ทุบรถ ฉกกรอบพระเลี่ยมทองร่วม 2 ล้าน

ทุบรถ ฉกกรอบพระเลี่ยมทองร่วม 2 ล้าน

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต


28 กย. 2552 14:32 น.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ก.ย. 52 พ.ต.ต.พิเชษฐ ปันกาวี สารวัตรเวร สภ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งมีรถยนต์ถูกทุบกระจกได้รับความเสียหาย และมีทรัพย์สินจำนวนมากถูกขโมยไป เหตุเกิดที่บริเวณถนนเอกาทศรถ ต . ในเมือง จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีอารวี สีดำ ทะเบียน วห - 8951 กรุงเทพ จอดอยู่ริมฟุตปาท ถูกทุบกระจกหลังด้านข้างซ้าย แตกละเอียด มีเศษกระจกตกเต็มพื้นและเบาะหลัง โดยมีแว่นกันแดดสีดำของคนร้ายตกอยู่ 1 อัน มีนายไพโรจน์ ดวงธีรปรีชา อายุ 44 ปี และนายไพฑูรย์ ดวงธีรปรีชา อายุ 46 ปี สองพี่น้อง ผู้เสียหายรอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมาได้นำรถคันดังกล่าวมามาการตรวจที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 โดยมี พ.ต.ท.วิสุทธิ์ พันธุ์แก้ว นวท. (สบ .2 ) พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ได้ทำการตรวจหาร่องรอยลายนิ้วแฝงบริเวณรอบตัว นอกจากนั้นยังพบลายนิ้วมือแฝงที่กระจกแว่นตาที่คนร้ายทำตกอยู่ และรอยเลือดของคนร้ายหยดติดอยู่กับเศษกระจก คาดว่าน่าจะถูกกระจกบาด
จากการสอบสวนนายไพโรจน์ ให้การว่า ตนพร้อมกับพี่ชายประกอบธุรกิจเกี่ยวกับทองรูปพรรณ โดยมีบริษัทหล่อเส็งเฮง เป็นกิจการของครอบครัว ได้เดินทางมาจากกรุงเทพ เพื่อนำสินค้าเป็นกรอบพระทองคำ พระเลี่ยมทอง ต่างหู แหวน นำไปเสนอขายให้กับลูกค้าตามต่างจังหวัด โดยได้เดินทางไปขายสินค้าที่จังหวัดนครราชสีมา ก่อนจะเดินทางมาที่พิษณุโลกเมื่อวันที่ 27 กันายน 2552 พร้อมกับเข้าพักที่โรงแรมบ้านคลอง ต.บ้านคลอง เมืองพิษณุโลก
กระทั่งเช้าได้เตรียมตัวเพื่อจะนำสินค้าไปเสนอขายให้กับร้านทองภายในตัวเมืองพิษณุโลก หลังจากขับรถออกจากที่พัก ได้พากันแวะไปทานข้าวมันไก่พังกี้อยู่บริเวณถนนเอกาทศรถ ห่างจากสถานีตำรวจท่องเที่ยวประมาณ 50 เมตร โดยจอดรถยนต์ไว้ฝั่งตรงข้าม หลังพากันไปนั่งทานข้าวไม่ถึง 20 นาที มีรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุนแจ๊ส สีดำ มาจอดบังด้านขวาข้างตัวรถยนต์ของตน ซึ่งคิดว่ารถยนต์กันธรรมดา จากนั้นยินเสียงสัญญาณกันขโมยดัง แต่ไม่เอะใจ เพราะเคยดังขึ้นเป็นประจำ หลังจากเดินออกมาดูพบว่ากระจกข้างซ้ายด้านหลังถูกทุบจนแตก
จากการตรวจสอบพบว่ากระเป๋าเจมส์บรอน์หนัง จำนวน 2 ใบที่วางอยู่บนเบาะหลังหายไป โดยในกระเป๋าทั้งสองใบมีทรัพย์สินเป็นกรอบพระทองคำ พระเลี่ยมทองคำ ต่างหูทองคำ และแหวนนาค แหวนทองคำ จำนวนหลายรายการ มูลค่าร่วม 2 ล้านบาท
นายไพโรจน์ กล่าวว่า มีพยานที่อยู่ใกล้บริเวณเกิดเหตุ บอกว่ามีรถยนต์จำนวน 3 คัน มาจอดปิดด้านหน้า 1 คัน และมาจอดปิดด้านหลัง 1 คัน ส่วนรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ส สีดำ จอดปิดด้านขวาของรถยนต์ ซีอาร์วี ที่ตนมองเห็นขณะนั่งทานข้าว โดยมีชายใส่หมวกกันน็อก และชายสวมหมวกแก๊ปใส่แว่นดำลงมาที่รถ ซีอาร์วี แต่ไม่มีใครสนใจ กระทั่งมีเสียงสัญญาณกันขโมยดัง รถทั้ง 3 คันได้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และมาทราบว่ามีการทุรถยนต์ขโมยทรัพย์สินภายในรถ ภายหลัง
นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ได้ระมัดระวังตัวตลอด เพราะก่อนหน้านี้ เพื่อนประกอบธุรกิจกรอบพระเลี่ยมทอง ก็ถูกทุบกระจกรถขโมยกรอบพระเลี่ยมทองที่วัดใหญ่มาแล้ว ตนไปไหนก็จอดไม่ไกลตา ครั้งนี้ก็ระวังตัวแล้ว จอดรถตรงข้ามร้านอาหาร และมองเห็นในสายตา แต่คนร้ายใช้วิธีจอดรถประกอบ ทำให้ตนคิดว่าการจราจรติดขัดธรรมดา กระทั่งถูกทุบกระจกขโมยกรอบพระ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะทราบความเคลื่อนไหวของบุคคลทั้งสอง จึงได้ติดตามมาตั้งแต่ออกจากที่พักโรงแรมบ้านคลอง กระทั่งผู้เสียหายจอดรถลงไปกินข้าวในร้าน จึงได้ใช้รถยนต์ประกบปิดด้านหน้า ปิดท้ายและประกบด้านข้างเอาไว้ เพื่อไม่ให้ผู้คนสังเกตเห็น ก่อนจะลงมือทุบกระจกเอาทรัพย์สินในกระเป๋าหลบหนีไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดรถยนต์ต้องสงสัย แต่ไรวี่แวว

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์