ผบช.น.’สั่งล่าโจรยกเค้าบ้านนักข่าวช่อง3

วันที่ 3 มี.ค.58 ความคืบหน้าเหตุการณ์โจรยกเค๊าบ้านนักข่าวช่อง 3 ทีมข่าวเฉพาะกิจรายการเรื่องเล่าเช้านี้ล่าสุดวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิตพราหมณกุล ผบช.น. เรียก พ.ต.อ.กิตติเชรษฐ์ ศักยภาพวิชานนท์ ผกก.สน.โคกคราม พร้อมชุดสืบสวนโคกคราม ชุดสืบสวนนครบาล 2 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายให้เหตุคนร้ายยกเค้าบ้านพัก น.ส.สุมนา แจวเจริญวงศ์ อายุ 44 ปีผู้สื่อข่าวอาชญากรรม-เฉพาะกิจสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ให้ได้ภายใน 3 วัน หลังจากเจ้าของบ้านเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา

 

          เบื้องต้นพนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความบอกเพียงให้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนแล้วจะตามเรื่องให้และบอกกับผู้เสียหายด้วยว่า อย่าให้เป็นข่าวเดี๋ยวจะไม่ได้ของคืนซึ่งเจ้าตัวก็หลงเชื่อตำรวจโคกครามและไม่ยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟังแม้แต่เพื่อนนักข่าวที่ทำงานสายตำรวจ-อาชญากรรมด้วยกันเองเพราะเชื่อใจในคำบอกเล่าของตำรวจตั้งแต่นั้นมา

 

          เหตุการณ์ทั้งหลายเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค.ภายในบ้านเลขที่ 55/111หมู่บ้านทองสถิตวิลล่า ซอยรามอินทรา 34แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.

 

          แต่เจ้าตัวมาทราบเรื่องช่วงสายวันที่ 29 ม.ค.เนื่องจากเดินทางกลับไปบ้านพักพบประตูบ้านมีการงัดแงะ มีร่องรอยการรื้อค้นข้าวของ ทรัพย์สินของมีค่าซึ่งมีขนาดใหญ่สูญหายโดยเฉพาะโต๊ะกินข้าวไม้สักขนาดใหญ่ซึ่งมีน้ำหนักมากถูกโจรกรรมไปทั้งชุด รวมถึงตู้โชว์และเฟอร์นิเจอร์ไม้สักเพิ่งสั่งซื้อมาและที่สำคัญคือ เปียโนหลังใหญ่ก็ถูกคนร้ายโจรกรรมไป นอกจากนี้ยังมีการงัดสายไฟภายในบ้านออกไปเหลือเพียงบ้านเปล่าๆไว้ให้เจ้าของดูต่างหน้า

 

          ล่าสุดพล.ต.ท.ศรีวราห์ แสดงความไม่พอใจการทำงานล่าช้าของตำรวจชุดสืบสวน สน.โคกคราม พร้อมตำหนิชุดสืบสวนป้องกันปราบปรามและฝ่ายสืบสวนนครบาล 2 ที่เพิกเฉยละเลยปล่อยให้คดีล่วงเลยมานานกว่า 1 เดือนไม่มีความคืบหน้าใดๆ และยังไปให้คำมั่นสัญญากับผู้เสียหายอีกซึ่งเขาก็รับปากทำตามสัญญาแล้วแต่ไม่มีอะไรคืบหน้าไม่ยอมทำงานให้เป็นเรื่องไม่ถูกต้องพร้อมแสดงอาการฉุนเฉียวถามกลับชุดสืบสวนว่า จะปล่อยให้โจรมันวิ่งเข้ามาหาตำรวจที่โรงพักเองหรืออย่างไร ทำไม่ไม่ไปวิ่งไล่จับมันและยังไปให้คำมั่นกับเขาอีก และเมื่อสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ผบช.น.บอกกับ น.ส.สุมนา ว่า จะจับคนร้ายให้ได้ภายใน 3 วัน

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในห้องประชุมดังกล่าวเป็นไปด้วยความเคร่งเครียดโดยนายตำรวจแต่ละคนที่นั่งอยู่ต่างก้มหน้าไม่สามารถตอบข้อซักถามของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ได้ซึ่งการให้ปากคำครั้งนี้ใช้เวลานาน 45 นาทีจึงเสร็จสิ้นจากนั้นชุดสืบสวนต่างๆ ได้แยกย้ายไปทำงาน ซึ่งช่วงเย็นวันเดียวกันพนักงานสอบสวนโครกครามเจ้าของคดีได้ติดต่อมายัง น.ส.สุมนา ให้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.อีกครั้ง หลังจากถูก ผบช.น.ตำหนิการทำงานที่ล่าช้าดังกล่าวโดยการรับเรื่องแจ้งความเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 20.00น. วันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้งที่ผู้เสียเดินทางไปถึงตั้งแต่ 16.30 น.แล้วแต่เริ่มสอบตอน 20.00 น.เสร็จสิ้นเวลา 22.00 น.

 

          "ปกติไม่ได้พักในบ้านหลังนี้เพราะอยู่ระหว่างปรับปรุงซ่อมแซมหลังน้ำท่วมเมื่อปี 54 จนเริ่มเข้าที่เข้าทางจึงค่อยๆ จัดตกแต่งบ้านใหม่ทยอยสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้สักเข้ามาตกแต่งตามความชอบตั้งใจว่าหากทุกอย่างเข้าที่ก็จะย้ายเข้ามาอยู่ช่วงกลางปีนี้แต่มาเกิดเหตุเสียก่อนซึ่งที่ผ่านมาจะมาดูความเรียบร้อยบ้านหลังนี้เดือนละครั้ง วันที่เกิดเหตุมาเห็นสภาพก็ตกใจเพราะจำได้ว่าก่อนออกไปล็อกกุญแจรั้วอย่างมิดชิดแล้ว ใจหายขึ้นมาทันทีคิดว่าบ้านเราโดนแน่และก็โนจริงๆ พอสำรวจความเสียหายแล้วก็ไปแจ้งความที่โรงพักโคกครามตอน 15.00 น.วันที่ 29 ม.ค. แต่พนักงานสอบสวนบอกว่า ให้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนพร้อมโดยให้ปากคำในวันนั้นซึ่งเขาก็ประสานฝ่ายสืบสวนและฝ่ายปราบรามรวมถึงเจ้าหน้าที่พฐ.มาเก็บหลักฐานรายนิ้วมือคนร้ายในวันนั้นและมาตรวจซ้ำอีกวันต่อมาโดยตำรวจสืบสวนบอกว่าอย่าเพิ่งเป็นข่าวเดี๋ยวจะจับคนร้ายไม่ได้และไม่ได้ของคืนพร้อมสัญญาด้วยว่าจะตามเรื่องให้ก็เลยเชื่อและไว้วางใจทำตามสัญญาที่ตกลงกันคือไม่เอาเรื่องไปบอกใครแม้แต่เพื่อนสื่อมวลชนด้วยกันเอง “ นักข่าวสาวกล่าวและว่า

 

          พอเวลาผ่านเลยไป 1 สัปดาห์ก็แล้ว 2 สัปดาห์ก็แล้วจนครบ 1 เดือนก็ไม่มีวี่แววว่าจะจับคนร้ายได้เลยทั้งที่แจ้งรายละเอียดข้อมูลผู้ต้องสงสัยไปทั้งหมดในวันนั้นแต่ตำรวจก็ไม่ตามเรื่องให้ไม่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใดๆ อ้างว่า กล้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านถูกปิดบังด้วยตู้การไฟฟ้าทำให้มองไม่เห็นความเคลื่อนไหวหรือเบาะแสใดๆ จึงตัดสินใจเล่าเรื่องให้นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการเรื่องเล่าเช้านี้ในฐานะผู้บังคับบัญชาฟังซึ่งทางผู้บังคับบัญชาก็เลยนำเสนอข่าวเรื่องนี้เมื่อเช้าวันที่ 2 มี.ค.กระทั่งช่วงบ่ายได้รับการติดต่อจากสำนักงาน ผบช.น.ให้มาให้ปากคำกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์ในวันนี้

 

          น.ส.สุมนา กล่าวต่อว่า ความที่ไว้วางใจตำรวจสายสืบโคกครามว่าจะสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้แน่นอน เพราะของที่ถูกปล้นยกเค้าไปเป็นของขนาดใหญ่มีน้ำหนักมากคนร้ายที่เข้ามายกไปได้จะต้องมีไม่ตำกว่า 4 คนถ้ามา 2 คนยกไม่ได้แน่นอน โดยเฉพาะชุดโต๊ะกินข้าวไม้สักและเปียโนหลังใหญ่มากที่เก็บเงินจากการทำงานเป็นนักข่าวเกือบ 20 ปีกว่าจะซื้อมาได้ตั้งใจจะเก็บไว้ให้ลูกสาวอยากให้เขาได้เรียนและเล่นเปียโนแต่ก็มาโดนขโมยไปเสียก่อนเชื่อว่าคนร้ายที่มาไม่ใช่เป็นพวกซาเล้งรับซื้อของเก่าหรือพวกรถกระบะเร่ขายของเก่าแน่นอนจะต้องมาเป็นแก๊งใช้รถ 6 ล้อหรือรถ 10 ล้อแน่ๆ ที่สามารถขนของหนักๆ ที่มีขนาดใหญ่ออกไปได้หมดบ้าน เหลือเพียงบ้านเปล่าๆ ถ้ามันยกบ้านไปได้มันคงยกไปแล้ว

 

          น.ส.สุมนา กล่าวพร้อมหยิบเอกสารลงบันทึกประจำวันของ สน.โคกครามให้ทีมข่าวดูว่า ท้ายของบันทึกประจำวัน พนักงานสอบสวนยังเขียนด้วยลายมือว่า เนื่องจากผู้เสียหายเป็นนักข่าวทีวีช่อง 3 เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจโดยบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่อาศัยมานาน 2 ปีและผู้เสียหายได้นำทรัพย์สินมาเก็บไว้เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมาโดยมีทรัพย์สินถูกโจรกรรมไปกว่า 10 รายการดังนี้ชุดโต๊ะกินข้าวไม้สักขนาดใหญ่พร้อมเก้าอี้ 8 ตัวชุดเฟอร์นิเจอร์ไม้สักพร้อมเก้าอี้ 2 ตัวชุดโต๊ะไม้สักรับแขกพระเครื่องเก่าแก่จำนวน 30 องค์ เปียโนยี่ห้อเดอแรงเออ รหัสสินค้า 76516 สีดำอายุประมาณ15 ปีเตียงนอนไม้สักชุดเครื่องเสียงปืนบีบีกัน 1 กระบอกชุดถ้วยชามโบราณ และเครื่องสุขภัณฑ์ในครัวเช่นก๊อกน้ำสแตนเลสอ่างล้างจานสเตนเลส ที่คว่ำจานสแตเลส ฝักบัวอาบน้ำสแตนเลสห้องน้ำชั้นบนและล่าง2 อันรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 6 แสนบาท