ผัวสาวง่อยรีบแจง เปล่าฮุบเงิน 6 ล้าน ตบตีกักขังก็ไม่เคย

เหตุการณ์สลดใจสาวง่อย “คนค้นฅน” น.ส.สุชิน พันธุ์แตง อายุ 37 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 194/1 หมู่ 7 ต.ดอนกำยาน อ.เมืองสุพรรณบุรี ซึ่งมีฐานะยากจนและพิการขาลีบทั้ง 2 ข้างตั้งแต่เกิด ต้องใช้มือแทนเท้าคลานออกรับจ้างหาเงินเลี้ยงหลานและพ่อที่แก่เฒ่า จนปี 2548 รายการดังทางโทรทัศน์ “คนค้นฅน” มาถ่ายทำสภาพชีวิตไปตีแผ่ คนดูทั่วประเทศสงสารส่งเงินไปช่วยเหลือกว่า 6 ล้านบาท

ต่อมามีนายอารีย์ ศรฟ้า อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ 1 ต.ดอนโพธิ์ทอง อ.เมืองสุพรรณบุรี มาติดพันจนไปอยู่กินด้วยกันและให้เบิกเงินไปใช้จนหมด ก่อนทะเลาะและแยกทางกัน


น.ส.สุชินโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากทีมงานรายการโทรทัศน์ที่เคยมาถ่ายทำเรื่องราวชีวิตเพื่อให้ช่วยติดตามเงินคืน จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ความคืบหน้าเมื่อเช้าวันที่ 31 ต.ค. ผู้สื่อข่าวพบกับนายวุฒิศักดิ์ พันธุ์แตง อายุ 43 ปี พี่ชาย น.ส.สุชินเปิดเผยว่า นายอารีย์ให้เงินสินสอด 4 หมื่นบาท สร้อยข้อมือ และสร้อยคอทองคำ 2 เส้น เส้นละ 1 บาท แล้วรับไปอยู่ด้วย ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดย น.ส.สุชินกลับมาเยี่ยมบ้านเป็นครั้งคราว จนปลายปีกลับมาในสภาพตาเขียวช้ำ แต่บอกว่าเดินชนประตู ตอนที่ผู้ชายมาชอบก็สังหรณ์ใจว่าน้องสาวจะถูกหลอก ได้เตือนแล้วแต่ไม่เชื่อ

ขณะที่ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ ทิพยจันทร์ ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า


สั่งให้พนักงานสอบสวนติดต่อกับธนาคารออมสิน สาขาสุพรรณบุรี ขอดูหลักฐานการเบิกจ่ายเงินของ น.ส.สุชิน ว่าถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบ น.ส.สุชินไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ เซ็นชื่อไม่เป็น ใช้พิมพ์ ลายนิ้วหัวแม่มืออย่างเดียว หากพบข้อพิรุธจะได้นำมาเป็นหลักฐาน

ส่วน น.ส.สุชินได้ไปที่สภาทนายความพร้อมด้วยทีมงานรายการ “คนค้นฅน”

คณะกรรมการของสภาทนายความได้สอบถามเรื่องราวมุ่งประเด็นการถอนเงินอีกทั้งเรื่องการทำร้ายร่างกาย เพื่อดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา จากนั้น น.ส.สุชินไปพบนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข โดยนางระเบียบรัตน์จะช่วยเหลือเต็มที่

ด้านนายอารีย์ซึ่งเปิดร้านขายอะไหล่และซ่อมจักรยานยนต์ชื่อป๊อปอาย เซอร์วิส

อยู่เลขที่ 339/5 หน้าวัดคานหาม ถนนสายโรจนะ-วังน้อย หมู่ 4 ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ดูรายการ “คนค้นฅน” ทางโทรทัศน์ซึ่งถ่ายทำชีวิตของ น.ส.สุชิน แล้วเกิดความสงสารเนื่องจากเป็นคนสุพรรณบุรีด้วยกันจึงไปหาที่บ้านเพื่อให้กำลังใจและได้ไปมาหาสู่กันจนชอบพอกัน ช่วงนั้นยังไม่รู้ว่า น.ส.สุชินมีเงินมาก จนเมื่อย้ายมาอยู่กินด้วยกันได้ 2 เดือนถึงรู้ว่าอดีตภรรยามีเงินที่ได้รับบริจาคมากกว่า 6 ล้านบาท จึงขอให้ซื้อรถปิกอัพ 1 คัน ราคา 8 แสนบาท และซื้อที่ดินที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เนื้อที่ 4 ไร่ ราคา 5 แสนบาท พร้อมกันนั้นได้เซ้งเรือนแถวชั้นเดียว 2 ห้อง เป็นเงิน 2 แสนบาท 1 แสนบาท เพื่อเปิดร้านซ่อมจักรยานยนต์และซื้ออะไหล่มาจำหน่ายอีก 2 แสนบาท รวมเป็นเงินที่ใช้ไป 1.7 ล้านบาท

นายอารีย์เล่าต่อไปว่า ระหว่างที่อยู่ด้วยกันเคยมีผู้ชายคนหนึ่งมารับออกไปนอกบ้าน จึงตักเตือนแต่ไม่ฟังเลยแยกทางกันเมื่อ 7-8 เดือนก่อน และญาติของ น.ส.สุชินมารับกลับ

พร้อมกันนั้นได้คืนทรัพย์สินมีรถปิกอัพยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีน้ำเงิน ทะเบียน สน 6932 กรุงเทพมหานคร กับที่ดินโดยเซ็นเอกสารโอนลอยให้ ซึ่งรถยนต์ทราบว่าขายไปแล้ว รวมทรัพย์สิน 2 รายการประมาณ 1.3 ล้านบาท อีก 4 แสนบาทนั้นเป็นเงินค่าเซ้งร้าน 2 แสนบาท และเงินหมุนเวียนสินค้าในร้าน 2 แสนบาท ยังไม่ได้คืน ส่วนที่ว่าตนเอาไป 6 ล้านบาทเศษนั้น ไม่เป็นความจริง

สำหรับเรื่องที่ว่ามีภรรยาจดทะเบียนสมรสอยู่แล้วนั้น นายอารีย์กล่าวว่า

เป็นความจริง แต่หย่ากันก่อนที่จะคบหากับ น.ส.สุชิน หลังจากแยกทางกับ น.ส.สุชิน ตนก็มีแฟนใหม่ ที่ผ่านมายอมรับว่าเจ้าชู้ เที่ยวกลางคืน มีผู้หญิงมาติดพันบ้าง ตนยินดีให้ตำรวจสอบสวน ไม่หนีไปไหนและขอปฏิเสธที่ถูกกล่าวหา


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์