ธกส.โดดช่วย ชาวนาฆ่าตัว ยืดใช้หนี้10ปี

กรณีนายวัลลภ อำพันทอง อายุ 47 ปี บ้านเลขที่16/2 หมู่ 7 ต.ลาดงา อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา

ใช้ปืนขนาด 9 มม.ยิงกรอกปากปลิดชีวิตตัวเอง เพราะความเครียดที่ต้องประสบปัญหากองทัพเพลี้ยกัดกินต้นข้าวที่กำลังรอการเก็บเกี่ยวจำนวน 46 ไร่ ได้รับความเสียหายกว่า 400,000 บาท ทำให้ความฝันจะขายข้าวได้ในปีนี้ซึ่งถือเป็นปีทองของชาวนาในราคาตันละ 10,000 บาท ต้องพังทลายลงมา ส่วนข้าวที่เหลือในนาเพียงเล็กน้อยขายแล้วก็ยังไม่พอนำเงินไปใช้หนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำให้คิดไม่ตก ก่อเหตุสลดใจดังกล่าว 


ความคืบหน้าเมื่อตอนสายวันที่ 27 มี.ค. นายอาณัฐพงษ์ ศักดิ์เจริญ ผอ.สำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ.พระนครศรีอยุธยา

เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 16/2 หมู่ 2 ต.ลาดงา อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นที่ตั้งสวดบำเพ็ญกุศลศพนายวัลลภ พบว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านยังคงจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนายอาณัฐพงษ์พูดคุยกับนางสำรวย อำพันทอง อายุ  47  ปี ภรรยาของผู้ตายเพื่อสอบถามความเป็นมาแล้ว ได้ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในแปลงนาข้าวที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตร พบว่ายังคงมีกองทัพเพลี้ยกัดกินต้นข้าวได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง 


นายอาณัฐพงษ์ ศักดิ์เจริญ กล่าวว่า นายวัลลภและนางสำรวยสองสามีภรรยาเป็นลูกค้าชั้นดีของ ธ.ก.ส.มาประมาณ 8 ปี

กู้เงินไปลงทุนทำนา 50,000 บาท ได้ชำระหนี้หมดไปแล้ว ต่อมาในเดือน ก.ค.2550 นายวัลลภกู้เงินจาก ธ.ก.ส. จำนวน 950,000 บาท เพื่อนำไปซื้อรถบรรทุกเทรเลอร์ใช้สำหรับรับจ้างบรรทุกรถเกี่ยวข้าว ระยะกู้ 5 ปี และเมื่อเดือน ก.พ.2551 ชำระเงินคืนมาแล้วจำนวน 350,000 บาท คงเหลือค้างอีก 600,000 บาท เมื่อทั้งคู่ต้องมาประสบปัญหาเพลี้ยกระโดดระบาดนาข้าวเสียหายและนายวัลลภยิงตัวตาย เหลือแต่นางสำรวยภรรยาเชื่อว่าคงรับภาระหนักใช้หนี้ไม่ไหว ทาง ธ.ก.ส.จะช่วยเหลือโดยปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ให้ยืดระยะการผ่อนชำระออกไปเป็น 10 ปี และหากนางสำรวยต้องการจะใช้เงินในการลงทุนก็จะช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ขอเรียนว่า เกษตรกรที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.มีรัฐบาลเป็นผู้ดูแล หากรายใดมีปัญหาหรือประสบปัญหาเช่นภัยธรรมชาติ ราคาพืชเกษตรตกต่ำตามความเป็นจริง ให้มาปรึกษา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก  


ต่อมาวันเดียวกันนายสำราญ อินแถลง นักวิชาการเกษตร 7 ว. ศูนย์วิจัยข้าวพระนครศรีอยุธยา

นำเจ้าหน้าที่เดินทางไปสำรวจแปลงนาของนายวัลลภที่ถูกเพลี้ยกัดกิน ก่อนที่นายสำราญจะเปิดเผยว่า ข้าวที่นายวัลลภปลูกเป็นข้าว “พันธุ์ราชินี” หรือ “สุพรรณบุรี 2” เป็นข้าวปลูกระยะสั้น ไม่ค่อยแข็งแรง ถ้าเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลลงจะต้านไม่ไหว ต้องปลูกข้าวพันธุ์ “พิษณุโลก 2” ซึ่งแข็งแรงและต้านเพลี้ยอยู่ สำหรับเพลี้ยที่พบเป็นเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล พอวางไข่เสร็จตัวอ่อนกัดกินต้นข้าวแล้วเริ่มโตมีปีก จากนั้นจะกระโดดไปแพร่ระบาดใน แปลงนาอื่นอีก ดังนั้นในรัศมี 10 กม. ขอให้ชาวนาตรวจดูถ้าพบเพลี้ยกระโดดในแปลงนาขอแนะนำให้สูบน้ำในแปลงนาออก เพราะถ้ามีน้ำเพลี้ยจะชอบวางไข่ จากนั้นให้เร่งฉีดยา ถ้าระบาดมากให้ใช้ยา “บีเวอร์เรีย” ซึ่งเป็นยาชนิดแรงฉีดพ่นได้เลย 


ทางด้านนายอำนวย ยิ่งยง อายุ 52 ปี กำนันตำบลลาดงา อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า
 
พื้นที่นาในเขตรับผิดชอบมีประมาณ 10,000 กว่าไร่ ตนทำอยู่ 300 ไร่ ใช้ข้าวพันธุ์ “พิษณุโลก 2” ไม่มีปัญหา ก่อนหน้านี้ไม่เคยพบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลจะระบาดรวดเร็วขนาดนี้ พบแปลงนาของนายวัลลภเป็นรายแรก หลังจากนี้จะประกาศเตือนให้เกษตรกรทุกคนเริ่มเข้มงวดตรวจดูต้นข้าวของตัวเองให้ถี่ขึ้นจนกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์