มือปาหินเป็นศพ ซดยาพิษ สยองรร.ม่านรูด

จากคดีสะเทือนใจ เหตุการณ์คนร้ายขี่รถ จยย.สวนทางใช้ก้อนหินปากระจกหน้ารถบรรทุกอ้อย

ที่นายสนิท สายเพ็ชร์ อายุ 45 ปี ขับผ่านถนนเพชรเกษม กม.ที่ 147-148 หมู่ 3 ต.ต้นมะพร้าว อ.เมืองเพชรบุรี ก้อนหินหนักราวครึ่งกิโลกรัมทะลุผ่านกระจกเข้ามาถูกศีรษะ  ด.ช.อนุพงษ์ หรือน้องมอส สายเพ็ชร์ อายุ 12 ปี ลูกชายของนายสนิท ที่นั่งมาในรถ จนกะโหลกแตกเสียชีวิตอนาถ หลังเกิดเหตุตำรวจระดมกำลังสืบสวนตามล่าคนร้ายอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ นายสยุมพร ลิ่มไทย ผวจ.เพชรบุรี และ พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี ยังตั้งรางวัลนำจับรวม 1 แสนบาทนั้น
 

แต่แล้วล่าสุดมือปาหินจอมโหดก็ชิงฆ่าตัวตายหนีความผิดแล้ว

โดยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 11 มี.ค. พ.ต.ท.สุเมธ แก้วสวัสดิ์ สารวัตรเวร สภ.เมืองเพชรบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีคนกินยาฆ่าแมลงฆ่าตัวตายภายในห้องเลขที่ 25 โรงแรมม่านรูดแฮปปี้อินน์ หมู่ 1 ต.ไร่ส้ม จึงรายงานให้ พ.ต.อ.จตุพล เมืองชู ผกก. นำกำลังตำรวจ พร้อมแพทย์เวร รพ.พระจอมเกล้าเพชรบุรี และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชญไปตรวจสอบ
 

ภายในห้องที่เกิดเหตุพบศพนายพนม อินทกูล อายุ 37 ปี

บ้านเดิมอยู่เลขที่ 5 หมู่ 5 ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นอนน้ำลายฟูมปากอยู่บนเตียง สภาพศพสวมเสื้อโปโลสีขาว นุ่งกางเกงยีน ตามร่างกายไม่มีบาดแผล ภายในห้องพบยาฆ่าแมลงยี่ห้อแลนเนทขนาด 500 มิลลิกรัม ถูกเปิดฝาออกวางอยู่ 1 กระป๋อง แก้วน้ำ กระป๋องเบียร์เปล่า 1 กระป๋อง และขวดน้ำดื่ม 1 ขวด นอกจากนี้ ยังพบจดหมายลาตาย 3 ฉบับ เขียนถึงมารดา ลูกสาวชื่อมุก และภรรยาชื่อไร มีข้อความระบุว่า ขอโทษ ไม่มีใครรัก พร้อมตัดพ้อถึงความน้อยใจ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนที่หน้าห้องพบรถ จยย. ฮอนด้า เวฟ 100 เอส สีบรอนซ์ดำ ทะเบียน กลก เพชรบุรี 774 ของผู้ตายจอดอยู่ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ตายนำยาฆ่าแมลงใส่ผสมกับเบียร์แล้วดื่มเพื่อฆ่าตัวตาย
 


จากนั้นตำรวจได้เบาะแสจากพยานปากสำคัญคือ นายสุชิน หรือปลวก เอมโอด อายุ 53 ปี เพื่อนผู้ตาย

อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 2 ต.หนองปรง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี เป็น รปภ.บริษัทโกรเบสท์คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ผลิตอาหารสัตว์ ตั้งอยู่หมู่ 2 ต.หนองปรง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ให้การว่า นายพนมผู้ตายเป็นคนขับรถโฟล์กลิฟต์อยู่บริษัทเดียวกัน และเป็นคนใช้ก้อนหินขว้างใส่กระจกหน้ารถบรรทุกจนทำให้มีเด็กเสียชีวิต ตำรวจจึงนำตัวไปสอบถามอย่างละเอียด 

ต่อมา พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 พล.ต.ต. โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบช.ภ.7 นายสยุมพร ลิ่มไทย ผวจ.เพชรบุรี

พร้อมด้วยนายสนิท สายเพ็ชร์ พ่อของน้องมอส รวมทั้งนายสุชิน หรือปลวก เอมโอด พยานปากสำคัญ ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายสุชินเปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 9 มี.ค. นายพนมขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟ สีเทาดำ ทะเบียน กลก เพชรบุรี 774 มาหาที่บ้าน ขณะที่ตนกับลูกสาวอายุ 11 ขวบ นอนหลับอยู่ ลูกสาวลุกไปเปิดประตูให้ นายพนมอยู่ในอาการเมาและลุกลี้ ลุกลน เล่าให้ฟังด้วยความตื่นเต้นว่า ได้ใช้ก้อนหินขว้างใส่รถบรรทุกสิบล้อบนถนนเพชรเกษม ห่างจากโรงงานที่ทำอยู่ประมาณ 1 กม. ไม่รู้ว่ามีใครเป็นอะไรหรือเปล่า ขอหลบนอนพักอยู่ที่บ้าน

และในตอนเช้าจะไปรับภรรยาที่ทำงานอยู่โรงงานเดียวกัน

จนรุ่งเช้าก็ขี่รถ จยย.ออกจากบ้านไป จากนั้นตนก็ออกไปทำงานตามปกติ เมื่อไปถึงโรงงานได้ยินข่าวทางวิทยุว่า มีเหตุคนขว้างกระจกรถบรรทุกและมีเด็กเสียชีวิตด้วย ก็ต้องตกใจ เมื่อทราบว่าจุดเกิดเหตุเป็นจุดเดียวกับที่นายพนมเล่าให้ฟัง เมื่อเข้าไปในโรงงาน บรรดาคนงานยังพูดกันหนาหู แต่ตนก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นนายพนมหรือไม่ และหลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอนายพนมอีกเลย กระทั่งมาพบเป็นศพกินยาฆ่าตัวตายในโรงแรมม่านรูดดังกล่าว 


พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า

หลังเกิดเหตุได้สั่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้ ได้รับข้อมูลมากมายจากชาวบ้านใกล้ที่เกิดเหตุ ประกอบกับเมื่อนำก้อนหินที่ขว้างใส่รถบรรทุกมาตรวจสอบ พบว่าเป็นหินล้างที่ใช้ตบแต่งตามบ้านเรือน ตำรวจจึงกระจายกำลังตรวจสอบตามบ้านเรือนละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ จนไปพบว่ามีบ้านอยู่ 2 หลังใช้หิน ชนิดนี้นำมาทำเป็นพื้นถนนทางเข้าบ้าน หนึ่งในนั้นเป็นบ้านของนายสุชิน เมื่อเข้าไปสอบถาม นายสุชินเล่าให้ ตำรวจฟังว่า นายพนมได้มานอนค้างที่บ้านและเล่าเหตุการณ์การขว้างกระจกรถบรรทุกให้ฟัง ก่อนจะออกไปทำงานในตอนเช้า
 

ต่อมาตำรวจเดินทางไปที่โรงงานโกรเบสท์คอร์เปอเรชั่น ผลิตอาหารสัตว์ ที่นายพนมทำงานอยู่

ได้พบนายสมนึก ศิริสมบัติ หัวหน้างานเล่าว่า นายพนมมาที่โรงงานเมื่อตอนเช้าวันที่ 9 มี.ค. มาขอลาหยุดงาน โดยอ้างว่าทะเลาะกับภรรยาที่บ้านทำให้ไม่สบายใจ จึงอนุญาตให้หยุดงาน 1 วัน นายสมนึกยังเล่าอีกว่า ก่อนเกิดเหตุวันที่ 8 มี.ค. นายพนมมาชวนตนกับเพื่อนอีก 2 คน คือนายศิริชัย สารบรรณ และนายจรูญ เงาะแก้ว ไปนั่งดื่มเหล้าที่ร้านค้าใกล้ที่เกิดเหตุ  ระหว่างนั้นนายพนม เล่าเรื่องที่เคยมีปัญหากับรถบรรทุกเมื่อประมาณ 1 ปีเศษที่ผ่านมา


โดยมีเหตุการณ์รถบรรทุก 10 ล้อเฉี่ยวชนรถ จยย.คนงานในโรงงานบาดเจ็บสาหัส

นายพนมอาสาไปไกล่เกลี่ยให้รถบรรทุกสิบล้อจ่ายเงินค่ารักษาให้ แต่กลับถูกท้าทายให้ไปฟ้องร้องและขู่จะทำร้าย จึงผูกใจเจ็บกับพวกรถบรรทุกเรื่อยมา นอกจากนี้ ยังพูดถึงปัญหาครอบครัวว่าภรรยาชื่อนางอุไร ศตสังวัตสร์ ที่ทำงานอยู่ด้วยกันกำลังบอกเลิกขอแยกทาง ทำให้นายพนมกลุ้มใจมาก ทั้งที่นายพนมได้เลิกกับภรรยาเก่ามา 2 ปี เพื่อมาอยู่กับนางอุไร แต่นางอุไรกลับจะมาบอกเลิกไปอีกคน เพื่อนๆที่นั่งกินเหล้าด้วยกันก็พยายามปลอบใจพร้อมทั้งสั่งเหล้ามาดื่มกินเต็มที่ จนเมาได้ที่ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน 

ผบช.ภ.7 กล่าวต่อไปว่า หลังทราบข้อมูลทั้งหมด ตำรวจได้เดินทางไปที่บ้านนางอุไร ภรรยาของนายพนม

ที่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 4 ต.เขาย้อย อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี พบเพียงนางอุไร เล่าว่า ตอนเย็นวันที่ 8 มี.ค. หลังเลิกงาน นายพนมขี่รถ จยย.มาส่งที่บ้าน แล้วบอกว่าจะไปทำโอทีต่อ จากนั้นก็ขี่รถ จยย.ออกไป และกลับมาอีกครั้งตอนเช้าวันที่ 9 มี.ค. จึงถามว่าไปนอนที่ไหนมาถึงมารับสาย จนไม่ได้ทำงาน และเกิดการทะเลาะกันขึ้น ถึงขั้นตนบอกขอเลิก ทำให้นายพนมโกรธและหุนหันขี่รถ จยย.ออกไป โดยไม่รู้ว่าไปไหน ตำรวจจึงกระจายกำลังออกตามล่าตัว

กระทั่งตอนเช้าวันเดียวกันนี้ ก็มีคน ไปพบศพนายพนมกินยาฆ่าตัวตายอยู่ในโรงแรมดังกล่าว

และเพื่อเป็นการยืนยันว่าตำรวจไม่ได้จับแพะ จึงนำตัว ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาแถลงเพื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด เมื่อนำมาประกอบกันจึงเชื่อแน่ว่านายพนมเป็นคนใช้หินขว้างรถบรรทุกทำให้น้องมอสเสียชีวิต จากปากคำพยานทั้งหมดสอดคล้องกัน โดยมี 2 พ่อลูกที่นายพนมไปนอนค้างและเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ตำรวจได้สอบสวนยืนยันแล้วทุกอย่างสอดคล้องกันหมด 

ด้านนายสนิท สายเพ็ชร์ พ่อน้องมอสเผยว่า หลังจากได้ฟังพยานเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ
 
น้องมอสจะได้ไปสู่สรวงสวรรค์ ในครั้งแรกก็โกรธแค้นคนทำและอยากรู้ว่าเป็นใคร อยากถามด้วยว่าทำเพื่ออะไร คิดว่าหากตำรวจจับได้ก็จะให้มาขอขมาศพลูกชาย แต่เมื่อผู้กระทำเสียชีวิตไปแล้วก็จะอโหสิกรรมให้ เขาได้ชดใช้เวรกรรมที่ก่อขึ้นแล้ว ถือว่าสำนึกได้ ชดใช้กรรมด้วยการประหารตัวเองตายไป หลังงานเผาศพน้องมอสแล้วจะไปจุดธูปหน้าศพคนปาหินฆ่าลูก อยากดูหน้าว่าเป็นใคร และจะบอกว่าอโหสิกรรมให้ อย่ามา รบกวนหรือจองเวรจองกรรมกันอีกเลย
  

“ขอวิงวอนให้วัยรุ่นวัยคะนองทุกคนอย่าสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นโดยวิธีปาก้อนหินใส่รถแบบนี้อีก เพราะลูกผมและผมเป็นคนทำมาหากินไม่เคยสร้างความเดือดร้อนหรือเอาเปรียบใคร และไม่เคยมีเรื่องความโกรธเคืองต่อกัน ผมสูญเสียลูกมอสไปครั้งนี้ก็ขอให้เป็นรายสุดท้าย อย่าคิดทำกันแบบนี้อีกเลย”  นายสนิท พ่อผู้สูญเสียกล่าวในตอนท้าย

ต่อมาเวลา 19.00 น. ญาติได้นำศพนายพนม มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองตาเสือ หมู่ 5 ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

โดยมี น.ส.หทัยกาญจน์ อินทกูล อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/2 หมู่ 5 ต.กุยบุรี พี่สาวและญาติมาร่วมงาน บรรยากาศเป็นอย่างเศร้าสลด ทั้งนี้ น.ส.หทัยกาญจน์เปิดเผยว่า ญาติไม่เชื่อว่าสาเหตุที่น้องชายเสียชีวิตจะมาจากการปาหินใส่รถบรรทุก และไม่เชื่อว่านายพนม จะเป็นคนทำ เนื่องจากเป็นคนทำมาหากิน ไม่เคยมีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าว แต่ถ้าเป็นความจริงและมีหลักฐานยืนยันชัดเจน ญาติพี่น้องทุกคนยินดีไปขอขมาศพน้องมอส แต่หากไม่มีหลักฐานก็จะไม่ยอมรับ และอยากให้ตำรวจสืบหาคนที่กระทำความผิดจริงมาลงโทษต่อไป อย่างไรก็ตาม ก่อนที่น้องชายจะไปกินยาตาย ได้ทะเลาะกับนางอุไร เมียใหม่มา 4-5 วันแล้ว เนื่องจากนางอุไรไม่อยากให้ผู้ตายติดต่อกับลูก เพราะกลัวไปคืนดีกับเมียเก่า

ด้านนายถนอม อินทกูล อายุ 70 ปี และนางไสว อินทกูล อายุ 65 ปี พ่อและแม่ของนายพนม

กล่าวด้วย สีหน้าเศร้าสลดว่า ตอนนี้ยังไม่เชื่อว่านายพนมจะเป็นคน ก่อเหตุ เนื่องจากนิสัยของลูกชายไม่มีพฤติกรรมโหดร้าย ส่วนเรื่องที่ผู้ตายไปกินยาฆ่าตัวตายก็ยังไม่ชัดเจน จึงต้อง รอให้ผลพิสูจน์ศพออกมาเสียก่อน และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคลี่คลายเรื่องนี้ให้ชัดเจน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์