พบพ่อโรคจิต ขังลูกสาว10ปี

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 26 พ.ค. นางดรุณี มนัสวานิช ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรีจังหวัดนนทบุรี

ได้ประสานกับ พ.ต.อ.สำเริง งามรัตน์ ผกก.สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พร้อมกำลัง นำหมายศาลจังหวัดนนทบุรีเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 51/132 หมู่ 6 ภายในบางใหญ่ซิตี้ ต.เสาธงหิน หลังรับแจ้งจาก ชาวบ้านว่าภายในบ้านหลังดังกล่าวมีการกักขังลูกสาววัย 15 ปี ไว้ไม่ยอมให้เห็นแสงเดือนแสงตะวัน พบเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น สภาพชำรุดทรุดโทรม แทบจะไม่เป็นบ้าน บริเวณรอบบ้านมีแผ่นสังกะสีมาปิดล้อมอย่างมิดชิด ส่วนกำแพงด้านข้างถูกปิดทึบสูงจนไม่สามารถมองเข้าไปในบ้านได้ นอกจากนี้ ที่ประตู ด้านหน้ายังสร้างโครงเหล็กกั้นไว้อย่างแน่นหนา ทางเจ้าหน้าที่ได้ตะโกนเรียกเจ้าของบ้าน คือนายชินธฤต วัฒนพานิชกิจ อายุ 45 ปี ให้ออกมาพบ


พอนายชินธฤตเห็นเจ้าหน้าที่มายืนออหน้าบ้านได้ตะโกนร้องเอะอะโวยวายดังลั่น และไม่ยอมเปิดประตูรับเจ้าหน้าที่

แถมยังตะโกนสั่งให้ลูกสาววัย 15 ปี ทราบชื่อ น.ส.กู๊ด วัฒนพานิชกิจ ให้เข้าไปซ่อนตัวในบ้าน อย่าโผล่หน้าออกมา พร้อมเดินมาล็อกกุญแจหน้าบ้านปิดประตูเงียบ แม้เจ้าหน้าที่จะตะโกนเรียกและเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่มีเสียงขานรับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อนายธีระ กับนางสุรินดา วัฒนพานิชกิจ พี่ชายและพี่สาวของนายชินธฤต ที่อยู่บ้านละแวกเดียวกัน มาช่วยเกลี้ยกล่อมแต่ก็ไม่เป็นผล ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็จู่โจมบุกเข้าไปในบ้าน พอประตูเปิดออกกลิ่นเหม็นอับพุ่งปะทะจมูกอย่างรุนแรง ภายในมีข้าวของวางระเกะระกะ เศษเสื้อผ้ากระจัดกระจาย พบนายชินธฤตนั่งตัวแข็งทื่อในห้องชั้นล่าง สายตาจ้องเขม็งไปยังเจ้าหน้าที่เกรงจะมาทำร้ายลูกสาว


ส่วน น.ส.กู๊ด สภาพแต่งกายเรียบร้อยและสะอาด และพยายามขวางเจ้าหน้าที่ไม่ให้แตะต้องนายชินธฤต ผู้เป็นพ่อ

เจ้าหน้าที่และญาติช่วยกันเกลี้ยกล่อมโดยบอก ว่าจะพาพ่อไปส่ง รพ.รักษาตัว สุดท้าย นายชินธฤตก็ยินยอมให้เจ้าหน้าที่พาไปส่ง รพ.ศรีธัญญา เพื่อตรวจสอบสุขภาพจิต แต่ปรากฏว่าระหว่างที่คุมตัวนายชินธฤตไปนั้น น.ส.กู๊ด เห็นพ่อถูกคนแปลกหน้าพาตัวออกจากบ้านถึงกับร้องไห้ตะโกนว่า “จับพ่อหนูไปไหน เอาพ่อหนูคืนมา”
 

จากนั้นทั้งเจ้าหน้าที่และญาติต่างเข้าปลอบประโลมและอธิบายให้ น.ส.กู๊ด เข้าใจ แต่การพูดจาของ น.ส. กู๊ดบางครั้งยังสับสน

จากการสอบถามญาติเบื้องต้นทราบว่า น.ส.กู๊ดถูกนายชินธฤต ผู้เป็นพ่อกักขังไว้ในบ้านตั้งแต่ อายุ 4-5 ขวบ โดยนายชินธฤตเป็นคนที่สติไม่สมประกอบ แต่เป็นคนรักลูกมาก ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ อาศัยญาติพี่น้องที่อยู่ในละแวกเดียวกันคอยดูแลเรื่องอาหารการกินและค่าใช้จ่าย สาเหตุที่นายชินธฤตขังลูกไว้ในบ้านเพราะระแวงว่าจะมีคนมาทำร้ายลูกสาว
 

“นายชินธฤตไม่เคยทำร้ายลูกสาว ตรงกันข้ามกลับรักมาก การกักขังไม่ได้หมายความว่าใช้โซ่ล่ามหรือขังไว้ในห้องแคบๆ แต่ให้ลูกอยู่เฉพาะในบ้าน เพียงแต่ไม่ยอมให้ออกไปไหนหรือไปคบหากับใครอย่างเด็ดขาด โดยเริ่มกักขังลูกตั้งแต่ น.ส.กู๊ด ไปเรียนอนุบาลวันแรก สาเหตุเพราะหลังกลับจากเรียนวันแรก น.ส.กู๊ด ไม่สบายกลับมา ทำให้นายชินธฤตเข้าใจว่าลูกถูกทำร้าย จากนั้นไม่ยอมให้ลูกไปไหนอีกเลยเป็นเวลานานร่วม 10 ปีแล้ว” ญาติคนหนึ่งกล่าว


ด้านนางดรุณี มนัสวานิช ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรีจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า

ทางศูนย์ได้รับการร้องเรียนจากเพื่อนบ้านใกล้เคียงว่า นายชินธฤตมีอาการทางจิตไม่เหมือนกับคนทั่วไป ส่วนภรรยาได้แยกกันไปนานแล้ว โดยนายชินธฤตอาศัยอยู่กับลูกสาว ไม่ยอมให้ลูกคบหากับชาวบ้านหรือออกไปไหน ที่สำคัญนายชินธฤต ไม่ยอมให้ น.ส.กู๊ดได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วไป ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะเข้าช่วยเหลือเพื่อให้นายชินธฤตได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะเท่าที่ได้พูดคุยกับญาติ ทราบว่านายชินธฤตเคยเข้ารับการรักษาอาการทางจิตที่ รพ.ศิริราช แต่ยังมีอาการจิตหลอนผวา เข้าใจว่าจะมีคนมาทำร้ายลูกสาวและตนเอง ถึงขนาดบอกว่าถูกคนเอาเข็มมาทิ่มแทงลำตัวถึง 18 ครั้ง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ต้องพานายชินธฤตไปรักษาอาการทางจิต ส่วน น.ส.กู๊ดมอบให้ญาติดูแลเพื่อได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วไปต่อไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์