ป่วนใต้ใช้แผนชั่ว ลอบฆ่ากก.มัสยิด ป้ายสีเจ้าหน้าที่รัฐ

"สถานการณ์รุนแรงขึ้นทุกวัน"


ไฟใต้ยังคงรุนแรงใกล้สู่แดนมิคสัญญีเข้าไปทุกวัน หลังรัฐบาลยอมอ่อนข้อและเน้นการสมานฉันท์แก้ปัญหา แต่กลับทำให้โจรชั่วยิ่งได้ใจ ออกอาละวาดแสดงความอหังการท้าทายอำนาจรัฐทุกรูปแบบ ทั้งบุกเผาสถานที่ราชการ โรงเรียน บ้านเรือนประชาชน ไล่ฆ่าครูและชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ล้มตายเป็นใบไม้ร่วง โดยเฉพาะชาวไทยพุทธ ต้องอพยพทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนหนีตายกันจ้าละหวั่น ส่วนครูก็ประกาศปิดโรงเรียนไม่มีกำหนด ขณะที่ภาครัฐหมดปัญญาควบคุมสถานการณ์ เพราะทหาร-ตำรวจ ก็ตกเป็นเหยื่อกระสุนโจรเช่นกันนั้น

ที่ห้องประชุมสหกรณ์ครู จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 พ.ย. นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกประชุมกรรมการสมาพันธ์และผู้อำนวยการโรงเรียนทั้ง 12 อำเภอของ จ.ปัตตานี เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการดูแลครู หลังจากประชุมร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะมีหลายประเด็นที่ไม่ได้รับคำตอบจากแม่ทัพภาคที่ 4 กลุ่มครูมองว่า ยังไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา

"ประเด็นเปิดเรียน 4 ธันวาฯ"


นายบุญสมเปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อสรุปประเด็นเกี่ยวกับการเปิดเรียนว่า พร้อมที่จะเปิดเรียนในวันจันทร์ที่ 4 ธ.ค.นี้ หรือไม่ โดยเฉพาะโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขณะนี้ครูหลายอำเภอยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทางสมาพันธ์ครูฯก็ตระหนักถึงเรื่องการศึกษา และในวันที่ 1 ธ.ค. นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.ปัตตานี ได้นัดผู้บริหารโรงเรียนเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 และเขต 2 พร้อมเชิญหน่วยกองกำลังที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม และจะมีการเสนอมาตรการรักษาความปลอดภัยครูอีกครั้ง คิดว่าจะมีข้อสรุปเปิดปิดเรียนหลังการประชุมได้ แต่อาจมีบางพื้นที่จะยังปิดเรียนก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

ส่วนกระแสข่าวที่มีบางองค์กรที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ออกมาให้ข่าวว่าจะมีการไปเจรจากับกลุ่มโจรนั้น นายบุญสมกล่าวว่า ทางสมาพันธ์ครูฯก็สงสัยว่าจะไปเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบดังกล่าวเรื่องอะไร เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเรา หน้าที่สมาพันธ์ครู 3 จังหวัด คือดูแลรักษาความปลอดภัยซึ่งกันและกัน เพราะเราก็ไม่รู้ใครเป็นกลุ่มผู้ก่อการ การแสดงคำพูดวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่ว่ากัน แต่อย่าพยายามสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นกับครูในพื้นที่ ทางสมาพันธ์ครูฯไม่ได้ทะเลาะกับกลุ่มใด เพียงแต่เราออกมาปกป้องชีวิตครูเท่านั้น

"ค้นพบ อาก้าซุกซ่อนในบ้านพัก"


ที่วัดสุนทรวารี ต.บางโกระ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี นายสมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายสุรเดช วาสแสดง อายุ 40 ปี ครู รร.บ้านดอนรัก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ที่ถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีเพื่อนครู และญาติพี่น้องนับพันคนเข้าร่วมพิธี ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจ

เมื่อเวลา 10.00 น. พ.อ.อาทิศ อนันตนานนท์ ผบ.ฉก.24 นำกำลังทหาร ฉก.ที่ 24 พร้อมด้วย พ.ต.ท.จรัญ เหมแก้ว รอง ผกก.ป. สภ.อ.ยะรัง และกำลังตำรวจ สภ.อ.ยะรัง จ.ปัตตานี กว่า 50 นาย เข้าไปพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคณะครูและนักเรียน พร้อมทั้งตรวจค้นโรงเรียนปอเนาะวัฒนาวิทยา หมู่ 7 ต.ประจัน อ.ยะรัง อีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา เข้าตรวจค้นบ้านพักนักเรียนในโรงเรียน พบปืนอาก้า 1 กระบอก และปืนพกสั้น 9 มม. อีก 2 กระบอก คาดว่าน่าจะเป็นปืนที่คนร้ายเคยก่อเหตุในพื้นที่ อ.ยะรัง และใกล้เคียง แต่จากการตรวจค้นครั้งนี้ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย

"เข้าไล่ล่ากลุ่มโจร"


ที่วัดนิโรธสังฆาราม อ.เมืองยะลา พ.อ.มนัส คงแป้น เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 5 ในฐานะรอง ผอ.กอ.รมน.ยะลา กล่าวว่า ตามที่กลุ่มก่อความไม่สงบอ้างตัวเป็นนักรบมุสลิมกู้ชาติรัฐปัตตานีนั้น ขอถามหน่อยว่านักรบอะไรไปเที่ยวฆ่าเด็ก คนแก่ นักบวช ครู ไม่มีใครเขาทำกัน พวกนี้ไม่ใช่นักรบ แต่เป็นพวกสัตว์นรกที่ไม่มีศาสนา ถ้าแน่จริงทหารพร้อมจะต่อสู้กับโจรพวกนี้ ส่วนกรณีมีข่าวว่าทหารกดดันให้ชาวบ้านที่อพยพมาอาศัยอยู่ในวัดเดินทางกลับภูมิลำเนานั้น ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ มีชาวบ้าน 76 คน จากบ้านสันติ หมู่ 6 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา ต้องการจะกลับบ้าน แต่ยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย จึงขอให้ทหารพาเข้าไปสำรวจทรัพย์สินและสภาพบ้านเรือน ไม่ใช่ทหารไปบีบบังคับให้ชาวบ้านกลับบ้านแต่อย่างใด

ด้านแหล่งข่าวด้านความมั่นคงแจ้งว่า ขณะนี้แกนนำกลุ่มโจรป่วนใต้ที่มีค่าหัวหลายคน เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย ไปรวมตัวกันบนเกาะกลางน้ำของเขื่อนบางลาง อ.ธารโต เพื่อเตรียมก่อเหตุบุกโจมตีฐานทหาร-ตำรวจ ที่เห็นว่าอ่อนแอในพื้นที่ อ.ยะหา อ.ธารโต และ อ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยแกนนำเหล่านั้นไม่กล้าที่จะฝังตัวอยู่ ในหมู่บ้าน เนื่องจาก 2-3 วันที่ผ่านมา มีทหารหน่วยรบพิเศษเข้ากดดันกลุ่มโจรอย่างหนัก ล่าสุด กำลังทหารบางส่วนได้โรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ลงในพื้นที่ป่าบนเกาะกลางน้ำเพื่อไล่ล่าโจรร้ายแล้ว ส่งผลให้พื้นที่ อ.บันนังสตาในช่วงนี้ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น เนื่องจากกลุ่มโจรไปรวมตัวกันอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว มีเพียงกลุ่มแนวร่วมในหมู่บ้านเท่านั้น แต่ไม่มีศักยภาพเพียงพอในการก่อเหตุใหญ่ได้

"เหตุร้ายรายวันยังมีต่อเนื่อง"


ในส่วนของเหตุร้ายรายวันยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยที่ จ.ปัตตานี เกิดเหตุโจรใต้ลอบวางเพลิงเผาบ้านชาวไทยพุทธ 2 ราย รายแรกเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.อ.ยะหริ่งรับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านไม้ยกพื้น เลขที่ 4/1 หมู่ 3 บ้านแหลม ต.หนองแรต จึงระดมรถดับเพลิงไปฉีดน้ำสกัด แต่ปรากฏว่าบ้านถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง สอบสวนทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของนายนิติพงศ์ เจือสนิท ขณะเกิดเหตุไม่อยู่บ้าน เนื่องจากหนีภัยโจรใต้ ไปอยู่ที่กรุงเทพฯกว่า 2 เดือนแล้ว

อีกราย เวลา 14.00 น. พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ ผกก. สภ.อ.ปะนาเระ นำกำลังพร้อมรถดับเพลิงไประงับเหตุเพลิงไหม้บ้านไม้ชั้นเดียว เลขที่ 50 หมู่ 7 ต.บ้านกลาง พร้อมเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บซึ่งติดอยู่ภายในบ้านนำส่ง รพ.ปะนาเระ ทราบชื่อนายนายก ทับประดิษฐ์ อายุ 81 ปี เจ้าของบ้าน ถูกตีด้วยของแข็ง ศีรษะแตก และตามลำตัวถูกไฟคลอกอาการสาหัส แพทย์ต้องนำตัวส่ง รพ.ศูนย์ยะลา สอบสวนทราบว่า ขณะที่นายนายกนั่งพักผ่อนอยู่ในบ้าน ปรากฏว่ามีคนร้ายบุกเข้าไปในบ้านแล้วใช้ของแข็งตีที่ศีรษะจนสลบ จากนั้นคนร้ายได้ราดน้ำมันเบนซินในบ้านก่อนจุดไฟเผาแล้วหลบหนีไป

"ขี่ จยย.ตามประกบ ยิง"


ต่อมาเวลา 16.00 น. เกิดเหตุ 2 คนร้ายใช้รถ จยย. ขับตามประกบรถ 6 ล้อ รับจ้างสูบส้วมและสิงปฏิกูล ทะเบียน 70-4061 แพร่ ที่มีนายวิชัย สีชมพู อายุ 47 ปี ชาวแพร่ เป็นคนขับ จากนั้นคนร้ายชักปืนพกสั้นยิงใส่รถ 4 นัดซ้อน กระสุนถูกศีรษะนายวิชัยเสียชีวิตคาที่ และทำให้รถเสียหลักตกข้างทาง เหตุเกิดบนถนนสายบ้านบางคัน-แคนา หมู่ 6 ต.บางเก่า อ.หนองจิก จ.ปัตตานี หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ถวัลย์ นคทราวงศ์ ผกก.สภ.อ.หนองจิก นำกำลังไปที่เกิดเหตุพร้อมกระจายกำลังติดตามคนร้าย แต่ก็ไร่วี่แวว

เวลาไล่เลี่ยกัน พ.ต.ท.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผกก.ป.สภ.อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี นำกำลังไปตรวจสอบเหตุคนถูกยิงบนถนนในพื้นที่หมู่ 5 ต.ช้างไห้ตก พบรถ จยย. ฮอนด้าล้มอยู่ข้างทาง ส่วนคนถูกยิงถูกนำส่ง รพ.โคกโพธิ์ ชื่อนางสมจิตร ไกลสกุล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/1 หมู่เดียวกัน ถูกยิงด้วยปืนเข้าลำตัว 2 นัด อาการสาหัส ต้องส่งต่อ รพ.ปัตตานี โดยก่อนเกิดเหตุ ขณะที่นางสมจิตรขี่รถ จยย.จะไปเก็บเงินค่าถั่วตามร้านค้าในหมู่บ้าน ปรากฏว่าถูก 2 คนร้ายใส่ชุดดำประกบยิงก่อนเร่งเครื่องหลบหนีไป เจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือแนวร่วมชุดใหม่ที่ออกมาฝึกจิตใจ ด้วยการลอบยิงผู้หญิงและคนแก่เพื่อสร้างสถานการณ์

"ญาติไม่ยอมให้ชันสูตรศพ"


ที่ จ.ยะลา เกิดเหตุร้ายขึ้นเช่นกัน โดยเมื่อเวลา 15.30 น. ร.ต.ต.นครินทร์ มุกรินละไมมาด ร้อยเวร สภ.อ. ยะหา รับแจ้งมีเหตุคนร้ายยิงชาวบ้านตายที่บ้านปะแดรู หมู่ 1 ต.กาตอง ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสาย 4070 ยะหา-สะบ้าย้อย พบศพนายวิไล เพ็ญกาญจน์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 308 หมู่ 1 ต.กาบัง อ.กาบัง ถูกกระสุนเจาะศีรษะและแผ่นหลัง 2 นัด นอนตายอยู่ใกล้รถ จยย.ฮอนด้า ดรีม สีเขียว ทะเบียน กนษ 418 ยะลา และยังมีผู้บาดเจ็บชื่อนายอุสมาน หะยีมะสะ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 298 หมู่ 1 ต.บาละ อ.กาบัง ถูกยิงที่ลำตัว 2 นัด ถูกนำส่ง รพ. สมเด็จพระยุพราชยะหา และเสียชีวิตในเวลาต่อมา สอบสวนทราบว่านายวิไลและนายอุสมาน เป็นลูกจ้าง กอ.สสส.จชต. ท้องที่ อ.กาบัง ก่อนเกิดเหตุ ทั้งคู่ขี่รถ จยย.ออกจาก อำเภอเพื่อไปทำธุระ ระหว่างทางถูก 2 คนร้ายขี่รถ จยย.ประกบยิงเสียชีวิต คาดโจรใต้ต้องการฆ่าคนของรัฐ

ขณะที่ จ.นราธิวาส ก็เกิดเหตุรุนแรงไม่แพ้กัน เมื่อเวลา 08.30 น. ร.ต.ต.เฮรามาน เจ๊ะดี ร้อยเวร สภ.อ.ระแงะ รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตริมทุ่งนาบ้านบาโย หมู่ 8 ต.บาโงสะโต จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิ์กุล ผกก. นำกำลังตำรวจทหารและฝ่ายปกครองไปที่เกิดเหตุ พบว่าญาติและชาวบ้านได้นำศพมาไว้ที่บ้านเลขที่ 54/1 หมู่ 7 บ้านบาโงสะโต ซึ่งเป็นบ้านของผู้ตาย ทราบชื่อนายอับดุลตอเละ บอตอ อายุ 44 ปี อาชีพทำสวน และเป็นกรรมการมัสยิดบาโงสะโต เมื่อตำรวจขึ้นไปบนบ้านเพื่อขอชันสูตรศพ ปรากฏว่าญาติและชาวบ้านไม่ยินยอม พร้อมระดมเด็กและผู้หญิงนับร้อยคนมาปิดล้อม

"ก่อการโยนความผิดให้ จนท.รัฐ"


เจ้าหน้าที่พยายามเจรจาอยู่นานหลายชั่วโมง กระทั่งในที่สุดญาติยอมให้นำศพไปให้แพทย์ รพ.ระแงะ ชันสูตรพลิกศพ พบว่าผู้ตายถูกยิงด้วยกระสุนปืนอาก้าที่หน้าอก โดยในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่ 1 ปลอก และพบร่องรอยคนร้ายหลบหนีไปทางบ้านเจ๊ะเก หมู่ 2 ต.บาโงสะโต ภายหลังจากแพทย์ชันสูตรศพนายอับดุลตอเละ เรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านกว่า 100 คน ได้แห่ศพเดินเท้าจาก รพ.ระแงะ กลับไปยังบ้านผู้ตายระยะทางกว่า 5 กม. ระหว่างทางยังตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่รัฐตลอดเส้นทาง แต่ตำรวจ-ทหารไม่ได้ตอบโต้ พร้อมคอยอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้ เนื่องจากเกรงว่าจะมีมือที่สามมายุยงและแฝงตัวก่อเหตุร้ายแล้วโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่อีก สำหรับสาเหตุคาดว่าเป็นฝีมือแนวร่วมในพื้นที่ ฆ่าปิดปากนายอับดุลตอเละ แล้วโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อให้เกิดการเข้าใจผิดกันขึ้น

ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. ร.ต.ต.เฮรามาน เจ๊ะดี ร้อยเวร สภ.อ.ระแงะ รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้ปืนสงครามยิงถล่มร้านขายของชำเลขที่ 60 ข้าง รร.บ้านเขาพระ หมู่ 7 ต.ตันหยงมัส ไปตรวจสอบบนถนนหน้าร้านพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่ 19 ปลอก ส่วนในร้านพบว่าตู้เย็น โทรทัศน์ และตู้สินค้าถูกกระสุนปืนเสียหาย และมีซากแมวถูกกระสุนปืนตายอยู่ใต้เตียงผ้าใบ 1 ตัว ส่วนคนถูกยิงบาดเจ็บมี 3 คน ถูกนำส่ง รพ.ระแงะ ทราบชื่อนางละออ ประทุมมณี อายุ 71 ปี เจ้าของร้าน ถูกกระสุนปืนที่ศีรษะ นางฉิ้ม บัวหอม อายุ 89 ปี แม่ของนางละออ ถูกกระสุนปืนที่สีข้างขวาทะลุปอด และ น.ส. อัญชนา เจียรเจริญ อายุ 26 ปี หลานสะใภ้ ถูกกระสุนปืนเฉี่ยวสะโพกขวา สอบสวนทราบว่า ขณะที่ทั้ง 3 คนนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในร้าน มีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.ซ้อนท้ายกันมาจอดหน้าร้าน คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายใช้ปืนอาก้ากราดยิงเข้าใส่ในร้าน กระสุนปืนถูกทั้ง 3 คน บาดเจ็บ สาเหตุเป็นการสร้างสถานการณ์ก่อความไม่สงบ

"คนร้ายจอดรถเข้าไปยิงใส่"


ต่อมาเวลา 15.30 น. ร้อยเวรคนเดิม รับแจ้งเหตุยิงเจ้าของร้านชำเลขที่ 113 หมู่ 2 ต.กาลิซา ริมถนนสายระแงะ-ดุซงญอ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ โดยคนร้ายยังวางระเบิดดักทหารบาดเจ็บหลายนายด้วย ในที่เกิดเหตุพบว่าข้าวของถูกแรงระเบิดเสียหาย มีชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่อง กับปลอกกระสุนปืน 11 มม. ตกอยู่ 3 ปลอก ผู้ถูกยิงชื่อนายประดิษฐ์ ปิ่นศิโรดม อายุ 43 ปี เจ้าของร้าน ถูกยิงด้วยปืนที่หน้าอก อาการสาหัส ส่วนนางเพชรรัตน์ ปิ่นศิโรดม อายุ 38 ปี ภรรยา ถูกกระสุนทะลุหัวใจเสียชีวิต สอบสวนทราบว่า ขณะที่ 2 ผัวเมียอยู่ในร้านกับลูกจ้าง มีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.ไปจอดหน้าร้าน คนนั่งซ้อนท้ายลงจากรถเข้าไปใช้ปืนยิงเข้าใส่ นางเพชรรัตน์เสียชีวิตคาที่ นายประดิษฐ์จึงใช้ปืน .38 ยิงต่อสู้ แต่พลาดท่าถูกคนร้ายยิงบาดเจ็บอีกคน หลังยิง 2 ผัวเมียแล้ว คนร้ายยังวางระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็ก น้ำหนัก 5 กก.จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในร้าน ก่อนจะวิ่งออกมาขึ้นรถ จยย.ที่เพื่อนติดเครื่องรออยู่พากันหลบหนีไป

ภายหลังเกิดเหตุ จ.ส.อ.สุรศักดิ์ แสนจันทร์ หัวหน้าชุด ร้อย ร.1311/2 ฉก.34 ที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่สถานีอนามัยบ้านกาลิซา นำกำลังมาที่เกิดเหตุแล้วนำผู้ตายกับคนบาดเจ็บส่ง รพ.ระแงะ เสร็จแล้วได้ย้อนกลับมาที่ร้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง คนร้ายจึงจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย คือ ส.อ.ปราโมทย์ ทองใส อายุ 45 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ มือและใบหน้า จ.ส.อ.สุรศักดิ์ แสนจันทร์ อายุ 46 ปี และ ส.อ.อุดร พรหมประกาย อายุ 43 ปี ทั้ง 2 นายมีอาการหูอื้อ ถูกนำตัวส่ง รพ.ระแงะ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์