พิพากษายืนคุกตลอดชีวิตกะเทยเหี้ยมฆ่าปาดคอเด็ก

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคุกตลอดชีวิต "กะเทยเหี้ยม" ฆ่าปาดคอเด็กหญิง 12 ปี หวังปิดปากหลังบุกขึ้นบ้านชิงทรัพย์ ระบุพฤติกรรมไม่สำนึกผิดเมื่อผู้ตายเห็นขณะลักทรัพย์กลับลงมือฆ่าด้วยความโหดเหี้ยม-ทารุณ

ที่ห้องพิจารณาคดี 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันที่ 13 มิถุนายน ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายณัฐสิทธิ์ กลมสอาด หรือโหน่ง อายุ 21 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยการกระทำทารุณ และชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลอาญา มาตรา 289 และ 339

 โดยคดีโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2550 ระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 7-8 พฤศจิกายน 2549 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้แอบเข้าไปในบ้านพักของน.ส.นาฎตยา เล็กใบ หรือหน่อง มารดา ด.ญ.นฤนาท โพธิ์ประเสริฐ หรือฟลุก อายุ 12 ปี เมื่อจำเลยได้เอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง ราคา 7,500 บาท กระเป๋าแบบสตรี 1 ใบ ภายในมีลูกแก้วเลี่ยมทองของหลวงพ่อสูง วัดหนองผักชี หนัก 1 สลึง ราคา 2,850 บาท เงินสด 100 บาท และมีดทำครัว 1 เล่ม รวม 5 รายการ ราคา 10,590 บาทไป โดยใช้มีดทำครัวเป็นอาวุธ เชือด ฟัน และแทง ด.ญ.นฤนาท ที่ลำคอ ท้ายทอย ศีรษะ หลัง แขน มือ และเส้นเลือดแดงใหญ่ลำคอขาด 2 ข้างเป็นบาดแผลฉกรรจ์จนถึงแก่ความตาย อันเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้าย และโดยเจตนาฆ่า เพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์ และเพื่อปกปิดการกระทำความผิด เหตุเกิดที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.

 ซึ่งศาลชั้นต้น มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2550 ให้ประหารชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกตลอดชีวิต และให้จำเลยคืนทรัพย์หรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 3,090 บาท แก่เจ้าของ พร้อมทั้งให้จำเลยชำระเงินจำนวน 7.2 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป โดยจำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษสถานเบา

 ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวน ประชุมหารือแล้วเห็นว่า ตามคำเบิกความของน.ส.นาฎตยา ซึ่งเป็นเพื่อนกับจำเลยที่มีลักษณะเป็นกะเทย ได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุได้ชักชวนจำเลยไปรับประทานอาหารกับเพื่อนที่ร้านดาวแดงสาดแสงเดือน ระหว่างนั้นพยานได้โทรศัพท์ไปหาด.ญ.นฤนาท บอกให้เข้านอนและไม่ต้องรอ เพราะจะกลับดึก ปรากฏว่าจำเลยได้ขอตัวกลับบ้านก่อนอ้างว่ามารดาตามให้กลับบ้าน จนกระทั่งร้านปิดได้ตระเวนขับรถส่งเพื่อนกลับบ้าน จากนั้นจึงเดินทางกลับบ้านพัก พบว่าประตูบ้านถูกเปิดอ้าไว้ มีเพียงแสงไฟจากห้องน้ำที่เปิดทิ้งไว้ เมื่อเข้าไปดูพบศพลูกสาวนอนเปลือยกายเสียชีวิตอยู่ภายใน มีเลือดไหลเต็มห้องน้ำ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าโทรศัพท์มือถือของลูกสาวหายไปพร้อมทรัพย์สินต่างๆ จากการสืบสวนทราบว่าจำเลยเป็นผู้นำโทรศัพท์มือถือไปขายที่ห้างเซียร์ รังสิต

 นอกจากนี้ โจทก์ยังมีพนักงานขายโทรศัพท์มือถือที่ระบุว่า จำเลยเป็นผู้นำโทรศัพท์มือถือมา และได้ทำบันทึกรายละเอียดในการซื้อขายไว้เป็นหลักฐานด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมจำเลยได้ พร้อมให้การรับสารภาพว่า กลัวว่าด.ญ.นฤนาทที่เห็นพยานกำลังรื้อค้นทรัพย์สินอยู่จะนำเรื่องไปบอกน.ส.นาฎตยา จึงต้องฆ่าปิดปาก

 ศาลเห็นว่าพยานทั้งสองปากเบิกความเชื่อมโยงกันปราศจากข้อพิรุธสงสัย แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ แต่การที่จำเลยมีโทรศัพท์ของผู้ตายอยู่ในครอบครอง ย่อมเป็นเครื่องบ่งชี้ที่แน่ชัดอย่างแน่นหนักว่า จำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของผู้ตาย สอดคล้องกับการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุที่ไม่พบร่องรอยการงัดแงะ เชื่อว่าผู้ตาย เปิดประตูให้จำเลยเข้าไปในบ้านด้วยความไว้วางใจ

 ทั้งนี้เชื่อว่าจำเลยให้ข้อเท็จจริงด้วยความสมัครใจ ที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษสถานเบานั้น เห็นว่าจำเลยมุ่งหวังเอาทรัพย์สิน แต่เมื่อผู้ตายมาเห็นกลับไม่สำนึกในการกระทำความผิด กลับก่อเหตุฆ่าผู้ตายด้วยความโหดเหี้ยม ทารุณ ทั้งที่ผู้ตายไม่มีทางต่อสู้ได้ แม้ขณะก่อเหตุจำเลยจะมีอายุเพียง 19 ปี แต่จำเลยควรจะทราบดีว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษานั้น เหมาะสมต่อรูปคดีแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์