พ่อยิงปืนขู่-หย่าศึกลูกชายทะเลาะกัน กระสุนเจาะหัวคนพี่โคม่า

พ่อยิงปืนขู่-หย่าศึกลูกชายทะเลาะกัน กระสุนเจาะหัวคนพี่โคม่า พ่อตกใจขับรถเผ่นหนี!

 เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. นายเลียง คันธี อายุ 78 ปี

พร้อมด้วยนายรัตร์ชนะ คันธี อายุ 36 ปี อยู่ ต.นายูง อ.นายูง จ.อุดรธานี บุตรชาย ได้เดินทางเข้ามามอบตัวกับ พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.ภ.จ.อุดรธานี หลังจากก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายปลารอน คันธี บุตรชาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส อ้างว่าเพียงยิงขู่ให้พี่น้องเลิกทะเลาะกัน แต่พลาดไปโดนเข้าที่ศีรษะอาการปางตาย

 สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกันนี้ ร.ต.อ.เสถียร วงศ์หาจักร พงส.สภ.นายูง จ.อุดรธานี

ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่ร้านปลารอนก่อสร้าง เลขที่ 131 หมู่ 4 บ้านปากราง ต.นายูง อ.นายูง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อารักษ์ มะสาธานัง ผกก.สภ.นายูง นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น ที่บริเวณชั้นล่างบ้าน ทำเป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้าง และที่บริเวณม้าหินอ่อนหน้าบ้าน พบผู้บาดเจ็บทราบชื่อภายหลังว่า นายปลารอน คันธี อายุ 40 ปี เจ้าของร้าน ถูกยิงบริเวณขมับขวา 1 นัด กระสุนฝังใน นอนฟุบหายใจรวยรินอยู่ข้างโต๊ะ เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลนายูง และส่งต่อไป รพ.ศูนย์อุดรธานี อาการยังโคม่า และทราบว่าผู้ก่อเหตุยิงนายปลารอน คือ นายเลียง คันธี ผู้เป็นพ่อ หลังเกิดเหตุได้ขึ้นรถกระบะหลบหนีไป

 จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บนั่งพูดคุยอยู่กับนายเลียง ผู้เป็นพ่อ และนายรัตร์ชนะ น้องชาย

ก่อนพี่น้องทั้ง 2 คน จะมีปากเสียงทะเลาะกัน จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ผู้บาดเจ็บฟุบลงกับพื้น ส่วนนายเลียงและนายรัตร์ชนะ ได้วิ่งขึ้นรถกระบะขับหลบหนีไป ตำรวจจึงได้ติดตามไปที่บ้านนายเลียง พบอาวุธปืนขนาด .22 แม็กนั่ม บรรจุกระสุน 6 นัด ยิงไปแล้ว 1 นัด วางอยู่ข้างที่นอน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และออกติดตามนายเลียงและนายรัตร์ชนะ ตามบ้านญาติแต่ไม่พบ ต่อมา นายเลียงฯ และนายรัตร์ชนะ จึงได้เดินเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.สุรินทร์ ชัยชมภู รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ที่ สภ.เมืองอุดรธานี

 นายเลียง ให้การรับสารภาพว่า มีลูก 10 คน ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นลูกคนที่ 5 ซึ่งได้ร่วมหุ้นกับนายรัตร์ชนะ ลูกคนที่ 7

เปิดกิจการร้านวัสดุก่อสร้างมาประมาณ 14 ปี ระยะแรกไม่มีปัญหาอะไร แต่มาในช่วงปี 2552-2557 ตนได้ส่งนายรัตร์ชนะ ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล และได้ส่งเงินมาให้ผู้บาดเจ็บ นำมาลงทุนในกิจการค้าวัสดุก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ทำให้กิจการเจริญรุ่งเรืองดี แต่หลังจากที่นายรัตร์ชนะ เดินทางกลับมาบ้าน ผู้บาดเจ็บกลับไม่ชี้แจงรายรับรายจ่ายของกิจการ ให้นายรัตร์ชนะ น้องชายและหุ้นส่วนให้รับรู้ เมื่อนายรัตร์ชนะ สอบถามทุกครั้ง ผู้บาดเจ็บก็จะด่าทอ จนทำให้เกิดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน ทำให้ตนผู้เป็นพ่อต้องเข้ามาห้ามปราม และขอร้องให้หยุดทะเลาะกัน ซึ่งผู้บาดเจ็บสัญญาว่าต่อไปจะชี้แจงรายรับรายจ่ายของกิจการ และจ่ายเงินเดือนให้นายรัตร์ชนะทุกเดือน

 นายเลียง ให้การต่อว่า แต่แล้วผู้บาดเจ็บก็ไม่ทำตามสัญญา นอกจากนี้ ยังได้ไปรับซื้อต้นยางอีก

 เมื่อนายรัตร์ชนะเข้าไปสอบถาม ก็แสดงอาการไม่พอใจ และมีปากเสียงกันอีก จนในสุดนายรัตร์ชนะได้เรียกตนมาเป็นพยาน นั่งตกลงกันที่ม้าหินอ่อน บริเวณหน้าร้าน เพื่อแบ่งแยกกิจการกัน แต่แล้วทั้งสองคนก็ได้ทะเลาะมีปากเสียงกันถึงขั้นจะชกต่อยกัน ตนซึ่งเป็นพ่อ จึงเข้าห้ามปราม และขอร้องให้หยุดทะเลาะกัน แต่ผู้บาดเจ็บได้ตะโกนด่าตน ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตนโมโหสุดขีด ที่ลูกไม่เชื่อฟัง จึงชักอาวุธปืนขนาด .22 แม็กนั่ม ที่พกมาด้วยออกมายิงขู่ 1 นัด แต่กระสุนพลาดไปเจาะเข้าที่ขมับขวาของนายปลารอนจนล้มฟุบลง

 เมื่อหายตกใจ ตนจึงจูงมือนายรัตร์ชนะวิ่งขึ้นรถยนต์กระบะกลับไปบ้าน ทิ้งปืนไว้ในที่นอน แล้วขับรถมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองอุดรธานี ขณะนั่งรถมากับนายรัตร์ชนะ ผ่านหน้าเรือนจำกลางอุดรฯ จึงคิดได้แล้วเข้าไปขอมอบตัวกับ จนท.เรือนจำ และ จนท.เรือนจำ จึงให้มามอบตัวกับ พ.ต.อ.สุรินทร์ ดังกล่าว

 พ.ต.อ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า นายปลารอน ผู้บาดเจ็บ ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารงานข้าราชการตำรวจ สภ.นายูง (ก.ตร.)

ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในที่เกิดเหตุ 3 คน คือ ผู้บาดเจ็บ นายเลียง ผู้เป็นพ่อ และนายรัตร์ชนะ น้องชาย จึงไม่มีใครเป็นพยานชี้ยืนยันได้ว่าใครเป็นคนยิงนายปลารอน เมื่อนายเลียง เดินเข้ามาขอมอบตัว ได้สั่งให้ลงบันทึกคำรับสารภาพไว้ก่อน และได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เก็บเขม่าดินปืนทั้ง 2 คน ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถระบุได้ว่าใครคือคนยิง เบื้องต้นได้แจ้งข้อหานายเลียง “พยายามฆ่า” และควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป