พระครูแจงถูกไถ ไม่ได้ข่มขืน สีกา

จากเรื่องราวสะเทือนใจที่นางสุนทร ประเสริฐเจริญกุล อายุ 49 ปี

อยู่หมู่ 2 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. เซลส์ขายเครื่องดูดฝุ่นถูกคนร้ายชายหญิง 3 คนลวงไปรุมซ้อมในบ้านเลขที่ 104/1 หมู่ 7 ซอยโรงเจศาลเจ้าเขาขาว ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ใช้ทั้งของมีคมแทงขา ของแข็งทุบศีรษะจนสลบแต่แกล้งทำเป็นตาย คนร้ายเลยอุ้มใส่ท้ายรถเก๋งของเหยื่อจะพาไปทิ้งแต่หนีรอดออกมาได้หวุดหวิด แถมยังถูกยิงบาดเจ็บสาหัสระหว่างกลิ้งตัวลงมาจากรถ พร้อมระบุว่า เหตุการณ์ ทั้งหมดเป็นฝีมือของพระผู้ใหญ่ระดับเจ้าคณะใน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เป็นคนบงการ เพราะต้องการฆ่าปิดปากเรื่องที่ข่มขืนเหยื่อขณะไปขายเครื่องดูดฝุ่นให้ที่วัด

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตามจับกุมนายเดชา ศรอรุณ อายุ 29 ปี 1 ใน 3 ผู้ก่อเหตุให้การว่า ไม่ได้ร่วมทำร้ายนางสุนทร

คนที่ลงมือคือนายรัฐศาสตร์ หรือเจ๋ง ศรีผดุง อายุ 27 ปี กับนางวราภรณ์ เอี่ยมวิชัย อายุ 28 ปี ภรรยาหลานชายเจ้าของบ้าน และทั้ง 2 ได้เรียกให้อุ้มร่างนางสุนทรที่สลบไสลใส่ท้ายรถเก๋งเท่านั้น ต่อมาเวลาเมื่อ 10.00 น. วันที่ 20 พ.ค. นางนริศรา ศรีผดุง อายุ 53 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 104/1 หมู่ 7 ต.หน้าพระลาน สถานที่เกิดเหตุและเป็นเจ้าของโรงโม่ไม่มีชื่อ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.อลงกรณ์ หทัยยุทธ์ ผบก.ภ.จ.สระบุรี ให้การว่า วันที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ที่บ้านไปทำธุระที่เหมืองปูนขาวที่ จ.ลพบุรี ในบ้านมีเพียงนายรัฐศาสตร์ หลานชาย กับนางวราภรณ์ หลานสะใภ้ เพิ่งมาทราบภายหลังว่ามีการทำร้ายกัน ตนไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นแล้วปล่อยตัวไปชั่วคราว

จากนั้น พล.ต.ต.อลงกรณ์เดินทางเข้าเยี่ยมนางสุนทร ผู้บาดเจ็บที่ รพ.พระพุทธบาท

โดยนางสุนทรเล่าเหตุการณ์ถึงวันที่เกิดเหตุว่า วันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา มีนางนริศรา ศรีผดุง ซึ่งเป็นลูกค้า ได้โทรศัพท์ให้มารับเงินค่าเครื่องดูดฝุ่นกับเครื่องปรับอากาศที่ซื้อไปเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 51 พร้อมสั่งให้นำเครื่องดูดฝุ่นมาให้ลูกค้ารายใหม่ดูด้วย จึงขับรถไปหานางนริศราที่บ้านในเย็นวันที่ 18 พ.ค. พบ นายรัฐศาสตร์กับนางวราภรณ์อยู่ในบ้าน ทั้ง 2 บอกให้ นั่งรอนางนริศราก่อน เพราะออกไปธุระที่ จ.ลพบุรี  สาวเหยื่อโหดกล่าวอีกว่า นั่งรอจนถึง 1 ทุ่ม นางนริศรายังไม่มา ทางนางวราภรณ์ออกอุบายว่าเป็นหมอนวดแผนไทยจะช่วยนวดให้เพื่อรอเวลา เลยนอนให้นวด ปรากฏว่าระหว่างนั้น  นายรัฐศาสตร์ถือสากกระโดดตีที่ศีรษะและใบหน้าตนอย่างแรงหลายครั้ง พยายามจะลุกขึ้นแต่ ถูกนางวราภรณ์กดลงพื้นแล้วยันคอไว้พร้อมนำกรรไกรมาแทงที่ขาทั้ง 2 ข้างได้รับความเจ็บปวดทรมาน สุดท้ายเลยแกล้งทำเป็นตาย จนทั้ง 2 คิดว่าตายแน่แล้ว จากนั้นนายรัฐศาสตร์ได้ถอยรถของตนมาเพื่อมาใส่ร่างนำไปทิ้ง ตนจึงรีบลุกขึ้นวิ่งหนีแต่ถูกทั้ง 2 รุมทำร้ายซ้ำอีก เลยแกล้งตายอีกรอบ

จากนั้น นายเดชา ศรอรุณ มาช่วยหามร่างตนยัดใส่ท้ายเก๋งของตนเพื่อนำไปทิ้ง โดยมีนายรัฐศาตร์เป็นคนขับ กับนางวราภรณ์เป็นคนนั่งคู่กันไป 2 คน

กระทั่งรถวิ่งบนถนนแต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน ตนได้ใช้มือเปิดกระโปรงหลังรถแล้วทิ้งตัวกลิ้งลงจากรถเพื่อเอาชีวิตรอด แต่นายรัฐศาสตร์เห็นจึงจอดลงมาใช้ปืนยิงใส่หลายนัดถูกที่ไหล่ซ้าย 1 นัด เลยแกล้งนอนแน่นิ่ง สักพักนายรัฐศาสตร์ขับรถหลบหนีไป อย่างไรก็ตาม การให้รายละเอียดในครั้งนี้นางสุนทรไม่ได้ระบุถึงพระครู อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ข่มขืนและสั่งฆ่าปิดปากตามที่ให้การในวันแรกแต่อย่างใด ส่วน 2 ผัวเมีย เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับต่อไป

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดนพรัตนาราม หมู่ 6 ต.นพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี

เข้าพบพระครูปทุมธรรมวาที หรือพระอาจารย์สุชิน โชติวโร เจ้าอาวาสและเจ้าคณะอำเภอหนองเสือ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยพระครูปทุมธรรมวาที กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นยังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก เพิ่งทราบข่าวแต่ในเนื้อข่าวยังไม่มีการพาดพิงถึงใคร เพราะไม่ได้ระบุว่าเป็นวัดไหนหรือเจ้าอาวาสรูปใด แต่เท่าที่ดูจากข่าวผู้เสียหายรายนี้น่าจะรู้จักกับตน เพราะเคยมาเสนอขายเครื่องดูดฝุ่นให้กับวัดในราคา 2 หมื่นบาท ครั้งแรกยังไม่ได้ซื้อ จากนั้นอีกไม่กี่วันได้พาเพื่อนมาอีก 1 คน และพยายามเสนอขายอีกโดยบอกว่าทางวัดนี้มีเงินเพราะเคยสร้างจตุคามขายได้เงินหลายสิบล้านบาท

เจ้าคณะอำเภอหนองเสือกล่าวอีกว่า เลยบอกไปว่าได้เงิน 10 ล้านบาทจริง แต่ลงทุนไป 5 ล้านบาท ที่เหลือ 4-5 ล้าน ใช้สร้างโบสถ์ไปหมดแล้ว

แต่เขาก็พยายามตื๊อ สุดท้ายเลยจำต้องซื้อไว้ 1 เครื่อง เพื่อตัดปัญหาไป แต่เรื่องกลับไม่จบ ยังพยายามสอบถามว่าหลวงพ่อวัดไหนพอจะมีเงินบ้างเพื่อจะไปเสนอขายเครื่องดูดฝุ่น เลยบอกไปว่า วัดแถวนี้ไม่มีเงิน อย่าไปรบกวนพระท่านเลย จากนั้นไม่นานหญิงคนเดิมก็โทรศัพท์มาหาอีกหลายครั้ง  แต่มาระยะหลังมักจะโทรศัพท์พูดจาข่มขู่ต่างๆนานาเพื่อขอเงินเป็นตัวเลข 7 หลัก โดยบอกว่า ถ้าไม่ให้จะไปฟ้องพระผู้ใหญ่ว่าตนแอบมีสัมพันธ์กับหญิงคนดังกล่าว แต่ไม่ได้สนใจเพราะไม่เป็นความจริง จากนั้นประมาณ 10 กว่าวัน ได้มีพระผู้ใหญ่ของจังหวัดปทุมธานีโทรศัพท์ มาหาบอกว่ามีคนไปร้องเรียนว่าตนลวนลามผู้หญิงและมีเพศสัมพันธ์กัน จึงชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดให้พระผู้ใหญ่ ทราบซึ่งท่านก็เข้าใจ เรื่องก็เลยเงียบหายไป

ตอนแรกคิดว่าคงไม่มีใครมาวุ่นวายอีกแล้ว แต่ยังไม่จบ ผู้หญิงคนเดิมยังพยายามโทร.มาขู่อีกหลายครั้งเพื่อขอเงินให้ได้ 

ล่าสุดระหว่างที่โทร.มานั้นได้มีนายเจ๋ง ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง มีบ้านอยู่ที่ ต.หน้าพระลาน จ.สระบุรี นั่งอยู่ในกุฏิด้วย ตนเลยเปิดโฟนเสียงโทรศัพท์ให้ลูกศิษย์ ฟังว่าผู้หญิงคนนั้นโทร.มาข่มขู่อย่างไร หลังฟังเสร็จนายเจ๋งก็พูดขึ้นว่า ผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้ได้อย่างไร แบบนี้น่าตบปากนัก ตนรีบห้ามว่าอย่าไปทำอะไรเขาเลย จากนั้น นายเจ๋งก็กลับบ้านไป ตนเลยไม่สนใจอะไรอีก 

“เรื่องที่เกิดขึ้น อาตมาไม่ทราบว่านายเจ๋งไปทำร้ายเขา อาจจะเพราะหวังดีกับอาตมาที่โดนข่มขู่ไถเงิน แล้วไปทำกันเอง แต่ทำเกินขอบเขตทำเกินเลยไป ถ้าอาตมารู้ก่อนต้องห้ามแน่ คงไม่ยอมให้ทำอะไรแน่นอน เพราะเรื่องแค่นี้อาตมาเฉยๆ ไม่สนใจหรอก และโทษของเขาก็ไม่ควรจะถูกกระทำถึงขนาดนี้ มันมากเกินไป ส่วนที่ว่าอาตมาโทรศัพท์ไปหาผู้หญิงแล้วให้เขาไปส่งของที่สระบุรีนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะอาตมาไม่เคยโทร.ไป ส่วนที่ลูกศิษย์โทร.ติดต่อกันเองนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะลูกศิษย์ของอาตมาได้ฉีกเบอร์โทรศัพท์ของผู้หญิงคนนั้นที่อาตมาจดไว้ไปด้วย เขาอาจจะไปติดต่อกันเอง” พระครูปทุมธรรมวาทีกล่าว

“อาตมาบวชเรียนมาตั้งแต่เป็นสามเณร จนถึงวันนี้ 33 พรรษา อายุ 55 ปีแล้ว อีกทั้งร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงเป็นเบาหวานมาเกือบ 20 ปี และยังเป็นอัมพฤกษ์ มาหลายปี เพิ่งจะเดินเหินได้บ้าง แต่ก็ยังต้องใช้ไม้เท้าพยุงตัว อย่างนี้อาตมาจะไปทำอะไรใครได้ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นอาตมาเองก็คิดว่าลูกศิษย์ของอาตมาไม่สมควรทำรุนแรง หรือลูกศิษย์ทำไปเพราะต้องการปกป้องอาตมา และอาจจะเป็นเรื่องชู้สาวหรือเปล่าจึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น” เจ้าคณะอำเภอหนองเสือกล่าว 

ด้าน พ.ต.อ.ปัญญา วิเศษพานิชกิจ ผกก.สภ. หนองเสือ กล่าวว่า

ได้รับการประสานงานมาจากชุดสืบสวนของ บก.ภ.จ.สระบุรี ตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้วและได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่คอยดูแลตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ แต่เท่าที่ทราบ หลวงพ่อสุชิน เป็นพระนักพัฒนาและลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพนับถือมาก เรื่องที่ถูกกล่าวหานั้นไม่เชื่ออย่างแน่นอน