บุกยิงดับ "แม่ม่ายสาว" เจ้าของสวนยาง-ปาล์ม ที่ทุ่งใหญ่ นครศรีธรรมราช มือปืนกระหน่ำ 5 นัดคาบ้านพัก เจ้าตัวพยายามหนีแล้ว แต่ไม่รอด สภาพศพยังมีกุญแจบ้านคามือ ตร.เผย พยานบ้านติดกันได้ยินเสียงมีคนมาเรียกหน้าบ้าน จนกระทั่งพบกลายเป็นศพ ต่อมาหนุ่มวัย 46 ปีรุดมอบตัว ยอมรับคบหามานาน 4 ปี ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง "พนักงานสอบสวน" สอบปากคำแล้ว แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่า ก่อนปล่อยตัวชั่วคราว ระบุคนร้ายต้องมีมากกว่า 1 คน สาเหตุเกิดจากเรื่องหึงหวงแน่นอน
ร.ต.อ. ศิวกร ฉิมพาลี พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุมีหญิงสาวถูกยิงเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านเลขที่ 67 หมู่ 7 ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จึงรายงานผู้บังคับบัญชา แล้วประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.นครศรีธรรมราช แพทย์เวร ร.พ.ทุ่งใหญ่ รุดไปร่วมตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สมโชค จันทรมณี ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ พ.ต.อ.ประจักษ์ รอดการทุกข์ พงส.ผทค. (หน.งานสอบสวน) สภ.ทุ่งใหญ่ พ.ต.ท.ชัยภัทร ศรีเรือง รอง ผกก.สส เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และหน่วยกู้ภัยช้างเผือก
ที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณประตูหน้าบ้านด้านในพบศพนางเพชรรัตน์ ศิลปะมีชัย อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน นอนหงายขวางประตูบ้านอยู่ในสภาพนุ่งกระโจมอก มือขวาพาดอยู่เหนือศีรษะในมือยังกำกุญแจบ้านไว้ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าท้ายทอย 1 นัด และแผ่นหลังอีก 4 นัด ตรวจสอบภายในบ้านพบหัวกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ 2 หัว แต่ไม่พบปลอกกระสุนปืน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนบริเวณประตูหลังบ้านมีรอยงัดจนลูกบิดประตูงอ
จากการสอบสวนเพื่อนบ้านให้การว่า ช่วงเวลาประมาณตีหนึ่งได้ยินเสียงมีคนมาเรียก ผู้ตายอยู่หน้าบ้าน จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด แต่คิดว่ามีคนยิงปืนเล่นจึงไม่ได้สนใจ จนกระทั่งช่วงเช้าออกมาเห็นประตูบ้านผู้ตายเปิดแง้มอยู่ เมื่อเข้าไปถึงรู้ว่าถูกยิงเสียชีวิตไปแล้วจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับนางเพชรรัตน์เป็นหญิงสาวหน้าตาดี มีบ้านอยู่ที่อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เพิ่งมาซื้อที่ดินทำสวนยางและสวนปาล์มในพื้นที่ประมาณ 20 ไร่อยู่ที่นี่ได้ไม่นาน โดยเจ้าของที่ดินที่อยู่ติดกันได้แบ่งที่ดินให้ปลูกบ้านหลังนี้ให้อยู่อาศัย
ต่อมาที่สภ.ทุ่งใหญ่ นายวิจิตร หนูเล็ก อายุ 46 ปี บ้านอยู่ อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพ.ต.อ.สมโชค จันทรมณี ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ และพ.ต.อ. ประจักษ์ รอดการทุกข์ พงส.ผทค.(หน.งานสอบสวน) โดยให้การว่าคบหาเป็นแฟนกับ ผู้ตายมานาน 4 ปีแล้วแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ช่วงเวลาเกิดเหตุอยู่บ้านญาติไม่ได้เดินทางมาหาผู้ตาย ไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่เคยมีหรือใช้อาวุธปืน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวน แล้วแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไว้ก่อนปล่อยตัวไปชั่วคราว
พ.ต.อ.ประจักษ์ เปิดเผยว่าเบื้องต้นนายวิจิตรได้ให้การปฏิเสธแต่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไว้ก่อน แล้วปล่อยตัวไปชั่วคราวเนื่องจากผู้ต้องหาเดินทางมามอบตัว ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนแล้วพบว่าคดีนี้มีผู้ต้องหา 2 รายโดยอีก 1 คนอาจทำหน้าที่คอยดูต้นทางให้มือปืน สอบสวนบุคคลใกล้ชิดผู้ตายให้การว่านางเพชรรัตน์ คบหากับนายวิจิตร มานาน 4 ปี จนกระทั่ง ผู้ตายมาซื้อที่ดินทำสวนยางและสวนปาล์มอยู่ที่อ.ทุ่งใหญ่ ทั้งคู่ก็มีปัญหากันมาตลอดเรื่องความหึงหวง เนื่องจากนายวิจิตรรู้ว่าผู้ตายมีความสนิทสนมกับชายคนหนึ่งในหมู่บ้านถึงขั้นมีการขู่ฆ่ากันมาแล้ว ก่อนเกิดเหตุ 2 วัน ผู้ตายเดินทางไปเที่ยวที่จ.ตรัง แล้วกลับเข้าบ้านเวลาประมาณ 21.00 น. จากนั้นมีพยานได้ยินเสียงมีคนมาเรียกผู้ตายอยู่บริเวณหน้าประตูบ้าน
พ.ต.อ.ประจักษ์กล่าวต่อว่า คาดว่าเมื่อ ผู้ตายไม่เปิดประตูให้ คนร้ายจึงงัดประตูหลังเข้าไป จนกระทั่งเกิดทะเลาะกันขึ้นจากนั้น ผู้ตายพยายามไขกุญแจบ้านเปิดประตูหนีออกมา แต่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงทางด้านหลัง 4 นัด ก่อนเดินมาจ่อยิงเข้าท้ายทอยอีกนัด ซึ่งดูจากพฤติกรรมแล้วคนร้ายค่อนข้างใจเย็น เนื่องจากยิงผู้ตายจนเสียชีวิตแล้ว ยังมีเวลาเก็บปลอกกระสุนปืนกลับไปด้วย แต่เจ้าหน้าที่ก็พบหัวกระสุนปืน 2 หัวซึ่งจะได้นำส่งตรวจพิสูจน์ โดยสาเหตุเกิดจากความหึงหวงแน่นอน ไม่ใช่การฆ่าชิงทรัพย์เพราะเงินสด 4 หมื่นบาทของผู้ตายก็ยังพบอยู่ในบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานและพยานแวดล้อม ดำเนินคดีกับคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
