ทำแผนฯฆ่าระวีวรรณ

ขยายผลทีมฆ่า"ระวีวรรณ"พบเชื่อมโยงถึง5คดี นำตัว"ไอ้กอบ"ทำแผนฯ หวิดเหลวเจอขัดขวาง เชื่อ"ศักดา"หลบอยู่ลาว


ตร. พบทีมสังหารสาวใหญ่หน้าเสียโฉมก่อคดีเชื่อมโยงกันถึง 5 คดี “บิ๊กด้วง” ผบช.ก. เผย ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การเป็นประโยชน์มากจนสามารถขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้อีก แต่เป็นใครยังเปิดเผยไม่ได้ คุมตัว “ไอ้กอบ” คนชี้เป้าฝากขังศาลผลัดแรก 12 วัน ก่อนจะนำตัวไปทำแผนฯในคดีฆ่าเซลส์แมนขายสูท และตรวจค้นไบโอคลินิกเจอทนายความกับลูกน้องขัดขวาง แต่สุดท้ายต้องยอมให้ตำรวจเข้าส่วน “ศักดา เฮงสวัสดิ์” ผู้จ้างวานยังกบดานอยู่ในลาว ประสานตำรวจลาวเร่งล่าตัวส่งมาให้ไทย

ใกล้ถึงตัวผู้บงการเข้าไปทุกขณะสำหรับคดีสังหาร นางอภัสนันท์ ฐิติโชติชัยปรีชา หรือนางระวีวรรณ เสตะรัต สาวใหญ่หน้าเสียโฉมจากการทำศัลยกรรมในคลินิกเสริมความงามย่านดอนเมือง

หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับ นายจตุรงค์ หรือตึ๋ง เบ็ญกูล มือปืนได้ พร้อมกับให้ศาลออกหมายจับ นายประกอบ สีนาด คนขี่รถจักรยานยนต์พามือปืนไปยิงและเป็นผู้ชี้เป้า กับนายศักดา เฮงสวัสดิ์ น้องชายของ นพ.กวีวัธน์ หรือไพศาล เฮงสวัสดิ์ เจ้าของไบโอคลินิก ผู้จ้างวาน โดยตำรวจติดตามจับ นายประกอบ ที่หลบหนีไปอยู่เมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาวได้เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ทั้งสองยังสารภาพด้วยว่าได้ฆ่า นายวรรธนะ หรือนายบุญลือ รุ่งเรือง โชเฟอร์แท็กซี่ พยานสำคัญของ นางระวีวรรณ ที่ฟ้องร้องไบโอคลินิก และนายประกอบ ยังยอมรับว่าฆ่า นายชาญวิทย์ ชาญรัตนชัย เซลส์แมนขายสูท ตายในไบโอคลินิกก่อนจะนำศพไปทิ้งในพื้นที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี เพราะนายชาญวิทย์ เข้าไปโวยวายขู่ฟ้องร้องแพทย์เจ้าของคลินิก ตามที่เสนอข่าวไปให้ทราบนั้น


ส่วนคดีฆ่า นางระวีวรรณ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นคนพานายจตุรงค์ ไปสังหารพร้อมกับชี้เป้า


หลังยิงนางระวีวรรณแล้วได้ขี่รถจักรยานยนต์พานายจตุรงค์หลบหนีพร้อมกับแยกชิ้นส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนำไปทิ้งไว้ที่ คลอง 3 หมู่ 11 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุม ธานี ก่อนจะหลบหนีไปอยู่ที่ประเทศลาวจนมาถูกจับกุมตัวได้ สำหรับชิ้นส่วนอาวุธปืนขนาด 6.35 มม. ทูตมรณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจงมพบชิ้นส่วนแล้ว มีตัวประกบด้ามปืน ตัวปืน ลำกล้อง และแท่งเหล็กสไลด์ โดยจะพยายามหาให้ครบทุกชิ้น ซึ่งชิ้นส่วนปืนที่พบนั้น นายประกอบ ยืนยันว่าเป็นชิ้นส่วนของปืนที่ใช้สังหารนางระวีวรรณ แน่นอน
 
พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจกองปราบปราม และตำรวจนครบาลได้ร่วมกันทำ

โดยสามารถติดตามจับกุมนายจตุรงค์ ได้เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา โดย นายจตุรงค์ รับสารภาพว่า เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงนางระวีวรรณจริงก่อนจะหลบหนีไปกับนายประกอบ ข้ามฝั่งไปอยู่ที่ประเทศลาว 9 วัน ส่วน นายประกอบ มีหน้าที่ชี้เป้าและพาหลบหนี และผู้ต้องหาทั้งสองให้การซัดทอดว่า ทำตามคำสั่งของ นายศักดา เฮงสวัสดิ์ ที่ ขณะนี้ยังหลบหนีกบดานอยู่ในประเทศลาว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานงานกับตำรวจประเทศลาวเพื่อติดตามจับกุมตัวอยู่ จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองถือว่าให้การเป็นประโยชน์อย่างมาก อย่างไรก็ตามจะขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกในเร็ว ๆ นี้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีใครบ้าง
 
ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ได้ควบคุมตัว นายประกอบ ผู้ต้องหาไปยื่นร้องขอฝากขังผัดแรกต่อศาลอาญาเป็นเวลา 12 วัน

ตั้งแต่วันที่ 4-15 ต.ค.นี้ พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาและขอรับตัวผู้ต้องหากลับไปสอบสวนต่อที่สน.ลาดพร้าว เพื่อทำแผน ประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพและสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาอื่น ๆ ที่ร่วมก่อเหตุต่อไป ศาลสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังและรับตัวผู้ต้องหากลับไปได้

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์