ผบ.ตร.ถกเครียด คดีไม่คืบ ครบ 7 วันบึม กทม.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (7 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. เดินทางไปเรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการคลี่คลายคดีลอบวางระเบิดทั่วกรุง เมื่อคืนส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมา โดยมีนายตำรวจระดับสูงเข้าร่วมประชุม อาทิ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร.(ปป.) พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป.2) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสืบสวนคดีดังกล่าว พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ต.กมล แก้วสุวรรณ พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. รวมทั้ง ผบก.ในสังกัดตำรวจนครบาลทุกหน่วย

ครบ 7 วัน คดีไม่คืบ

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มประชุมว่า ในวันนี้เป็นการประชุมสรุปความคืบหน้าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีระเบิดที่เกิดขึ้น เนื่องจากตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ครบ 7 วันพอดี ขณะเดียวกัน จะได้ประชุมกำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยในกรุงเทพฯ รวมทั้งงานวันเด็กที่ใกล้จะถึงนี้ด้วย โดย ณ วันนี้ ตำรวจนครบาลได้ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่แล้ว แต่หากยังมีอะไรขาดเหลือที่ต้องการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วยเหลือ ก็จะได้พูดคุยกันด้วย เพื่อให้การสนับสนุนตำรวจนครบาลในด้านต่างๆ เพิ่มเติม

ยอมรับประชาชนผวา

ผบ.ตร.กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจตราตามสถานที่ต่างๆหลายจุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ยอมรับว่า ประชาชนเที่ยวน้อยลง อาจจะเป็นเพราะว่ายังไม่มั่นใจในเหตุการณ์ ไม่สงบที่เกิดขึ้น หรือไม่มั่นใจมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม การทำงานของตำรวจก็มีความพร้อม ตอนนี้มีทั้งอาสาสมัครและตำรวจบ้านเข้ามาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ประจำสถานีตำรวจต่างๆ ในส่วนความร่วมมือจากประชาชนก็ได้รับเพิ่มมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า อาจมีเหตุการณ์ไม่สงบลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกภายใน 1-2 เดือน ผบ.ตร.ตอบว่า ท่านนายกฯก็เตือนมา แต่ไม่เป็นไร ตำรวจก็ต้องดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกันดูแลบ้านเมือง เพราะเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายอยู่แล้ว ขออย่าให้ประชาชนวิตกกังวลมากเกินไป จนไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้

เสริมกำลังตชด.งานวันเด็ก


ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ชุดคลี่คลายคดีตำรวจนครบาล ได้รายงานความคืบหน้าการปฏิบัติงานในรอบ 7 วัน ภายหลังเหตุระเบิดว่าได้ทำอะไรลงไปบ้าง ติดตามสืบสวนสอบสวนคดีอย่างไร รวมทั้งมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งรับทราบปัญหาการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทั้งนี้ อาจจะต้องเพิ่มกำลังตำรวจเข้ามาดูแลในเขตพื้นที่ บก.น.1 เพราะว่ายังมีหลายจุดที่ยังน่าเป็นห่วงอยู่ ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในงานวันเด็ก ซึ่งตรงกับเสาร์ที่ 13 ม.ค.นี้ ได้กำชับให้ทุกพื้นที่เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยจะนำกำลังตำรวจ ตชด.เข้ามาเสริมในบางจุดด้วย เพื่อเป็นการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังกับตำรวจนครบาลที่อาจไม่ เพียงพอ

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการติดตามจับกุมคนร้ายในคดีลอบวางระเบิดป่วนกรุง

พล.ต.อ.โกวิทกล่าวเพียงว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนกำลังทำงานกันอยู่ ทุกฝ่ายช่วยกันเร่งรัดคดีอย่างเต็มที่

ตรวจเยี่ยมตลาดนัดจตุจักร


หลังจากนั้น พล.ต.อ.โกวิทพร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจดูความเรียบร้อย และตรวจเยี่ยมกองกำลังรักษาความปลอดภัยภายในตลาดนัดสวนจตุจักร ซึ่งได้มีการตั้งศูนย์เฝ้าระวังที่กองอำนวยการตลาดนัดจตุจักร มีกำลังเจ้าหน้าที่รวมทั้งหมด 274 นาย จาก บก.น.2 สน.บางซื่อ ตำรวจ 191 พร้อมสุนัข K-9 สุนัขชนิดดมกลิ่นวัตถุระเบิดจำนวน 4 ตัว สารวัตรทหารจากกองพันทหารราบที่ 11 เจ้าหน้าที่เทศกิจ กทม. อาสาสมัคร และตำรวจบ้าน ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่ไปเดินซื้อของภายในตลาดนัดสวนจตุจักร

โดยมีนายเฉลิมชัย เขียวประดิษฐ์ ผอ.ตลาดจตุจักรกรุงเทพฯ พาตรวจเยี่ยมศูนย์ควบคุมการทำงานของกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ที่ติดตั้งอยู่ทั่วตลาดนัดจตุจักร จากนั้นเดินทางไปตรวจดูความเรียบร้อbยบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีกำแพงเพชร และที่ร้านภูฟ้า จำหน่ายสินค้าในโครงการพระราชดำริ


ปากบอนโทร.ป่วนน้อยลง


ทางด้าน พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้สัมภาษณ์สรุปถึงสถิติการรับแจ้งเหตุระเบิดว่า ในวันนี้ศูนย์วิทยุ 191 รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยรวมทั้งหมด 5 ครั้ง และมีผู้โทรศัพท์มาขู่วางระเบิดอีก 4 ครั้ง

ขณะที่เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยรวมทั้งสิ้น 23 ครั้ง มีผู้โทรศัพท์มาข่มขู่วางระเบิด จำนวน 8 ครั้ง แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ไม่พบวัตถุระเบิดแต่อย่างใด ทั้งนี้ จะเห็นว่าแนวโน้มการ โทรศัพท์มาป่วน หรือข่มขู่ลดน้อยลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจับกุมพวกที่โทร.มาข่มขู่ไปบ้างแล้ว ทำให้เกิดความเกรงกลัวและโทรศัพท์มาป่วนน้อยลง

อย่างไรก็ตาม พวกที่โทร.มาป่วนหากตรวจสอบพบจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ส่วนเด็กที่โทรศัพท์มาข่มขู่ ก็ใช้ มาตรการเรียกผู้ปกครองมาตักเตือนให้ดูแลบุตรหลาน หากผู้ปกครองมีส่วนรู้เห็นด้วย อาจจะลงโทษผู้ปกครอง สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครและตำรวจบ้านเข้ามาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกัน ก็ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนให้ช่วยกันสอดส่อง เป็นหูเป็นตาดูแลบ้านเมืองด้วย

ยังไม่เลิกวางระเบิดปลอม


ส่วนเหตุก่อกวนสร้างสถานการณ์ให้ชาวบ้านขวัญผวายังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.อ.เสวก พันธ์หนอย หัวหน้าสายตรวจ สน.พระโขนง รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัย ภายในตู้โทรศัพท์สาธารณะ ใกล้ป้ายรถเมล์ ปากซอยวัดมหาบุศย์หรือวัดแม่นาคพระโขนง ซอยอ่อนนุช 7 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นประสานหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ.บช.น.ไปตรวจสอบ

จุดดังกล่าวมีตู้โทรศัพท์สาธารณะตั้งอยู่ทั้งหมด 3 ตู้ ภายในตู้ที่ 2 และ 3 มีกระป๋องกาแฟยี่ห้อหนึ่งวางอยู่บนชั้นวางเครื่องโทรศัพท์ และมีสายไฟฟ้าสีแดงต่อออกมาจากตัวกระป๋องพันด้วยเทปสีดำ เจ้าหน้าที่จึงนำยางรถยนต์ ไปครอบไว้ พร้อมกันประชาชนให้ออกห่างจุดดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย แต่ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด เป็นกระป๋องกาแฟเปล่าที่นำสายไฟไปผูกติดไว้ ให้ดูคล้ายระเบิด ข้างในไม่มีดินระเบิดหรือเชื่อมวงจรจุดชนวนระเบิดแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงเก็บไปตรวจสอบลายนิ้วมือ คาดว่าเป็นฝีมือของพวกมือบอนตั้งใจทำเพื่อสร้างสถานการณ์ให้ชาวบ้านแตกตื่นเล่น

รมว.กลาโหมสดุดีป๋าพูด


ในวันเดียวกัน พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ออกมากล่าวประณามกลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบวางระเบิดป่วนกรุงว่า ท่านพูดดีมาก หากวิเคราะห์ กันแล้วก็เป็นไปตามที่รัฐบาลและ คมช.ได้วิเคราะห์ คือผู้วางระเบิดอยู่ในขบวนการต้องการดิสเครดิตรัฐบาลและคมช. พล.อ.เปรมก็เชื่อตามนั้น เพราะข่าวที่ปรากฏออกมาตลอดเวลา รู้กันดีว่า พล.อ.เปรมอยู่ข้างเดียวกับรัฐบาล และ คมช. จึงต้องออกมาประณามผู้ที่วางระเบิด โดยท่านพูดว่าถ้าไม่ชอบรัฐบาล ไม่ชอบ คมช. ไม่ชอบป๋า ถ้าจะทำรัฐบาลหรือ คมช. ก็มาทำป๋าดีกว่า อย่าไปทำคนอื่น


เมื่อถามว่า ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้สรุปเรื่องระเบิดเป็นอย่างไร


พล.อ.บุญรอดตอบว่า ยังไม่มีข้อสรุป เพราะขณะนี้รัฐบาลมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ทุกอย่างอยู่ที่ กอ.รมน. เพราะ กอ.รมน.ก็เป็นส่วนหนึ่งของ สมช.และรัฐบาล ซึ่งหมายถึงนายกรัฐมนตรี ดังนั้นด้านการสืบสวนสอบสวนต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรายงานไปที่ กอ.รมน. รวมถึง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช. ก็เป็น ผอ.รมน.ด้วยอีกตำแหน่ง


ภัยรูปแบบใหม่ขบวนการขับไล่


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ออกมาเตือนให้ประชาชนระวังภัยในรูปแบบใหม่ในระยะเวลา 1-2 เดือนต่อจากนี้ รมว.กลาโหมกล่าวว่า ตามฐานข่าวเดิมมีมาอยู่แล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมีขบวนการออกมาเคลื่อนไหวเพื่อต้องการขับไล่ รัฐบาล และ คมช. ตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค.ไปจนถึงอีก 3 เดือนข้างหน้า เป็นขบวนการเดียวกันที่ออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลและ คมช.

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์วางระเบิดขึ้น ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะรุนแรงมากมาย ถือว่าเป็นภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลและ คมช. แต่ทุกคนต้องตระหนักต้องระวังตัวเองและต้องเป็นหูเป็นตาให้กับรัฐบาลด้วย เมื่อถามว่า ในฐานะที่ดูแลความมั่นคงมีความห่วงเรื่องใดมากที่สุด รมว.กลาโหมตอบว่า ก็เป็นห่วงเรื่องนี้มาก หากยังออกมาลักษณะนี้ และทุกคนออกมาประณามแล้วยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอยู่อีก ประเทศ ชาติก็จะแย่ เสียหาย

ดังนั้น ประชาชนจะต้องช่วยกัน เพราะเห็นชัดเจนแล้วว่าถ้าลำพังเจ้าหน้าที่ฝ่ายเดียวคงไม่พอ ที่เห็นชัดเจน ไม่ใช่พวกก่อการร้าย แต่เป็นพวกไม่ชอบ รัฐบาล จ้องโค่นล้มรัฐบาล หรือกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์

นักเคลื่อนไหวชี้กลุ่มวางบอมบ์


ในส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันเดียวกันนี้ นายชนาพัทธ์ ณ นคร ประธานกลุ่มประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายเตมูจิน กล่าวถึงการวางระเบิดกวนเมืองว่า ตนทราบว่าผู้ที่อยู่ เบื้องหลังของการวางระเบิดกวนเมืองนี้ เป็นกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุนกลุ่มอำนาจเก่า เช่นกลุ่มทุนที่ได้รับสัมปทานในการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิและบริษัทต่างๆที่เสียผลประโยชน์ นำเงินจำนวน 1,500 ล้านบาท มาลงขันแล้วแบ่งให้กับกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง 200 ล้านบาท กลุ่มก่อวินาศกรรม กลุ่มข้าราชการ และกลุ่มการเมือง (อำนาจเก่า) จำนวน 1,000 ล้านบาท และอีก 300 ล้านบาท จ่ายให้กับกลุ่มจัดการมวลชน

โดยเฉพาะกลุ่มที่ก่อวินาศกรรมนั้น จะใช้ชาวพม่าที่หลบหนีเข้าเมืองมาทำงานก่อสร้างให้เป็นผู้ดำเนินการ โดยกลุ่มคนพวกนี้จะไม่สามารถตรวจสอบประวัติได้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.บางคน มีส่วนร่วมรู้เห็น กลุ่มพวกนี้จะรวมกันอยู่ในซอยกีบหมู ย่านมีนบุรี จ.สมุทรสาคร และหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่สำคัญตนทราบข่าวมาว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีการก่อเหตุขึ้นอีก และในวันที่ 8 ม.ค.นี้ ตนจะเข้าพบเลขาธิการ ปปง. เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัทเหล่านี้ที่จ่ายเงินให้กับกลุ่มต่างๆต่อไป

นพ.เหวงซัดทหารบึมเอง


ขณะเดียวกัน ตอนเย็นวันเดียวกันนี้ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มสมาพันธ์ประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีของกลุ่ม 19 กันยา ต้านรัฐประหารที่ท้องสนามหลวง ถึงการลอบวางระเบิด 8 จุดทั่วกรุงเทพฯ ว่าเป็นฝีมือของฝ่ายทหาร เนื่องจากรู้เรื่องการทำระเบิดเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ต้องการสร้างเงื่อนไขให้ คมช.ไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก โดยจะใช้อำนาจคุมเข้มประชาชนให้มากขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ ยังระบุอีกว่า เหตุระเบิดยังทำให้กลบกระแสข่าวต่างๆของรัฐบาลด้วย เช่น ปัญหาบ้านนายกรัฐมนตรีที่เขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา กรณีการจดทะเบียนสมรสซ้อนของ ประธาน คมช. และปัญหาตลาดหุ้นตกต่ำ เป็นต้น นพ.เหวงกล่าวด้วยว่า นอกจากกลุ่ม 19 กันยาต้านรัฐประหาร จะชุมนุมกันทุกเย็นวันอาทิตย์แล้ว ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ เวลา 18.00 น. จะเดินขบวนจากท้องสนามหลวงไปยังกองบัญชาการกองทัพบก เพื่อขับไล่ คมช.ต่อไปด้วย


โรคจิตยังป่วนไม่เลิก


มีรายงานว่า เมื่อเย็นวันเดียวกันนี้ พ.ต.ท.เอนก อุ่นเดช สว.สส.สน.ประชาชื่น รับแจ้งพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่เชิงบันไดทางขึ้นอาคาร 2 แฟลตที่พักพนักงานรัฐสภา ซอยประชาชื่น 30 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ไปตรวจสอบพบเป็นกล่องห่อของขวัญ ขนาดกว้าง 6 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว สูง 6 นิ้ว สอบถามไม่มีใครเป็นเจ้าของ จึงประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด บชน.ไปตรวจอย่างละเอียด พบข้างในเป็นปึกกระดาษเปล่ารัดด้วยริบบิ้นสีน้ำเงิน สอบสวนนายจำรัส แก้วอาจ อายุ 55 ปี รปภ.ประจำตึก

ทราบว่า เมื่อเดินตรวจดูความเรียบร้อยพบกล่องดังกล่าววางอยู่นาน เมื่อสอบถามไม่มีใครเป็นเจ้าของจึงแจ้งตำรวจ เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็มีผู้ไม่หวังดีแอบกดสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ดังลั่น ทำให้ผู้ที่พักอาศัยอยู่ในตึกแตกตื่นกันมาแล้วครั้งหนึ่ง ตำรวจเชื่อว่าเป็นฝีมือของพวกโรคจิตป่วนเมือง ผสมโรงสร้างความวุ่นวาย


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์