พิพากษายืนคุกตลอดชีวิต“มือปืน”ยิงอดีตที่ปรึกษาบิ๊กจิ๋ว

(27ม.ค.) เวลา 11.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อ.2590/2549 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวิเชียร โพธิ์ถนอม ชาวกาญจนบุรี อายุ 32 ปี , พ.ต.ท.พลัฏฐ์ เพียรพิทักษ์ อายุ 48 ปี พนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา (ขณะฟ้องปี 2549) , นายอภิวัฒน์ หรือจ่าเล็ก หรือ เปี๊ยก หงส์แปลง อายุ 48 ปี อดีตตำรวจ สภ.อ.จักราช จ.นครราชสีมา เพื่อนนักเรียนโรงเรียนพลตำรวจรุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.พลัฏฐ์ และนายปรีชา หรือหนุ่ม เจริญสุข อายุ 46 ปี เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันใช้จ้างวานให้ฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในความครอบครอง พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ

ทั้งนี้คดีดังกล่าวโจทก์ฟ้องและนำสืบว่า ระหว่างเดือน มี.ค.-
2 เม.ย.49 จำเลยที่ 1 กับพวก อีก 1 คน ที่ยังไม่ได้เอาตัวมาฟ้อง ร่วมกันใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิง ดร.ทนง เหล่าวานิช อายุ 62 ปี เจ้าของรีสอร์ตในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นที่ปรึกษานายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานกรรมการบริษัททีพีไอโพลีน และอดีตที่ปรึกษาของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงแก่ความตายที่หน้าบ้านพักเลขที่ 125/6 หมู่ 10 หมู่บ้านไทรเอน 2 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 49 โดยผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่ 2- 4 มาก่อน จึงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ,89 ,84 ,91 ,288 ,371 และ 376 พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯพ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ และ 72 ทวิ

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่
12 พ.ย.50 ให้ประหารชีวิต จำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน แต่คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 จึงให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2-4 ให้ยกฟ้อง ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์ ส่วนจำเลยที่ 2-4 นั้นโจทก์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวน ประชุมปรึกษากันแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่
1 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มี ด.ช.เหินฟ้า เหล่าวานิช บุตรชายของนายทนง เบิกความเป็นพยานว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ห่างจากผู้ตายประมาณ 10 เมตร มีคนขี่จักรยานยนต์มาหาผู้ตาย โดยคนขี่สวมหมวกกันน็อก ขณะที่คนซ้อนท้ายไม่ใส่หมวกกันน็อก จากนั้นคนนั่งซ้อนท้ายได้ลงมาคุยกับผู้ตาย จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4- 5 นัด ซึ่งเห็นหน้าคนร้ายที่ยิงบิดาได้อย่างชัดเจน ศาลเห็นว่านอกจากคำเบิกความแล้ว ด.ช.เหินฟ้า พยานโจทก์ ยังยืนยันชี้ภาพจำเลยที่ 1 ว่าเป็นคนยิงบิดาเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม นำภาพถ่ายคนร้ายมาให้ดูด้วย และเมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมจำเลยที่ 1 ได้แล้วให้มายืนปะปนกับคนอื่นอีก 6 คน ด.ช.เหินฟ้า ยังชี้ตัวยืนยันเช่นกันว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้ายยิงบิดาอีก ขณะที่พนักงานสอบสวน พยานโจทก์ ยังเบิกความสอดคล้องกันว่า หลังการจับกุมจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนยิง นายทนง ถึงแก่ความตาย โดยมี นายถวิล วงษ์แก้ว เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ จึงเห็นว่าโจทก์ มีประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน และสามารถชี้ตัวยืนยันจำเลยที่ 1 ได้ โดยพยานโจทก์ปากอื่นเบิกความสอดคล้องต้องกัน

ส่วนที่จำเลยที่
1 อุทธรณ์ว่า พนักงานสอบสวนให้พยานดูภาพก่อนมีการชี้ตัวนั้น เห็นว่า พยานเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจนก่อนแล้ว จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ และที่จำเลยอ้างว่าถูกข่มขู่ให้รับสารภาพนั้น ก็เป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐานสนับสนุน เชื่อว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิง นายทนง ถึงแก่ความตาย ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนให้จำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์