ปล้นร้านทอง 15วิ.เชิด1.5ล.พกปืนบุกเดี่ยว กลางห้าง บิ๊กซี

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 มี.ค. ร.ต.ท.ไชยฤทธิ์ จุริตทะโย ร้อยเวร สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

รับแจ้งเหตุคนร้ายปล้นร้านขายทอง “ห้างทองกิมโต๊ะกังเยาวราช”  ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขานวนคร เลขที่ 209/1 หมู่ 13 ต.คลองหนึ่ง จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.นันทชาติ ศุภมงคล รอง ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.นครพัฒน์ พรหมพันธุ์ ผกก.สภ.คลองหลวง พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ ผกก.ปพ.บช.ภ.1 พ.ต.ท.ศุภกรณ์ จันทราบุตร รอง ผกก.ปพ.บช.ภ.1 พ.ต.ท.ขวัญชัย เผือกพูนผล รอง ผกก.กสส.ภ.จ.ปทุมธานี พ.ต.ต.ธีรพรรดิ์ บัณฑิโตหิรัญโชติ สว.สส.สภ.คลองหลวง เจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 11 จ.ปทุมธานี รุดไปสอบสวน  

ที่เกิดเหตุเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่สูง 2 ชั้น ตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธินฝั่งขาออก ส่วนห้างทองจุดเกิดเหตุอยู่ชั้น 2 ซีอาร์

บริเวณบันไดเลื่อนขึ้นชั้น 2 ใกล้ทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต มีประชาชนจำนวนมากยืนมุงอยู่หน้าร้านต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุปล้นอุกอาจกลางวันแสกๆ พบนายไพฑูรย์ ชาวไทย อายุ 52 ปี เสี่ยเจ้าของร้านทองที่เกิดเหตุ อยู่บ้านเลขที่ 91/88 หมู่ 8 ต.คลองหนึ่ง และเป็นเจ้าของร้านทองบางขัน ร้านทองชื่อดังบริเวณตลาดบางขัน ต.คลองหนึ่ง กับพนักงานขายในร้านอีก 3 คน ชื่อนางจิราพร พวกดี อายุ 30 ปี น.ส.ธัญชนก ส้มภู่ อายุ 24 ปี และ น.ส.พรรณทิพย์ สมภาร อายุ 22 ปี ยืนรออยู่

ตรวจสอบในร้านที่เกิดเหตุพบว่าประตูตู้โชว์ทองติดผนังหลังเคาน์เตอร์เปิดอ้าอยู่ สร้อยคอทองคำหนักเส้นละ 3 บาท และ 5 บาท ถูกคนร้ายกวาดไปเกลี้ยง 4 ถาดเหลือเพียงถาดเปล่าๆ

และพบรอยนิ้วมือคนร้ายติดอยู่ที่ประตูตู้โชว์และขอบเคาน์เตอร์จำนวนหนึ่ง  เจ้าหน้าที่วิทยาการจึงเก็บลายนิ้วมือแฝงไว้เป็นหลักฐาน สอบสวนนางจิราพรให้การว่า ช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ 10.25 น. ตน น.ส.ธัญชนก และ น.ส.พรรณทิพย์ เพิ่งเปิดร้านเสร็จ และเริ่มมีประชาชนเดินเข้ามาในห้างฯ ไม่มากนัก จู่ๆคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อแจ็กเกตผ้าร่มสีดำ กางเกงขายาวสีดำ หมวกแก๊ปสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว คาดกระเป๋าขวางหน้าอก มือซ้ายถือปืนพกสั้น เดินเข้ามาในร้านแล้วเปิดไม้กั้นเคาน์เตอร์บุกมาหาตนพร้อมร้องเสียงดังว่า “เฮ้ย” ทำให้ทุกคนตกใจหมอบลงกับพื้น จากนั้นคนร้ายได้เปิดตู้โชว์กวาดสร้อยทองในถาดทั้ง 4 ถาด น้ำหนักราว 100 บาท มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท ใช้เวลาปฏิบัติการเพียง 15 วินาที ก่อนจะวิ่งออกจากร้าน วิ่งย้อนลงบันไดเลื่อนอย่างรวดเร็ว ตนจึงตะโกนขอความช่วยเหลือแล้ววิ่งตามคนร้ายไป พบว่าคนร้ายทำสร้อยคอทองคำตกอยู่ที่บันไดเลื่อน 3 เส้น จึงเก็บไว้

พนักงานร้านขายทองคนเดิมให้การต่อว่า หลังคนร้ายไปแล้ว ตนตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแล้วรีบวิ่งตามคนร้ายไป

เห็นคนร้ายวิ่งออกทางประตูด้านข้างข้ามถนนนวนคร 2 เข้าไปในห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขานวนคร ที่อยู่ติดกัน โดยมี รปภ.ของห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ วิ่งตามหลังคนร้าย กระทั่งคนร้ายวิ่งเข้าไปในลานจอดรถใต้ถุนห้างดังกล่าว จากนั้นก็ไม่เห็นตัวคนร้ายอีกเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอภาพจากกล้องวงจร ปิดภายในห้างทองดังกล่าว ซึ่งบันทึกภาพขณะคนร้ายลงมือไว้ได้ เพื่อเป็นหลักฐานในการสืบหาตัวคนร้ายต่อไป

จากนั้น พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 สั่งระดมชุดสืบสวนภาค 1 สืบสวน บก.ภ.จ.ปทุมธานี และตำรวจ สภ.คลองหลวง ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 50 นาย

เข้าตรวจค้นล่าตัวคนร้ายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส และจัดตำรวจจราจรตรวจเข้มทางเข้าออกห้าง ดังกล่าว ขณะที่บรรดาร้านขายทองภายในห้างเทสโก้ โลตัสทราบข่าวต่างพากันปิดร้านชั่วคราว ขณะเดียวกันนายไพฑูรย์ ชาวไทย เจ้าของร้านขายทองที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุจากพนักงานในร้านจึงรีบมาตรวจสอบ พร้อมกล่าวว่า เปิดร้านขายทองที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ตั้งแต่ห้างเปิดทำการใหม่ๆ ไม่เคยมีปัญหาอะไร และทราบว่าเมื่อ 15 วัน ก่อนทางผู้บริหารห้างฯ เลิกจ้าง รปภ.ไปจำนวนหนึ่ง ทำให้ รปภ.ที่เคยเดินตรวจตราแถวหน้าร้านของตนหายไปด้วย กลายเป็นการเปิดช่องให้คนร้ายลงมือ ประกอบกับยุคนี้เศรษฐกิจไม่ดี มีคนตกงานมาก ทำให้โจรผู้ร้ายชุกชุม แม้จะมีมาตรการเพิ่มความระมัดระวัง แต่ไม่วายตกเป็นเหยื่อโจร

ต่อมาบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รอง ผบช.ภ.1 ได้เรียกตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมวางแผนล่าคนร้ายที่ห้องรับรองห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีซูเปอร์ เซ็นเตอร์ นานครึ่งชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ

จากนั้นได้เปิดเผยว่าคนร้ายที่ก่อเหตุถือว่ากระทำอย่างอุกอาจ ซึ่ง พล.ต.ท.ฉลอง สนใจผบช.ภ.1 ได้สั่งการให้ตนเป็นหัวหน้าชุดเข้าควบคุมคดีโดยตรง ซึ่งจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดของร้านทองที่เกิดเหตุและของห้างฯ พบว่าคนร้ายสูงราว 175 เมตร เดินเข้ามาในห้างฯทางประตูด้านข้าง ซึ่งเป็นเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี