นาทีสยบเอสพระราม3 เหิมยิงตร.-ดวลเดือด! จนมุม-ระทึกด่านตรวจ

ในยุคอดีตที่ผ่านมา เพียงมีใครตะโกนคำว่า “ตำรวจมา” !!?

ไม่ว่าจะเป็นแค่เหล่านักเลงหัวไม้ ไปยันบรรดาเสือชื่อก้องเรื่องปล้นฆ่า ต่างต้องรีบหลบลี้หนีหน้าไปจนหมดสิ้น

ผิดกับโจรผู้ร้ายสมัยนี้กลับแตกต่างกันสิ้นเชิง ขนาดปะหน้ากันจังๆ นอกจากไม่หนีแล้ว ยังงัดเอาอาวุธร้ายอย่างปืนยิงสู้ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ราวกับย้อนกลับไปอยู่ในช่วงเวลาของเหล่า “คาวบอย” ที่ควบม้าดวลปืนกันสนั่นเมือง

ไม่เว้นเหตุระทึกกรุงครั้งล่าสุดในเวลา 00.10 น. วันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา เมื่อพ.ต.ท.ประวิทย์ วงษ์เกษม สวป.สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ บริเวณปากซอยพระราม 3 ซอย 8 ถนนพระรามที่ 3 แขวงและเขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ

สารวัตรประวิทย์จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายอานุภาพ หรือพรประเสริฐ ชูนามเดช อายุ 30 ปี ฉายา “เอส พระราม 3″ อยู่บ้านเลขที่ 43 ซอยมไหสวรรค์ 4 แขวงและเขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ พร้อมอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .32

โดยนายอานุภาพได้รับบาดเจ็บจากการถูกอาวุธปืนเจ้าหน้าที่ยิงเข้าข้อศอกขวา 1 นัด จึงนำตัวส่งรักษาที่ร.พ.ตำรวจ และตรวจเขม่าดินปืนไว้เป็นหลักฐาน ก่อนอายัดตัวไว้ดำเนินคดี

ร.ต.อ.คำตัน ทำดี รอง สว.จร.สน.วัดพระยาไกร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ พบชายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีบรอนซ์เทา ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยนายอานุภาพนั่งซ้อนท้ายมาด้วยท่าทางมีพิรุธ พอก่อนถึงด่านประมาณ 30 เมตร คนขี่จอดรถให้นายอานุภาพลงเดิน

เมื่อด.ต.ไชยรัตน์ แย้มกลีบ ผบ.หมู่จร. ขอตรวจค้น แต่ปรากฏว่าคนขี่รถจักรยานยนต์รีบเร่งเครื่องหลบหนีไปทันที

 ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็อุบัติขึ้น!!?

 



นายอานุภาพชักอาวุธปืนยิงใส่ด.ต.ไชยรัตน์ และพยายามวิ่งหลบหนี ด.ต.มนตรา อินทร์ชุ่ม ผบ.หมู่ จร. จึงขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไปและถูกนายอานุภาพยิงใส่อีก 2 นัด เข้าเต็มหน้าอก

แต่เดชะบุญที่ด.ต.มนตราสวมเสื้อเกราะไว้ ทำให้กระสุนปืนไม่ระคายผิวแม้แต่น้อย มีเพียงแรงปะทะของลูกปืน ทำให้รถจักรยานยนต์ล้มคว่ำลงเท่านั้น

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งก็ระดมยิงสกัดนายอานุภาพไว้ กระทั่งเข้าจับกุมตัวได้ในสภาพของนกปีกหักหมดสิ้นฤทธิ์เดช เพราะถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอกขวา

สอบสวนนายอานุภาพรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อนมาพบด่านตรวจ จึงให้เพื่อนจอดส่งลงเดิน เนื่องจากไม่ได้สวมหมวกกันน็อก เมื่อมีตำรวจตามมาจึงชักอาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงใส่ตำรวจไปรวม 3 นัด

เนื่องจากเกรงว่าจะถูกยิงใส่ก่อน!!?

 



วันเดียวกัน เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.และโฆษกตร. พร้อมร.ต.อ.คำตัน, ด.ต.ไชยรัตน์ และด.ต.มนตรา แถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

เหตุเพราะมีกระแสข่าวว่า นายอานุภาพอ้างว่าถูกตำรวจใช้กำลังทำร้ายร่างกายขณะเข้าจับกุม

โดยตำรวจทั้ง 3 นาย ยืนยันว่าขณะตั้งด่านบริเวณที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหาพยายามหลบหนีไม่ยอมให้ตรวจค้น และยิงใส่ด.ต. มนตราบริเวณหน้าอก

แต่เนื่องจากด.ต.มนตราสวมเสื้อเกราะ จึงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต จากนั้นตำรวจนำกำลังเข้าจับกุมคนร้ายได้ โดยไม่มีการทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาแต่อย่างใด

สำหรับประวัติของนายอานุภาพก็ใช่ย่อย ก่อคดีอาชญากรรมมาเพียบชนิดยาวเป็นหางว่าว

ที่เป็นข่าวโด่งดังมากสุด ก็ไม่พ้นคดีที่ก่อไว้เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.55 โดยบุกไปยิงนายศิริพงษ์ อภัยวงศ์ อายุ 30 ปี คู่อริตายอนาถหน้าผับโพไซดอน ริมถนนรัชดาฯ-ท่าพระ แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี โดยครั้งนั้นมีผู้บาดเจ็บไปด้วยอีก 2 ราย

นอกจากนั้นยังมีประวัติถูกจับในท้องที่ สน.วัดพระยาไกร หลายคดีด้วยกัน ทั้งทำร้ายร่างกายและยาเสพติด พ่วงด้วยคดีแข่งมอเตอร์ไซค์อีกหลายครั้ง

ผบ.ตร.สม ยศยังกล่าวชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทั้ง 3 นาย และเห็นว่าตำรวจทุกนายควรเตรียมพร้อม ทั้งอาวุธปืนประจำกาย อุปกรณ์ป้องกันตัว ก่อนปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

เพราะโจรผู้ร้ายสมัยนี้ไม่เกรงกลัวตำรวจ

แต่ท้ายที่สุดชะตากรรมของอาชญากรผู้อหังการเหล่านั้นก็มีบทสรุปแค่ 2 ทางเท่านั้น

 คือต้องกลับไปเฝ้ายมบาล หรือเข้าไปกินข้าวแดงใน ซังเต!!?

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์