พ่อเผยจ่ายักษ์รับ ว่าทำจริงเคยถามก่อนมอบตัว

"พรหมินทร์"เชื่อมีลอบฆ่า-ภาค2"มนูญกฤต"ป้อง"พัลลภ"ไม่เกี่ยว


หมอมิ้งเชื่อมีแผนลอบฆ่าภาค 2 แน่นอน อ้างหยั่งเสียงประชาชนเห็นใจนายกฯ โดนลอบสังหาร กระตุ้นคนไทยให้ตื่นตัวช่วยกันประณามการปฏิวัติ ขณะที่พันธมิตรฯ ระบุระบอบทักษิณคือต้นเหตุทั้งหมด "มนูญกฤต" ออกโรงปกป้อง"พัลลภ"เพื่อนร่วมรุ่นจปร.7 ไม่เชื่อจะคิดปฏิวัติ ชี้แม้วต้องรับผิดชอบทั้งหมดเพราะเป็นผอ.กอ.รมน.

เสธ.หมึกก็ออกมาหนุนพัลลภด่าจ่ายักษ์ติงต๊อง พันโทพ่อจ่ายักษ์เปิดใจลูกชายยอมรับขับรถให้แก๊งคาร์บอมบ์จริง โวยตร.บี้แต่ลูกชายคนเดียว ไม่เห็นไปเค้นพล.ต.-พ.อ.-พ.ท.บ้างเลย โฆษกตำรวจแถลงติงสื่ออย่ายุยงให้ทหารกับตำรวจแตกแยก ตร.สอบไปตามข้อเท็จจริง ไม่มีจัดฉาก "เจตน์"ยอมรับทดลองทำคาร์บอมบ์จริง


-หมอมิ้งชี้โพลไม่เชื่อจัดฉาก


ความคืบหน้าคดีคาร์บอมบ์ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.พัลลภ ปิ่มณี อดีตรองผอ.กอ.รมน.ระบุให้จับตาคดีคาร์บอมบ์ว่าเป็นเหมือนการสร้างหนังว่า ไม่มีความเห็นต่อความเห็นของคนอื่น แต่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมในวันนี้ อาทิ ตำรวจ มีหน้าที่ดำเนินการตามภารกิจของตัวเองตามกฎหมาย หากมีการก่ออาชญากรรมขึ้นอย่างนี้ก็ต้องมีการสืบสวนสอบสวน ซึ่งคนที่ออกมาวิจารณ์อาจจะไม่ได้เห็นข้อเท็จจริง เป็นหน้าที่โดยตรงของตำรวจ และปกติตำรวจเขาก็ไม่ได้แถลงข่าวอะไรมากนัก เนื่องจากจะเป็นผลเสียต่อรูปคดีได้

เมื่อถามว่า วิเคราะห์หรือไม่ว่าทำไมแทนที่ประชาชนจะเห็นใจนายกฯ แต่กลายเป็นว่าคิดว่าเรื่องนี้ถูกจัดฉากขึ้น น.พ.พรหมินทร์กล่าวว่า "คุณรู้ได้อย่างไร เพราะถ้าได้ดูโพลแล้วจะรู้สึกแปลกใจว่าไม่ตรงกับที่คุณพูด"

เมื่อถามว่าแสดงว่ารัฐบาลมีการทำโพลในเรื่องนี้ น.พ.พรหมินทร์กล่าวว่า เราหยั่งเสียงประชาชนอยู่เรื่อยๆ เราไม่ได้พูดแทนประชาชน เราดูจากสิ่งที่ประชาชนตอบ ด้วยวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์ ดังนั้นที่คิดกันเอง พูดกันเองนั้นหลายครั้งไม่ตรง เมื่อถามว่า แต่โพลหลายสำนักที่ออกมาระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่มองว่าเป็นการจัดฉาก น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร แต่สำนักที่เราใช้อยู่นี้เราเชื่อถือและแม่นยำ


-เรียกร้องประณามพวกปฏิวัติ


เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงถึงกระแสการปฏิวัติในประเทศหรือไม่ น.พ.พรหมินทร์กล่าวว่า เราทำทุกอย่างเพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยที่มาโดยรัฐธรรมนูญ ดังนั้นคนไทยทุกคนควรตื่นตัวและช่วยกันประณามการกระทำใดๆ ที่ให้ได้มาซึ่งอำนาจที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ตนอยากเรียกร้องให้กลุ่มที่บอกว่าจะเป็นประชาธิปไตยลองคิดถึงเรื่องเหล่านี้บ้าง

เมื่อถามว่าแสดงว่ามีแนวโน้มจริงต่อข่าวที่ออกมาว่าจะมีการปฏิวัติ เลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า คิดว่ามีความพยายามถึงขนาดลอบสังหารนายกฯ คงไม่ได้หยุดแค่นั้น ลองนึกภาพต่อว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นนั้นจะคืออาชญากรรมต่อระบอบประชาธิปไตย จะรักใครชอบใครอยู่ฝั่งไหนไม่สำคัญถ้าประกาศตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตยหมายถึงอำนาจต้องมาจากประชาชน ไม่ใช่อำนาจมาจากการทำลายล้างผู้นำ

เมื่อถามว่าแสดงว่ากลุ่มที่จะทำการปฏิวัติเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่จะลอบสังหารนายกฯ น.พ.พรหมินทร์กล่าวว่า ใครๆ ก็พอจะวิจารณ์หรือคิดหรือเดาได้ว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ตนไม่แน่ใจ คิดว่าพูดกันไปเอง แต่ถ้าคิดดูว่าสิ่งที่สำคัญในกระบวนการลอบสังหารผู้นำของประเทศมันเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่ไม่มีใครวิจารณ์เรื่องนี้ เพราะมัวแต่คิดว่าจัดฉากหรือไม่ รถไปอยู่ในที่จริง และการจับตัวผู้ต้องหาได้จริง แล้วถึงวันนี้ยังมานั่งถามกันอยู่ คงไม่ใช่ ที่สำคัญควรจะถามว่าแล้วเกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการประชาธิปไตย

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ของทุกวันนี้ ดูจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการปฏิวัติ น.พ.พรหมินทร์กล่าวว่า ถ้าประชาชนไทยไม่พร้อม ไม่มีใครกล้าทำปฏิวัติ


-พันธมิตรฯชี้แม้วเงื่อนไขปฏิวัติ


นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีน.พ.พรหมินทร์ระบุถึงเรื่องการทำปฏิวัติรัฐประหาร ว่า น.พ.พรหมินทร์กำลังทำให้สังคมสับสน โดยพื้นฐานแล้วพลังประชาชนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นด้วยกับการปฏิวัติ และไม่เคยเรียกร้อง แต่ข่าวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ น.พ.พรหมินทร์ ต้องกลับไปสำรวจว่าอะไรเป็นเงื่อนไขสำคัญ ถ้าไม่ใช่ระบอบทักษิณ ที่ทำให้สังคมไทยแตกแยกรุนแรง องค์อำนาจต่างๆ ในสังคมทั้งอำนาจระดับสูง และอำนาจกองทัพถูกคุกคาม ถูกจัดระเบียบเพื่อสถาปนาความมั่งคั่งของระบอบทักษิณ และเครือข่าย

นายสุริยะใส กล่าวว่า สิ่งที่น.พ.พรหมินทร์ต้องกังวล และเรียกร้องให้สังคมประณาม ควรเป็นต้นเหตุและเงื่อนไขของการปฏิวัติรัฐประหารมากกว่า เพราะถ้าไม่มีสาเหตุหรือแรงจูงใจก็คงไม่มีใครคิดทำปฏิวัติหรือรัฐประหาร เพราะกองทัพมีบทเรียนที่เจ็บปวดในเรื่องนี้ แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าการดื้ออยู่ในตำแหน่งต่อของพ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเชื้อเชิญให้กระแสปฏิวัติและรัฐประหารเป็นจริงมากขึ้น ที่น่าเป็นห่วงคือการปฏิวัติรัฐประหารครั้งนี้อาจมีความชอบธรรม และได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากกว่าการรัฐประหารที่ผ่านมาทุกครั้ง เราเคยเตือนรัฐบาลว่ากำลังทำให้การเมืองเข้าสู่ทางตัน แต่เราก็อดอดกลั้นยึดมั่นแนวทางสันติวิธี ไม่เป็นเงื่อนไขให้กับอำนาจนอกระบบ แต่พ.ตท.ทักษิณไม่ฟัง เอาแต่กอดอำนาจจนทำให้สถานการณ์เลวร้ายและขยายวง พ.ต.ท.ทักษิณเลิกจับคนไทย 63 ล้านคน เป็นตัวประกันทางการเมืองได้แล้ว ถ้ายังไม่ประกาศยุติบทบาททางการเมืองหรือเว้นวรรค เป็นห่วงว่าทุกอย่างจะสายเกินไปที่รัฐบาลนี้จะแก้ตัวได้


-มนูญกฤตจี้แม้วต้องรับผิดชอบ


ที่กองปราบปราม พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภา ที่เดินทางเข้ามาเป็นพยานให้กับนายนภินทร ศรีสรรพพางค์ รักษาการ ส.ว.ราชบุรี ในคดีสังหารนางกอบกุล นพอมรบดี อดีตส.ส.ราชบุรี ให้สัมภาษณ์ถึงคดีคาร์บอมบ์ที่มีกระแสข่าวกระทบกระทั่งระหว่างทหารกับตำรวจว่า การกระทบกระทั่งต้องมีบ้าง แต่สิ่งที่เป็นความจริงต้องเป็นความจริง ส่วนตัวแล้วเห็นว่าการทำผิดพลาดมีหลายอย่าง อย่าลืมว่าเหตุการณ์นี้ผู้กระทำเป็นผู้รักษาความมั่นคงภายใน ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้อำนวยการอยู่ มีรองผู้อำนวยการฝ่ายการเมือง แต่ผู้ปฏิบัติเป็นทหาร มีรองผู้อำนวยการฝ่ายทหารเป็นผบ.สส. มีรองผู้อำนวยการฝ่ายปกครอง เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย มีผู้ช่วยผู้อำนวยการ เป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ ตำรวจ และอธิบดีกรมการปกครอง ตามโครงสร้างผู้บังคับบัญชามีสิทธิลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำผิดตามสายงาน ยกตัวอย่างทหารที่มาทำงานให้กอ.รมน. เมื่อดูตามโครงสร้างแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย หากทำไม่ได้ ควรจะออกจากตำแหน่งเสีย

พล.ต.มนูญกฤตกล่าวต่อว่า ในส่วนของทหารบกที่มากระทำความผิด ต้องเป็นความรับผิดชอบของผบ.ทบ. หากรับผิดชอบไม่ได้ก็คงเละเทะอยู่กันไม่ได้ ส่วนการทำงานของตำรวจก็ต้องดำเนินการกันต่อไป เพราะผบ.ตร.อยู่ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการ กอ.รมน. จึงควรทำในส่วนที่เป็นความจริง ตามพยานหลักฐานอย่าไปขยายความ


-ปกป้อง"พัลลภ"-ไม่คิดปฏิวัติ


พล.ต.มนูญกฤต กล่าวถึงเรื่องข่าวพาดพิงถึงพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เพื่อนร่วมรุ่นจปร.7 ว่า เชื่อว่าพล.อ.พัลลภไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องเพราะรู้จักพล.อ.พัลลภดี เขาไม่ใช่คนอย่างนี้ คิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีอะไรที่ซับซ้อนหลายชั้น ถ้าไม่รีบยุติจะเกิดความขัดแย้งมากขึ้น จนเกิดปัญหาการแตกความสามัคคี เรื่องนี้จึงต้องเข้าใจต้นเหตุและแก้ไขให้หมดไป ส่วนกระแสข่าวการปฏิวัตินั้นตนเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะไม่ใช่เวลาที่จะกระทำกันอย่างนั้น เรื่องการเมืองว่ากันไป ส่วนความมั่นคงทางกอ.รมน. ที่มีผู้อำนวยการ และรองผู้อำนวยการจะมาทำเฉยไม่ได้ ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ส่วนตำรวจทำถูกแล้ว เพราะพบผู้กระทำความผิด แต่ถ้าไม่ทำตำรวจเองจะมีความผิด

ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้น่าจะมีสาเหตุมาจากเรื่องใด พล.ต.มนูญกฤตกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ไม่มีอะไรที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง หรือไม่มีการเมืองเข้ามายุ่ง เพราะโลกนี้การเมืองเกี่ยวข้องกับทุกเรื่อง ส่วนจะเป็นการจัดฉากหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่เหตุการณ์มีอยู่จริงที่พบว่ามีนายทหารอยู่ในรถยนต์ซึ่งมีวัตถุระเบิด ตำรวจก็ต้องดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริง


-เสธ.หมึกย้ำจ่ายักษ์ติงต๊อง


วันเดียวกัน พล.ท.พิรัช สวามิวัสดิ์ หรือเสธ.หมึก ร่วมรุ่นพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าจ่ายักษ์ติงต๊อง เพราะดูจากการแต่งตัวแปลกๆ ที่สำคัญถูกซื้อด้วยเงินก้อนโตและอยู่ใต้อำนาจเงินที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้เป็นคนพูดตามบทที่มีเจ้าหน้าที่เป็นผู้กำกับบท รวมถึงต้องการกันตัวไว้เป็นพยานเพื่อซัดทอดไปถึงบุคคลอื่น เพราะคนที่เขาคิดจะทำปฏิวัติ ถ้าเป็นถึงระดับพลเอกคงไม่คิดตื้นๆ ที่จะเอาทหารระดับแค่จ่ามารับรู้ หรือร่วมฟังการหารือวางแผน มันเป็นไปไม่ได้

รายงานข่าวแจ้งว่า จ่ายักษ์เป็นลูกของพ.ท.ประสาท จันทระ นายทหารสังกัดกรมการแพทย์ทหารบก ไปช่วยราชการ กอ.รมน. โดยพ.ท.ประสาท สนิทสนมกับพ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือเสธ.ตี๋ จึงฝากจ่ายักษ์เข้าทำงานกับพ.อ.สุรพล โดยเป็นคนขับรถส่วนตัว หลังจากนั้นจึงได้บรรจุให้จ่ายักษ์ เข้ารับราชการทหารในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยพ.อ.สุรพลยังมีอาชีพเสริมด้วยการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับวินรถตู้โดยสารย่านปทุมธานี โดยมีจ่ายักษ์เป็นลูกน้องคนสนิทที่เข้าไปควบคุมดูแลวินรถตู้ดังกล่าว โดยธุรกิจรถตู้ของพ.อ.สุรพลมีความเชื่อมโยงธุรกิจของนายทหารระดับพลโทที่มีความใกล้ชิดกับรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ด้วย


-พันโทพ่อ"จ่ายักษ์"เปิดใจ


วันเดียวกัน พ.ท.ประสาท จันทระ อายุ 56 ปี ทหารสังกัดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) บิดาของจ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือจ่ายักษ์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า คดีนี้ที่ลูกชายของตนเป็นผู้ต้องหาเพียงคนเดียวที่ยอมเปิดปากรับสารภาพ ถือว่าเป็นเรื่องของเขามีสิทธิที่จะพูดอะไรก็ได้ เมื่อครั้งที่ตำรวจเข้าตรวจค้นห้องพักของจ่ายักษ์ที่เมืองทองธานีนั้นตนทราบว่าจ่ายักษ์ไม่ได้อยู่ในห้อง หลังจากนั้นตำรวจก็ได้มีหมายเรียกจ่ายักษ์ไปที่กระทรวงกลาโหม ต่อมาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จึงได้เรียกตนเข้าไปพบพร้อมกับบอกว่าให้พาตัวจ่ายักษ์มาให้จะได้พาไปส่งให้ตำรวจ

พ.ท.ประสาท กล่าวต่อว่า เมื่อตนไปที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เห็นมีนายพลอยู่กันเต็มไปหมด ตั้งแต่พลโทลงมา ตนเลยถามไปว่าจะมีใครให้ความปลอดภัยกับจ่ายักษ์ได้ไหม ก็ไม่เห็นมีใครตอบได้ จึงเป็นห่วงว่าเขาจะไม่ได้รับความปลอดภัย ต่อมาตนถึงได้พบหน้าลูกชายอีกครั้ง หลังจากที่น้องชายซึ่งเป็นทนายความไปติดตามตัวมาได้ เป็นครั้งเดียวหลังจากเกิดเหตุ และไม่ได้เจอหน้าอีกเลย นอกจากนี้จะไม่ไปเยี่ยมที่กองปราบปรามอีกด้วย เพราะเขาเป็นลูกผู้ชายที่โตแล้ว

พ.ท.ประสาทกล่าวอีกว่า คดีที่เกิดขึ้นนี้ตนก็ไม่ได้เชื่อหรือว่าไม่เชื่อ แต่ตอนที่ตนได้พบกับลูกชายก่อนเข้ามอบตัวนั้น ได้ถามไปเพียงคำถามเดียวว่า ไปขับรถให้เขาจริงหรือไม่ ซึ่งทางลูกชายบอกว่าไปขับให้จริง ตนจึงแนะนำไปว่าทำอย่างไรก็ให้บอกตำรวจไปอย่างนั้น ถึงตอนนี้ก็คงบอกไม่ได้ว่าผิดหรือถูก เพราะยังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามตนอยากขอร้องให้ลูกชายพูดแต่ความเป็นจริงอย่าไปโกหก หรือตอแหล ผิดถูกก็รับกรรมกันไปเพราะเป็นเรื่องของเขา เพราะทางบ้านทำได้เพียงแต่ให้น้องชายที่เป็นทนายความเข้าไปช่วยดูแลทางคดีให้เท่านั้น

"ผมเป็นทหารไม่อยากพูดอะไรมาก แต่ก็สงสัยอย่างเดียวว่าทำไมตำรวจถึงต้องมาบี้เอาแต่ลูกชายของผมเพียงคนเดียว ทำไมไม่ไปเค้นกับคนอื่นบ้าง ตามข่าวผมก็เห็นว่าคดีนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้อง มีตั้งหลายระดับทั้งพลตรี พันเอก พันโท ทำไมมาเอาเรื่องกับทหารยศจ่าเพียงคนเดียว" พ.ท.ประสาทกล่าว


-อชิรวิทย์แถลงย้ำการให้ข่าว


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผู้ช่วยผบ.ตร.และโฆษกตำรวจ แถลงข่าวคดีลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า การดำเนินงานของพนักงานสอบสวนในคดีนี้ยึดถือกรอบการดำเนินการและขั้นตอนของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดีลักษณะ 20 ข้อตกลงระหว่างกระทรวงบทที่ 1 การปฏิบัติและการประสานงาน กรณีที่ทหารถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทางอาญา พ.ศ.2544 โดยสามารถลำดับได้ คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แต่งตั้งพนักงานสอบสวนรับผิดชอบ ตามคำสั่งที่ 567/2549 ลงวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2549

พล.ต.ท.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน ตร.มอบหมายให้ตน, พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รองผบช.ก. พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รองผบช.น. ในฐานะรองหัวหน้าพนักงานสอบสวนและพล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป.ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ดังนั้นการให้ข่าวของผู้ที่รับผิดชอบถือว่าได้ผ่านการคัดกรอง ตรวจสอบเชื่อถือได้และอยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนข่าวอื่นนอกเหนือจากการแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ของผู้ที่รับผิดชอบที่มีการพาดพิงบุคคลอื่นให้เกิดความเสียหาย และมีผลต่อความรู้สึกของประชาชน มิได้เกิดจากการแถลงข่าวของผู้รับผิดชอบ


-อย่ายุยงให้ทหาร-ตร.แตกกัน


พล.ต.ท.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ข่าวไหนที่ไม่ได้ออกจากปากคนที่รับผิดชอบ เราต้องขอปฏิเสธทุกข่าว ส่วนรายงานข่าวที่ว่าจะออกมาจากสำนวนการสอบสวนหรือตนไม่ทราบ อยากให้ทุกคนตระหนักว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่ แม้แต่สื่อที่ออกมาวิจารณ์ตามสิทธิก็ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และขอร้องอย่าพยายามวิจารณ์ที่ไม่สร้างสรรค์และสร้างความแตกแยกระหว่างตำรวจกับทหาร

โฆษกตร.กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อีกทั้งข้อตกลงในเรื่องการปฏิบัติและการประสานงานกรณีที่ทหารถูกกล่าวหาโดยเฉพาะการประสานงานขอความร่วมมือไปยังต้นสังกัดของทหารที่เป็นผู้ต้องสงสัย รวมทั้งการขอหมายค้น การควบคุมตัว การผัดฟ้อง ฝากขังและการคัดค้านการขอร้องปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานสอบสวนได้ปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยได้รับความร่วมมือจากนายทหารพระธรรมนูญ ส่วนพยานหลักฐานที่รวบรวมได้จะเสนอต่อศาลทหาร

ผู้ช่วยผบ.ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับการนำภาพวีดิทัศน์ของร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ มาเผยแพร่นั้น ได้รับการยินยอมจากเจ้าตัวและเป็นการให้สาธารณชนได้รับข่าวสารตามรัฐธรรมนูญมาตรา 34 และมาตรา 58 เนื่องจากประชาชนมีสิทธิรับรู้ถึงภยันตรายร้ายแรงได้รับความคืบคลานเข้ามาใกล้ตัว


-ย้ำตร.ยืนอยู่ข้างประชาชน


"มีผู้กล่าวว่าปัจจุบันกลายเป็นตำรวจรัฐตำรวจนั้น โดยปกติตำรวจมักถูกแบ่งฝ่ายให้อยู่กับฝ่ายที่มีอำนาจหรือฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ขอเรียนว่ากระบวนการยุติธรรมมีระบบเป็นขั้นตอน ต้องอาศัยเวลา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ที่สำคัญการดำเนินคดีอาญามีอายุความ ข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่ยังไม่ปรากฏ หากปรากฏขึ้นภายหลังที่อายุความยังไม่หมดสามารถเอาผิดกับผู้กระทำผิดได้" พล.ต.ท.อชิรวิทย์กล่าวและว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญมีการถ่วงดุลการทำงานของตำรวจ ทำให้ตำรวจต้องรับผิดชอบทุกการกระทำ จำเลยสามารถร้องขอรับค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายได้ หากศาลพิพากษาอันถึงที่สุดว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดหรือจำเลยไม่ได้กระทำผิดหรือมีการถอนฟ้องระหว่างดำเนินคดี ตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่าย แก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 หรือบุคคลทั่วไปที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำอันเกิดจาการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐย่อมได้รับการชดใช้จากหน่วยงานนั้น ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ซึ่งทั้งหมดเป็นคำตอบว่าการทำคดีนี้เราต้องทำตามข้อเท็จจริง ไม่ได้ปั้นเรื่องขึ้นมาอย่างที่พูดกัน เพราะถ้าทำอย่างนั้นตร.เองต้องรับผิดชอบมากมาย

พล.ต.ท.อชิรวิทย์กล่าวว่า ตำรวจภายใต้การนำของพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ต้องอยู่เคียงข้างประชาชนและความถูกต้อง อีกทั้งต้องปฏิบัติหน้าที่ต้องวางตัวให้เหมาะสมและรักษาความยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะดำเนินการในคดีนี้อย่างรัดกุม โปร่งใส ไม่คลุมเครือและสามารถตรวจสอบได้ เพื่อนำความจริงมาเสนอต่อประชาชน และคดีนี้เราจะทำความจริงให้ปรากฏ แต่การวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายในคดีนี้ ทำให้ตำรวจรู้สึกหนักใจ ทั้งนี้ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้ต้องมีความอดทน เราไม่ต้องการให้ฝ่ายใดมาชี้นำ เราขอทำไปตามกระบวนการยุติธรรม


-สอบตามข้อเท็จจริง-ไม่มีจัดฉาก


ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุลอบวางระเบิดในครั้งนี้เป็นการจัดฉากหรือไม่ พล.ต.ท.อชิรวิทย์กล่าวว่า ไม่ขอตอบ แต่ขั้นตอนการดำเนินงานในระบบกระบวนการยุติธรรมไม่มีการจัดฉาก อีกทั้งคำว่าจัดฉากไม่มีอยู่ในกระบวนการยุติธรรม เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะพิสูจน์ความจริง ทั้งนี้การดำเนินงานของตำรวจจะมีกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันคอยถ่วงดุลอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนและพนักงานสอบสวนในคดีนี้มีความรู้สึกเครียด กดดัน

"ปัจจุบันบ้านเมืองอยู่ในกำมือของสื่อ เนื่องจากประชาชนทุกคนได้รับข่าวสารจากผู้สื่อข่าว สื่อถือว่าสำคัญมาก จึงอยากขอให้ผู้สื่อข่าวมีจริยธรรมในการนำเสนอข่าว การออกมาวิจารณ์ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมายด้วย ขอให้สื่อเห็นใจบ้านเมืองด้วย อย่าป้อนคำถามเพื่อให้แตกแยกกัน เพราะไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง" โฆษกตร.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.กอ.รมน. ออกมาเปิดเผยว่า มีการร่วมมือกันระหว่างตำรวจกับจ่ายักษ์กุเรื่องนี้ขึ้นมานั้น พล.ต.ท.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ไม่ขอตอบคำถาม หากสงสัยต้องไปถามพล.อ.พัลลภเอง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสำนวนการสอบสวน หากตำรวจทำอะไรที่เป็นเท็จ ตำรวจต้องรับผิดชอบ สำหรับการสอบสวนในคดีนี้จะสามารถสืบสวนไปถึงผู้บงการหรือนายใหญ่ได้หรือไม่นั้น หากคดีมีความคืบหน้าไปถึงไหนจะมีการมาแถลงข่าวความคืบหน้าในภายหลัง ซึ่งขณะนี้อยู่ขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานของพนักงานสอบสวน


-"เจตน์"รับทดลองระเบิดจริง


พล.ต.ท.อชิรวิทย์กล่าวว่า เมื่อถึงต้นเดือนต.ค.จะมีการโยกย้ายข้าราชการตำรวจ หากไม่มีการยกเลิกคำสั่งการตั้งพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ถือว่าไม่มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนหรืออาจจะให้มีการร่วมกันทำงานของ 2 ฝ่าย แต่ตนคิดว่าการสอบสวนน่าจะเสร็จก่อนจะมีการโยกย้ายในต้นเดือนต.ค.นี้

ที่กองปราบฯ สำหรับบรรยากาศการทำงานของคณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวในวันนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น ตลอดทั้งวันไม่มีการเบิกตัว จ.ส.อ.ชาคริตมาทำการสอบปากคำเพิ่มเติมแต่อย่างใด มีเพียงพล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. และรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนที่ได้เดินทางมาตรวจสอบความคืบหน้าของคดี โดยพล.ต.ต.เจตน์กล่าวถึงการทดสอบระเบิดจำลองว่า ระเบิดที่ทดสอบได้ย่อส่วนลงมาโดยใช้เพียง 1 ใน 4 ก็ระเบิดได้จริง หากเป็นระเบิดเท่าขนาดของกลางที่ยึดได้ก็จะมีความร้ายแรงมากกว่านั้น ส่วนการตรวจสอบคำให้การของจ.ส.อ.ชาคริตนั้นต้องรอการตรวจสอบทางพนักงานสอบสวนอีกครั้ง

ด้านพล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. กล่าวว่า การรวบรวมหลักฐานทุกอย่างในคดีนี้เริ่มมาจากการจับกุมร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ พร้อมของกลางวัตถุระเบิด ซึ่งพยานหลักฐานทุกอย่างเกี่ยวข้องกับตัวบุคคล และของกลางที่ยึดได้ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปพอสมควร และพยายามเร่งรัดเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ เนื่องจากการตรวจสอบดังกล่าวต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์