ม.3แท้งลูก! สลดใจหน้าเสาธง

"สลด ดญ.14 แท้งลูกหน้าเสาธง"



เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 16 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

ว่ามีเด็กนักเรียนหญิงตกเลือดมารักษา

หลังทราบเรื่องจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ ทราบชื่อ ด.ญ.จอย (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา สภาพเด็กมีอาการอ่อนเพลีย แพทย์ตรวจรักษาจนอาการปลอดภัยแล้ว และให้นอนรักษาดูอาการที่โรงพยาบาล

สอบถามเพื่อนนักเรียนได้ความว่า

ก่อนเกิดเหตุทางโรงเรียนเปิดเทอมเป็นวันแรก หลังปิดยาวมากว่า 3 เดือน โดย ด.ญ.จอยเดินทางมาโรงเรียนตามปกติตั้งแต่เช้า และไปยืนเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าเสาธง ระหว่างที่ครูปล่อยเดินแถวกลับห้องเรียนได้ไม่กี่ก้าว

ด.ญ.จอยที่บ่นว่าปวดท้องตั้งแต่ก่อนเข้าแถวแล้ว

จู่ๆก็มีเลือดไหลทะลักออกมาเป็นลิ่มๆ เปรอะขาและพื้นเต็มไปหมด สร้างความตกตะลึงให้กับเพื่อนๆและครูที่ยืนคุมนักเรียนอยู่ จึงช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล ปรากฏว่าหลังแพทย์ตรวจอาการพบว่า

ด.ญ.จอยตั้งท้องได้ประมาณ 2-3 เดือน

และมีอาการตกเลือดจนแท้งลูก ส่วนสาเหตุทราบว่าเด็กป่วยเป็นโรคไทรอยด์จนมีผลกระทบทำให้ครรภ์เป็นพิษ



ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนดังกล่าว

เพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น โดยได้รับทราบจากนายประเสริฐ อยู่นาน ผู้อำนวยการโรงเรียน ว่า ขณะนี้ทางโรงเรียนได้ ให้การช่วยเหลือเด็กนักเรียนหญิงที่มีการตกเลือดส่งโรงพยาบาล

และได้รับทราบจากแพทย์ว่าเด็กมีอาการปลอดภัย

พร้อมทั้งติดต่อให้ผู้ปกครองทราบเรื่องแล้ว ที่ผ่านมาทางโรงเรียนได้เน้นย้ำเด็กอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชู้สาว ยาเสพติด และการหมกมุ่นเล่นเกมอินเตอร์เน็ต คาดว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงปิดเทอม อย่างไรก็ตาม หากเด็กหายดีแล้วก็พร้อมเปิดโอกาสให้เรียนต่อ และจะให้นักจิตวิทยาดูแลสภาพจิตใจต่อไป

ด้านนายชัย (นามสมมติ) อายุ 42 ปี

พ่อของ ด.ญ.จอย กล่าวว่า หลังทราบข่าวรู้สึกตกใจแทบช็อกและเสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ สำหรับทางบ้านก็พอมีฐานะและค่อนข้างเลี้ยงลูกแบบตามใจ ช่วงปิดเทอมรู้ว่าลูกสาวคบหากับเพื่อนชาย

ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนพาณิชย์แห่งหนึ่ง

ใน อ.พระนครศรีอยุธยา แต่ไม่คิดว่าจะเกินเลยถึงขนาดนี้ ส่วนเรื่องคดีขณะนี้คงต้องรอให้ลูกสาวอาการดีก่อน จากนั้นค่อยปรึกษากับญาติๆว่าจะเอาอย่างไร

ส่วนนายสมพิศ ศุภพงษ์ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่

การศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 2 กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว คงต้องยอมรับว่าสังคมปัจจุบันมันเป็นอย่างนี้ ต้องเข้าใจเด็กยุคใหม่ มีโอกาสผิดพลาดได้มาก

จึงต้องให้โอกาสกับเด็กได้เรียนจนจบ

หากเด็กมีจิตใจสงบและพร้อม รวมทั้งไม่อายเพื่อนก็ให้กลับไปเรียนที่เก่าได้ แต่หากต้องการย้ายไปเรียนที่ใหม่ก็จะจัดหาให้ พร้อมกันนี้จะได้ติดตามเยียวยาสภาพจิตใจกันต่อไป



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์