นักเลงเตะตร. ขอขมาส.ต.อ.

คดีหยามศักดิ์ศรีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คนร้ายเข้าขอขมา


คดีหยามศักดิ์ศรีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ กรณี ส.ต.อ.อาทิตย์ แดงดี สายตรวจ สภ.อ.เมืองยโสธร ถูกนายวิโรจน์ ใจพรมเมือง นายอุดร สาระคำ และนายไพโรจน์ โคตรสมบัติ ทำร้ายร่างกายใช้เท้าเตะบนโรงพักต่อหน้านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ขณะกราบขอโทษนายสถิรพร นาคสุข นายก อบจ.ยโสธร ที่มาเคลียร์เรื่องที่ ส.ต.อ.อาทิตย์ ไปมีปัญหากระทบกระทั่งกับลูกชาย ระหว่างระงับเหตุวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันจนกลายเป็นเรื่องบานปลาย มีการสั่งย้ายผู้บังคับบัญชา ไล่ตั้งแต่ พล.ต.ต.สุพรรณ ประเสริฐสม ผบก.ภ.จ.ยโสธร พ.ต.อ.โรจนวัฒน์ รัตนเรืองภิญโญ ผกก. สภ.อ.เมืองยโสธร พ.ต.ท.ปรีชา สารถี สวป. และ พ.ต.ต.พิจิต พิจารณ์ พงส.(สบ 2) ไปช่วยราชการที่ บช.ภ.3 พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ล่าสุด นายสถิรพรที่ถูกระบุว่าเป็นคนอยู่เบื้องหลังได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนก่อนถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดี แต่เจ้าตัวให้การปฏิเสธและยืนยันว่าคนที่ทำร้ายตำรวจไม่ได้เป็นลูกน้อง 


ต่อมาเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ก.ย. นายวิโรจน์ ใจพรมเมือง พร้อมด้วยนายไพโรจน์ โคตรสมบัติ 2 ผู้ต้อง หาคดีทำร้ายร่างกาย ส.ต.อ.อาทิตย์ นำกระเช้าดอกไม้ไปขอขมา ส.ต.อ.อาทิตย์

ต่อหน้า พ.ต.อ.สมหมาย กองวิสัยสุข รอง ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น รักษาการ ผบก.ภ.จ. ยโสธร และ พ.ต.อ.ประสงค์ เรืองเดช รักษาการ ผกก.สภ.อ. เมืองยโสธร โดยมีตำรวจ สภ.อ.เมืองยโสธรกว่า 100 นาย ตั้งแถวรอรับบริเวณหน้าโรงพัก เมื่อไปถึง นายวิโรจน์นั่งคุกเข่ามอบกระเช้าดอกไม้ให้กับ ส.ต.อ.อาทิตย์เป็นคนแรก พร้อมกับกล่าวว่า “ผมขอโทษที่ได้กระทำลงไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขออโหสิให้ผมด้วย ผมขอโทษครับ” โดย ส.ต.อ.อาทิตย์กล่าวตอบว่า “ผมให้อภัยประชาชนเสมอ ต่อไปทำอะไรก็ให้ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ ผิดพลาดมาก็เป็นอย่างนี้ละ ผมให้อภัย” 


จากนั้นนายไพโรจน์ ผู้ต้องหาอีกคนที่เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์พานายวิโรจน์มาก่อเหตุ ได้นำกระเช้าดอกไม้มอบให้เป็นคนถัดไป

พร้อมกล่าวคำขอโทษว่า “ขอโทษครับที่ผมได้กระทำลงไป ถือว่าเป็นความผิดพลาดของผมเอง ผมขอเป็นน้องชายพี่ครับ” โดย ส.ต.อ.อาทิตย์ ตอบว่า “ผมให้อภัยและขอบคุณที่มาขอโทษ ไม่เฉพาะตัวผมเท่านั้น ยังเป็นการขอโทษตำรวจทั้งประเทศด้วย ต่อไปขอให้เป็นมิตรกัน อย่าได้เป็นศัตรูกัน” หลังจาก ส.ต.อ. อาทิตย์ กล่าวจบได้รับเสียงปรบมือจากตำรวจชั้นประทวนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานกันอย่างกึกก้อง ด้าน พ.ต.อ.สมหมาย กองวิสัยสุข รอง ผบก.ภ.จ. ขอนแก่น รักษาการ ผบก.ภ.จ.ยโสธร กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนติดต่อมาขอขมาตำรวจเอง ไม่มีผู้ใดบังคับ เมื่อเป็นความประสงค์ของทางผู้ต้องหาเราก็อำนวยความสะดวกให้ จะยืนมอบดอกไม้หรือกราบก็แล้วแต่เขา ทางตำรวจไม่ได้แนะนำอะไร


ขณะเดียวกัน นายวีระวิทย์ วิวัฒนวานิช ผวจ. ยโสธร มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง


กรณีนายสถิรพร นาคสุข นายก อบจ.ยโสธร ถูกตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาที่อาจเข้าข่ายประพฤติตนในทางที่ไม่ เหมาะสม ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน โดยมีนายศิลป์ ชื่นนิรันดร์ รอง ผวจ.ยโสธร เป็นประธาน คณะกรรมการ ประกอบด้วย นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ปลัดจังหวัดยโสธร นายสุขวัฒน์ สุขสวัสดิ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดยโสธร นายประพัฒน์ หอมหวน ท้องถิ่นจังหวัดยโสธร เป็นกรรมการและเลขานุการ นายโพยม แก้วคูณ นิติกร 7 ว. เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ โดยให้ สอบสวนและรายงานผลให้ทราบภายใน 15 วัน
 

ส่วนนายสถิรพร นาคสุข นายก อบจ.ยโสธร ผู้ต้องหา กล่าวถึงกรณีที่ถูกพนักงานสอบสวนดำเนินคดีว่า

ทุกอย่างขอให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของตำรวจและตามกระบวนการยุติธรรมทุกประการ อย่างไรก็ตาม ยังยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับบุคคลที่เตะตำรวจแต่ประการใด ส่วนนายอุดร สาระคำ หนึ่งในผู้ต้องหานั้นเป็นลูกจ้างประจำที่ อบจ.ยโสธร และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตน

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า ได้ให้เวลาคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเป็นเวลา 15 วัน คงไม่เข้าไปแทรกแซง คาดว่าในสัปดาห์หน้าคงสรุปเสนอเข้ามา เรื่องนี้มีความชัดเจนในตัวอยู่แล้ว มีการกระทำต่อหน้าตำรวจจำนวนมากบนสถานีตำรวจ ส่วนกรณีที่คดีมีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น เรื่องนี้ไม่มีปัญหา นักการเมืองท้องถิ่นหรือระดับประเทศถ้าทำความผิดถูกจับกุมทั้งหมด จริงๆ แล้วไม่มีใครเป็นผู้มีอิทธิพล คนไปยอมรับคนนั้นกลายเป็นผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่กลัว ทำงานตรงไปตรงมาไม่มีปัญหา ตอนนี้พยายามทำให้ตำรวจทุกคนมีเกียรติยศและมีศักดิ์ศรี แต่ตอนนี้เป็นช่วงรอยต่อการบริหารงานเก่าและใหม่ การทำให้คนเข้มแข็งต้องใช้เวลาพอสมควร 


ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวทำให้มองว่าไม่

สมควรให้ตำรวจไปอยู่ใต้อำนาจส่วนปกครองท้องถิ่น รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่สมควรทำ ประเทศไทยไม่เหมาะสมกับโครงสร้างตำรวจ พวกที่เสนอเอาสิ่งที่พบเห็นจากต่างประเทศมาใช้ในประเทศไทยเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ มีตัวอย่าง นักการเมืองจังหวัดชลบุรี ต้องอยู่ใต้อิทธิพลนายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ ขนาดนายอุทัย พิมพ์ใจชน ต้องย้ายตัวเองไปสมัคร ส.ส. ในพื้นที่อื่น การเอาตำรวจไปอยู่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจจะกลายเป็นของนักการเมือง ของผู้มีอิทธิพล ทำให้แก้ไขปัญหาไม่ได้ ในวันที่ 12 ก.ย. นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ มาพบ คงมีการพูดคุยเรื่องตำรวจยโสธรและเรื่องอื่นๆด้วย ขอยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น ประชาชนที่มีเรื่องกับตำรวจ พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งหมด ไม่ใช่คนที่เตะตำรวจแล้วต้องไปฟาดฟัน
 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการกับ ผบก.ภ.จ.ยโสธร ผกก.สภ.อ.เมืองยโสธร สวป. และ พนักงานสอบสวน สภ.อ.เมืองยโสธรนั้น ขึ้นอยู่กับผลการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ

ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ต้องดูว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องหรือไม่ ความผิดคดีอาญาตั้งข้อหาไป ผลสอบวินัยปรากฏว่า มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็ดำเนินการทางวินัยและอาญา ส่วนที่ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาแจ้งความเอาผิดผู้บังคับบัญชาได้หรือไม่ รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ ต้องดูความเหมาะสม คณะกรรมการฯน่าจะเป็นผู้กล่าวโทษเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ใกล้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ จะให้ความมั่นใจเรื่องผู้มีอิทธิพลได้อย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ขอให้ความมั่นใจ ไม่มีใครเป็นผู้มีอิทธิพล นโยบายต้องมีการกวดขันเข้มงวด ให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนบนขาตัวเองให้ได้ ถ้าทำดี ทำถูกต้องพี่น้องประชาชนสนับสนุน ไม่คิดว่ามีปัญหาอะไร


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์