ภาพสเก็ต! ฆาตกรฆ่า2แหม่มรัสเซีย!?

ตำรวจเดินหน้าคลี่ปมสังหาร น.ส.สวิรโควา ลูโบฟ อายุ 25 ปี และ น.ส.ซือเมร ทาทิอานา อายุ 30 ปี 2 สาวชาวรัสเซีย ขณะกำลังนอนเล่นบนเตียงผ้าใบริมชายหาดจอมเทียน หน้าโรงแรม อนันทยา รีสอร์ท หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีการระดมชุดสืบสวน ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง และผู้เชี่ยวชาญ เร่งคลี่คลายเต็มพิกัดแต่ยังหาปมสังหารที่แน่ชัดไม่ได้นั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 00.30 น. วานนี้ (28 ก.พ.) พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.ภ.2 เดินทางไปที่ศูนย์บัญชาการสืบสวนคดีฆ่า 2 แหม่มสาวชาวรัสเซีย ตั้งอยู่ภายในอาคารโรงแรม อนันทยา รีสอร์ท จอมเทียน เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีประกอบด้วย พล.ต.ต.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบก.ปดส. พ.ต.อ. อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พร้อมด้วยฝ่ายสืบสวน เพื่อวางแนวทางการคลี่คลายคดี ใช้เวลาหารือเครียดกว่า 2 ชั่วโมง

หลังประชุม พล.ต.ท.อัศวิน เผยว่า คดีเริ่มมีความกระจ่างมากขึ้น หลังนำภาพคนร้าย และยานพาหนะจากกล้องซีซีทีวี ไปปรับในห้องแล็บที่มีเทคโนโลยีทันสมัย สามารถเพิ่มความคมชัดมากขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ ภาพที่ปรากฏในจอภาพมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนปมสังหารยังไม่มุ่งเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และยังไม่สรุปว่ามือปืนเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ต้องหาข่าวเพิ่มเติม ได้ระดมกำลังลงพื้นที่สืบเบาะแสว่าตั้งแต่ผู้ตายเดินทางมาถึงประเทศ ไทย ที่สนามบินอู่ตะเภา เมื่อวันที่ 16 ก.พ. จนกระทั่งถึงวันที่เสียชีวิต ผู้ตายไปทำอะไรที่ไหนบ้าง คาดว่าคงได้พยานแวดล้อมมากขึ้นเพื่อสาวไปจนถึงตัวฆาตกร

ผบช.ภ.2 กล่าวอีกว่า ส่วนผลการผ่าพิสูจน์ศพจากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ไม่พบการใช้สารเสพติดในเลือดหรือสมองของผู้ตายทั้ง 2 ศพ พบร่องรอยการร่วมเพศ ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 4 วันก่อนเสียชีวิต แต่ไม่พบคราบอสุจิ คาดว่าน่าจะร่วมเพศกับบุคคลที่เป็นหมัน สวมถุงยางอนามัย และหลั่งน้ำอสุจิด้านนอก อีกทั้งยังพบแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ตายทั้งคู่มากกว่า 80 ซีซี ส่วนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. ออกมากล่าวตำหนิว่า หากคดีไม่คืบหน้า หรือจับคนร้ายไม่ได้ จะปรับปรุงตำรวจตั้งแต่ผู้บังคับบัญชา จนถึงตำรวจท้องที่นั้น ไม่รู้สึกกดดัน จะขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีที่เคยสร้างผลงานมานานกว่า 30 ปี

ต่อมาเช้าวันเดียวกัน พล.ต.ต.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีรยุทธ กิตติวัฒน์ พล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี ผบก. ภ.จ.ชลบุรี พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบก.ปดส. นำทีมสืบสวนจำลองสถานการณ์จริง บริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อประมวล วิเคราะห์ภาพวงจรปิดและลักษณะการเกิดเหตุที่ชัดเจนประกอบกับรอยรองเท้าหนังยี่ห้อดัง ทิมเบอร์แลนด์ (TIMBERLAND) ซึ่งเหยียบย่ำอยู่ในวันพบศพด้วย

ข่าวแจ้งว่า แนวทางการสืบสวน ตำรวจพบเบาะแสที่น่าสนใจคือ หลังเดินทางมาถึงประเทศไทยไม่กี่วัน ผู้ตายโทรศัพท์กลับไปบอกที่บ้านว่า มาเที่ยวเมืองไทยสนุกมาก รู้จักกับผู้ชายชาติเดียวกันที่ถนนวอล์กกิ้งสตรีท ย่านพัทยาใต้ เขาให้การดูแลเป็นอย่างดี และชักชวนไปเที่ยวเกาะล้านด้วย จากนั้นอีก 3 วัน ผู้ตายโทรศัพท์ไปบอกที่บ้านอีกว่า อยากกลับประเทศแล้ว เพราะมีกลุ่มชายสัญชาติเดียวกันเป็นแก๊งช็อปเปอร์ ลักษณะสูงใหญ่มาก่อกวน ลวนลาม และใช้วาจาไม่สุภาพ แถมยังติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลาเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบแก๊งช็อปเปอร์ดังกล่าวเต็มที่

ขณะที่ช่วงเย็น พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี ผบก.ภ.จ.ชลบุรี เรียกประชุมตำรวจชุดทำงานอีกครั้ง ที่ศูนย์บัญชาการสืบสวนโรงแรม อนันทยา รีสอร์ท จอมเทียน มีการนำแชมป์แฟนพันธุ์แท้รถจักรยานยนต์ ช็อปเปอร์ ตรวจสอบภาพวงจรปิดอย่างละเอียดเพิ่มเติม พร้อมทั้งสรุปประเมินผลการสืบสวนสอบสวนด้วย ภายหลังประชุม พล.ต.ท.อัศวินกล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานจนได้ภาพสเกตช์คนร้ายแล้ว เป็นชายไทย อายุราว 25 ปี รูปร่างสันทัด สูง 160-165 ซม. ผมยาวเหยียดตรง ทรงรากไทร จะได้นำแจกจ่ายไปยังท้องที่ต่างๆเพื่อติดตามจับกุม หากผู้ใดแจ้งเบาะแสจนตามจับกุมผู้ต้องหาได้จะมีรางวัลนำจับ 5 แสนบาท

ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา วันเดียวกัน ได้มีการประชุมสมาชิกสภาเมืองพัทยา โดยในที่ประชุมนายฟารุค วงษ์บริสุทธิ์ สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมืองพัทยาได้รับการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนจากภาครัฐจำนวนหลายสิบล้านบาท เพื่อดำเนินการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมท่องเที่ยว เฉพาะโครงการที่เห็นเป็นรูปธรรมอย่างระบบโทรทัศน์ วงจรปิด หรือระบบ CCTV บริเวณชายหาดเมืองพัทยา ที่ใช้ในการสอดส่องดูแลพฤติกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาก่อเหตุ ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้

ระบบดังกล่าวยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีการชำรุดมากกว่า 30% ของทั้งระบบ ทั้งๆที่ดำเนินการติดตั้งได้ไม่นาน จนดูเหมือนว่ามีการจัดซื้ออุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือของมือสองมาจัดทำ และเมื่อเกิดปัญหาอย่างกรณีของนักท่องเที่ยวสาวชาวรัสเซียที่ถูกฆาตกรรม ก็ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ กล้องมีถึง 80 ตัว แต่ไม่รู้เป็นอะไรวันเกิดเหตุมาเสียพร้อมกัน 20-30 ตัว จึงอยากให้ฝ่ายบริหารให้ความสำคัญเรื่องนี้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่สร้างภาพเสียหายเป็นอย่างมาก