในหอพักที่อยู่ในที่เปลี่ยว

และตามสี่แยกบายพาสถนนเลี่ยงเมือง โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ตำรวจได้รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์พร้อมทำร้ายเจ้าทรัพย์ภายในหอพักเกิดขึ้นแทบไม่เว้นแต่ละวัน

สร้างความหวั่นวิตกให้กับประชาชน

ในเขตพื้นที่เป็นอย่างมาก จึงได้สั่งการให้ตำรวจเร่งรัดดำเนินการในการติดตามจับกุมคนร้ายรายดังกล่าวเพื่อดำเนินการตามกฎหมายและสร้างความอุ่นใจให้กับชาวบ้าน

จนกระทั่งเช้าวันที่ 1 พ.ค.

เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ในหอพักได้ 2 ราย รายแรกชื่อนายไตรเทพ หรือขาว แซ่แฮง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 1 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และนายโอ๋(นามสมมติ) อายุ 17 ปี

ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองรายถูกเจ้าหน้าที่

ตำรวจชุดสืบสวน สุรสีห์ จับกุมตัวได้ที่ห้องพักในหอพักไม่มีเลขที่ ถ.เจริญพานิช หลังวัดกลางมิ่งเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ที่ผู้ต้องหาได้เช่าไว้เป็นที่พักและแหล่งกลบดานหลังก่อเหตุ

จากการตรวจค้นภายในห้องพบของกลาง

อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ บัตร เอ.ที.เอ็ม ฯลฯ ตรงตามที่มีผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์หลายรายการ พร้อมทั้งอาวุธมีดดาบยาว 2 ฟุต 2 เล่ม หมวกแก๊ปและหมวกไหมพรมคุมหน้า 5 ใบ

ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ที่คนร้ายใช้ผูกปิดหน้า

จำนวน 3 ผืน แว่นกันแดดสีดำ 2 อันและรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า เจ.อาร์ สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน กมธ.641 ร้อยเอ็ด และยี่ฮ้อฮอนด้า เวฟ100 สีบรอนด์ หมายเลขทะเบียน กลน.655 ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นยานพาหนะของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย

ได้ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุชิงทรัพย์ผู้เสียหายในหอพักและสถานที่ต่าง ๆ ในเขต สภ.อ.เมืองร้อยเอ็ดหลายครั้ง จนจำไม่ได้ โดยคนร้ายทั้งสองคนจะแยกย้ายกันขับขี่รถ จยย.คนละคัน

ตระเวนดูตามหอพักต่าง ๆ

ที่ตั้งอยู่ในที่เปลี่ยวและไม่มีรั้วรอบขอบชิด โดยจะทำทีว่าไปหาเพื่อนในหอพัก แล้วจะสำรวจดูว่าตามหน้าต่างบานเกร็ดของหอพัก หรือตามห้องที่เจ้าของห้องเปิดห้องอยู่ เมื่อหมายตาห้องใดไว้แล้วก็จะกลับมาวางแผนในการที่จะเข้าไปชิงทรัพย์กัน ส่วนใหญ่จะลงมือในยามวิกาลช่วง 22.00 - 010-.00 น.

โดยในการชิงทรัพย์ในแต่ละครั้งคนร้ายทั้งสอง

จะขับขี่รถ จยย.ซ้อนท้ายกันออกไป เมื่อถึงจุดหมาย คนร้ายจะนำรถ จยย.ไปจอดยังจุดใกล้เป้าหมาย โดยมีคนร้ายรายแรกติดเครื่องรออยู่ หลังจากนั้นคนร้ายรายที่สองจะถืออาวุธมีดพร้อมปกปิดใบหน้าเข้าไปเคาะห้องผู้เสียหาย

เมื่อผู้เสียหายเปิดห้อง

ก็จะใช้อาวุธมีดจี้ผู้เสียหายมิให้ขัดขืน แล้วจึงรื้อค้นเอาทรัพย์สิน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโทรศัพท์มือถือ,เครื่องเล่นเอ็มพี 3 ,เงินสด,บัตรเอ.ที.เอ็ม.,กระเป๋าสะพาย ฯลฯ และ

หากผู้เสียหายขัดขืนก็จะใช้อาวุธมีดดาบทำร้ายผู้เสียหาย

ก่อนที่จะวิ่งไปซ้อนท้ายรถ จยย.ที่คนร้ายอีกคนติดเครื่องรอไว้ ก่อนหลบหนีไป และมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในที่สุด

ด้าน พ.ต.ท.ชัยพล พลเยี่ยม สว.สส.สภ.อ.เมืองร้อยเอ็ด

และหัวหน้าชุดสืบสวน สุรสีห์ กล่าวว่า จากการสอบสวนขยายผลทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ร่วมกันก่อเหตุชิงทรัพย์มาแล้วตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2550 จนถึงปลายเดือนเมษายน 2550 ก่อเหตุมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ครั้ง


โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันที่ 8-10 เมษายน

ที่ผ่านมา คนร้ายทั้งสองรายได้ชิงทรัพย์ภายในหอพัก 3 คืนติดต่อกัน ได้เงินสดไปกว่า 1 หมื่นบาท โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง เมื่อได้ทรัพย์สินแล้วก็จะนำมาแบ่งกัน ก่อนที่จะตระเวนดูเหยื่อรายต่อไปและออกไปก่อเหตุ ส่วนทรัพย์สินที่ได้ก็จะนำไปเที่ยวเตร่ และดื่มสุรา

โดยนายไตรเทพ หรือขาว แซ่แฮง พึ่งพ้นโทษติดคุก 1 ปี 4 เดือน

ฐานวิ่งราวทรัพย์ได้ไม่ถึง 2 เดือนก็มาก่อเหตุดังกล่าว ส่วนนายโอ๋ (นามสมมติ)อดีตเป็นเด็กวัดแห่งหนึ่งในเมืองร้อยเอ็ดและติดสารเสพติดประเภทกาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลพร้อมแจ้งผู้เสียหายให้มาดูของกลางเพื่อที่จะได้รวบรวมไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับ 2 คนร้ายรายนี้ต่อไป

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก