ยูเอ็นเอชซีอาร์ร้องไทยสอบ กรณีโยนผู้อพยพกลางทะเล

ยูเอ็นเอชซีอาร์ร้องไทยสอบเหตุทิ้งผู้อพยพกลางทะเล จี้เลิกนโยบายผลักดันผู้อพยพออกนอกทะเล ด้านกลุ่มทนายอะรากัน แฉทหารไทยใช้ปืนจี้ผู้อพยพ จับมัดขาก่อนโยนทิ้งน้ำ ขู่ให้ขึ้นเรือก่อนลอยทิ้งกลางทะเล ผบ.ทร.ยันทหารไทยไม่เคยทำทารุณ ย้ำไม่ตั้งกก.สอบสวน พร้อมโชว์รูปเลี้ยงอาหารผู้อพยพ

หลังจากที่ทางการไทยออกมาโต้รายงานข่าวว่า ทหารไทยผลักดันผู้อพยพชาวบังกลาเทศและพม่าราว 300 คน ออกไปตายในทะเล ล่าสุด นางคิตตี้ แมคคินซีย์ โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ประจำภาคพื้นเอเชีย ได้เรียกร้องรัฐบาลไทยให้ความกระจ่างในรายงานที่ออกมา โดยระบุว่า ทางยูเอ็นเอชซีอาร์เรียกร้องให้รัฐบาลไทยใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อให้มั่นใจว่า ทุกชีวิตบนเรือไม่ได้ถูกนำตัวไปเสี่ยงชีวิต และได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมตามมาตรฐานมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

ขณะที่นายฌอน การ์เซีย ทนายความกลุ่มผู้ลี้ภัยระหว่างประเทศที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุตินโยบายผลักดันผู้ลี้ภัยและผู้ลักลอบเข้าเมืองออกนอกทะเลโดยทันที ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดแย้งต่อมาตรฐานกฎหมายระหว่างประเทศ

"รัฐบาลไทยนำบุคคลที่อ่อนแออย่างมากออกไปเสี่ยงชีวิต ซึ่งการผลักไสให้คนเหล่านี้ออกไปนอกทะเลไม่ใช่วิธีปิดกั้นผู้อพยพที่ถูกต้อง แต่จะยิ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตคนเหล่านี้" นายการ์เซียกล่าว

ด้านนางคริส เลวา ผู้ประสานงานกลุ่มอะรากัน โปรเจค ซึ่งกลุ่มทนายความระหว่างประเทศที่มีฐานอยู่ในกรุงเทพฯ ได้ยืนยันว่า ผู้รอดชีวิต 2 คน เป็นผู้เล่าเหตุการณ์ที่ประสบมาให้เธอฟังเอง โดยพวกเขาเล่าให้ฟังว่า กลุ่มผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายถูกมัดและโยนขึ้นเรือ หลังจากที่คนในกลุ่มดึงดันไม่ยอมขึ้นเรือท้องแบนของกองทัพเรือไทย

นางเลวากล่าวว่า ปัญหาเริ่มต้นขึ้นเมื่อทหารสามารถสกัดเรือผู้อพยพได้ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยผู้รอดชีวิตเผยว่า พวกเขาถูกมัดและคุมตัวไว้บนเกาะห่างไกลแห่งหนึ่งของไทยในทะเลอันดามัน ซึ่งที่นั่นพวกเขาถูกจับมัด ทุบตี และได้กินอาหารเพียงน้อยนิด จากนั้นกลุ่มผู้อพยพก็ถูกนำตัวไปยังเรือของกองทัพเรือลำหนึ่งที่ลากเรือท้องแบนลำหนึ่งไว้

"หลังจากที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงในทะเล ทหารเรือไทยก็สั่งให้ผู้อพยพขึ้นไปบนเรือท้องแบน แต่ทุกคนไม่ยอมทำตาม ทหารเรือจึงพยายามข่มขู่พวกเขาด้วยการใช้ปืนจี้ แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมขึ้น ทหารจึงผูกขาผู้อพยพบางคนก่อนจะโยนทิ้งน้ำไป 4 คน ซึ่งเมื่อผู้อพยพที่เหลือเห็นจึงยอมขึ้นเรือท้องแบนลำดังกล่าว โดยที่บนเรือมีเพียงน้ำ 2 ถัง และข้าว 4 กระสอบเท่านั้น" นางเลวาเผย

เรือลอยเคว้งอยู่หลายวันก่อนที่ผู้อพยพผู้สิ้นหวังจะกระโดดออกจากเรือโดยที่คิดว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้ฝั่งแล้ว ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่พบศพของคนเหล่านี้เพียง 10 คนเท่านั้น โดยออกค้นหาไม่นานหลังพบเรือของผู้อพยพที่ลอยไปจนถึงหมู่เกาะอันดามันในมหาสมุทรอินเดีย

ขณะที่ผู้บัญชาการทหารเรือของไทย ยังคงยืนยันว่าภาพทหารเรือไทยกระทำการทารุณโหดร้ายกับผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงญา ด้วยการปล่อยลอยลำกลางทะเลให้เสียชีวิต ไม่เป็นความจริง โดยเมื่อวันที่ 17 มกราคม พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวยืนยันอีกครั้งว่าข่าวที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง และเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า ทหารเรือได้ดำเนินการอย่างมีมนุษยธรรม และไม่ใช่ทหารที่ป่าเถื่อน ส่วนภาพถ่ายที่สื่อมวลชนต่างประเทศนำมาแสดง อาจเป็นภาพจากนักท่องเที่ยวที่ไม่รู้ขั้นตอนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่

“ภาพตอนที่เราจับกุม คงนึกภาพออกว่า คน 200 คนหลบหนีเข้าเมืองมาผิดกฎหมาย กำลังทหารเรามีเพียง 18 คน เราจำเป็นจะต้องให้เขาถอดเสื้อออก เพื่อดูว่ามีอาวุธหรือไม่ จำเป็นต้องให้เขานอนคว่ำแล้วเอามือไว้บนศีรษะ มิเช่นนั้น คน 18 คน จะคุมคน 200 คนได้อย่างไร อันนี้เป็นวิธีปฏิบัติของเรา เป็นการป้องกันตัวไม่ให้คน 200 คนมาทำร้ายคนของเรา 18 คน” พล.ร.อ.กำธรกล่าว

ผู้บัญชาการทหารเรือกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงญาถือเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ เพราะเข้ามาครั้งละ 100-200 คน ทำให้เกิดปัญหาด้านสังคมและสาธารณสุขตามมา ดังนั้น เชื่อว่าคงไม่มีคนไทยคนไหนต้องการให้ผู้หลบหนีเข้าเมือง 200 คนบุกเข้ามาในประเทศไทยอย่างเสรีทุกวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้นำภาพถ่ายการจับกุมชาวโรฮิงญามาแสดงให้สื่อมวลชนดูด้วยว่า ทหารเรือได้มีการดูแลผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามหลักมนุษยธรรม มีการเลี้ยงข้าวและจัดให้อยู่ในที่ร่มไม้ ก่อนที่จะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องผลักดันออกนอกประเทศ เพราะทหารเรือได้รักษากฎหมายตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองด้วย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์