พ่อเฒ่าหาปลาลมจับ!! ถูกหมายฟ้องเรียกกว่าครึ่งล้าน คดีชนรถซีอาร์วี ทั้งที่ขับรถไม่เป็น

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 9 ต.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า นายทองอยู่ และ นางปราศรัย ศรีสุธรรม อายุ 62 ปี และ 58 ปี สองสามีภรรยา

อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 6 บ้านโพนบก ต.บ้านแป้น อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร พร้อมด้วย นายแสวง วงค์รำพัน ผู้ใหญ่บ้านโพนบก หมู่ที่ 6 เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ประยูร อุ่นตา ร้อยเวร สภ.โพนนาแก้ว เพื่อขอให้ช่วยบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานว่า นายทองอยู่ ศรีสุธรรม อายุ 62 ปี อยู่บ้านโพนบก ถูกยื่นฟ้องเป็นจำเลยที่ 1 โดยในสำเนาฟ้องมีข้อความว่า โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีอาร์วี สีขาว ทะเบียน ฎธ 5 กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่และควบคุมดูแลรถยนต์บรรทุก ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน ลร. 1930 กทม.

 โดยโจทย์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้บังอาจทำการละเมิดต่อโจทย์ คือ
 
เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2556 เวลาประมาณ 09.40 น. โดยโจทก์ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น ซีอาร์วี สีขาวหมายเลขทะเบียน ฎธ 5 กรุงเทพมหานคร แล่นไปตามถนนโชคชัย 4 มุ่งหน้าไปทางถนนลาดพร้าว ในขณะที่จำเลยขับขี่และควบคุมดูแลรถยนต์คันหมายเลข ลร 1930 กทม. ขับขี่สวนทางมาจากถนนลาดพร้าว ด้วยความเร็วในลักณะที่น่าหวาดเสียว

 โดยเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุใกล้ซอยโชคชัย 4 ซอย 73 ถนนโชคชัย 5 แขวงลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร
รถยนต์ดังกล่าวได้ข้ามมาในช่องทางเดินของรถโจทก์ด้วยความเร็ว และชนเข้ากับรถของโจทย์ เป็นเหตุให้รถของโจทก์และอุปกรณ์ ส่วนควบคุมของรถเสียหาย

พ่อเฒ่าหาปลาลมจับ!! ถูกหมายฟ้องเรียกกว่าครึ่งล้าน คดีชนรถซีอาร์วี ทั้งที่ขับรถไม่เป็น

นายทองอยู่ ศรีสุธรรม ผู้ถูกฟ้อง กล่าวว่า ขณะที่ตนกำลังจะนำลอบลงไปดักปลาในหนองหาร ตามปกติแล้ว

เมื่อเลาประมาณใกล้เที่ยง วันที่ 7 ต.ค.56 ได้มีรถปิกอัพคันหนึ่งไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนมีผู้ชายเป็นคนขับและผู้หญิงนั่งมาด้วยได้มาจอดหน้าบ้าน จากนั้นลงมาวางถุงกระดาษสีน้ำตาล ไว้ที่หน้าบ้านแล้วขับรถออกไป ตนจึงให้ภรรยาไปเก็บมาดู และพบว่าเป็นคำฟ้องของศาลแพ่ง ที่กรุงเทพ(รัชดา) ลูกสาวบอกว่า เขาฟ้องว่าขับรถไปชนเขา

 เมื่อตนทราบถึงกับทรุดและเข่าอ่อนทันที่ ทุกคนตกใจหมดเพราะดูแล้วบ้านเลขที่

ที่อยู่ถูกต้อง แต่ที่ไม่ถูกต้องทุกคนบอกว่า พ่อขับรถไม่เป็น และยิ่งไม่เชื่ออีกว่าชนที่กรุงเทพฯ อยากถามว่าขับรถยังไม่เป็น
แล้วยังขับในกรุงเทพฯอีก แล้วจะเชื่อใคร และที่สำคัญ กรุงเทพฯเคยไปครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีรถตู้มารับที่บ้านเพื่อไปเยี่ยมลูกสาวที่ทำงานในโรงงาน

 นายทองอยู่ กล่าวว่า ทุกวันอยู่ที่บ้านก็สานลอบ สานแห เพื่อไปดักปลาในหนองหาร ไม่เคยไปไหนเลย
 
ที่สำคัญขับรถก็ไม่เป็น แบบนี้ผมว่ามั่วกันแล้ว สงสัยเขาเอาหลักฐานมาจากไหน ตอนนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนภรรยาถึงกับล้มป่วยแล้ว เพราะเข้าฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 655.004.42 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี ผมจึงอยากถามว่า ทำไมเป็นเช่นนี้ไปได้ ก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร หากจะให้เดินทางมาที่กรุงเทพฯ ก็ไม่มีเงิน เพราะทุกวันนี้ก็ยากจน อาศัยลูกที่เป็นผู้หญิงสามคน คอยดูแล

 ด้านแสวง วงค์รำพัน ผู้ใหญ่บ้านโพนบก กล่าวว่า ที่เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้

เพราะนายทองอยู่ไม่ได้ไปไหนอยู่แต่บ้าน และก็ขับรถไม่เป็น ผมยังงง ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร ครอบครัวเขาก็ยากจน แถมมาพบเรื่องแบบนี้อีก ถึงกับทรุดป่วย เพราะชาวบ้านหากพบเรื่องแบบนี้ คิดมากเพราะเขากลัว ตนจึงได้พยายามให้ลูกเมียปลอบใจ เพราะกลัวเขาทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย

 “ผมอีกคนขอยืนยันว่า นายทองอยู่ไม่เคยไปไหน อย่างมากก็ในตัวเมืองสกลนคร ก็ยังไม่ค่อยได้ไป อาหารการกินส่วนใหญ่เขาจะลงไปดักลอบปลา หากบเขียดในหนองหาร ทุกคนในหมู่บ้านก็เห็น และก็ขับรถไม่เป็นอีก และยิ่งบอกว่าขับในกรุงเทพฯ แล้วยิ่งไม่มีคนเชื่อ ผู้ใหญ่บ้านกล่าวและว่า จะต้องพาไปพบผู้รู้ว่าจะทำอย่างไรในการหาทางช่วยเหลือ ต่อไป

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์