ทลายแก๊งมังกรใต้ ค้าเฮโรอีนข้ามชาติ จากไต้หวัน-ถึงไทย


"เฮโรอีนที่ยึดได้หากคิดเป็นเงินไทยจะมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท แต่ถ้าหากส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศจะมีมูลค่าสูงกว่านี้ 10 เท่า การจับกุมเครือข่ายนักค้าเฮโรอีนแก๊งนี้ เป็นการทำลายเครือข่ายนักค้าเฮโรอีนรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียเลยทีเดียว นับเป็นความสำเร็จของตำรวจไทย ที่ได้ประสานกับหน่วยงานสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกาจนสามารถจับกุมคนร้ายเอาไว้ได้"


คือคำกล่าวของพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ในการแถลงผลจับกุม "แก๊งมังกรใต้" แก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่มีสมาชิกเป็นชาวไต้หวันและคนไทย ซึ่งเตรียมขน "เฮโรอีน" จำนวน 104 กิโลกรัม จากสามเหลี่ยมทองคำผ่านเข้าประเทศไทยเพื่อเตรียมออกขายยังประเทศอื่นๆ


แต่แล้วในที่สุดยาเสพติดที่มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ก็ไม่สามารถหลุดรอดมือตำรวจไปได้


งานนี้จับผู้ค้าและยึดของกลางได้จำนวนมหาศาล!!



ย้อนไปดูเบื้องหลังแห่งการพิชิตคดี เริ่มจากในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (ดีอีเอ) ว่า มีกลุ่มนักค้ายาเสพติดชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออก มีนายหลาน อัน ลุง เป็นตัวการใหญ่ และมีชื่ออยู่ในบัญชีดำของทางการสหรัฐ กำลังขนเฮโรอีนที่ซื้อมาจากแหล่งผลิตบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ มีน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม สนนราคากว่า 100 ล้าน นำผ่านเข้ามายังประเทศไทย โดยมีแผนเตรียมนำเฮโรอีนเหล่านี้ไปพักไว้ที่แหล่งพักยาใน จ.ภูเก็ต ก่อนเตรียมนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้าในหมู่เกาะต่างๆ อาทิ ไต้หวัน ฮ่องกง และจีน


ตำรวจ ปส.ลงหาข่าวในเชิงลึกทันที

ด้วยเพราะคดีนี้เป็นคดีใหญ่ คนร้ายเป็นแก๊งค้ายาที่มีเครือข่ายโยงใยในหลายประเทศ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์จึงมอบหมายให้พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. พล.ต.ต.สิทธิพงศ์ ปุณโณทก รอง ผบช.ภ.5 จัดทีมนักสืบลงหาข่าวและเฝ้าดูพฤติกรรมคนร้าย ประสานพล.ร.ท.ณรงค์ เทศวิศาล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ผนึกกำลังทหารเรือเข้าร่วมคลี่คลาย

ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็รู้ความเคลื่อนไหว

ตำรวจใช้เวลาแกะรอยประมาณ 3 เดือน จึงสืบรู้มาว่าแก๊งค้าเฮโรอีนแก๊งนี้ใช้บ้านเลขที่ 74/267 หมู่บ้านภูเก็ตซิตี้โฮม ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นจุดพักยา จึงไม่รอช้าขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดภูเก็ต เลขที่ 279/2551 ลงวันที่ 9 พ.ย.51 เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวทันที พบนายพงศ์ธัช พงศ์ฐถิรกุล อายุ 29 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 67/161 หมู่ 1 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต กับนายกั๋ว เต๋อ ไฉ่ อายุ 42 ปี ชาวไต้หวัน พักอยู่ในบ้านจึงเข้าควบคุมตัวไว้ พร้อมตรวจยึดเฮโรอีนน้ำหนักรวม 104 กิโลกรัมที่ซุกซ่อนในบ้านไว้เป็นของกลาง


การทลายแก๊งค้ายาครั้งนี้เล่นเอาเจ้าหน้าที่ถึงกับอึ้ง เมื่อพบว่าคนร้ายเก็บของกลางซุกซ่อนไว้อย่างดี นำเฮโรอีนชนิดผงสีขาวอัดแท่งจำนวน 261 แท่ง น้ำหนัก 104 กิโลกรัม ฝังไว้ในบ่อซีเมนต์ใต้ดิน แล้วเททับด้วยปูนอีกชั้นหนึ่ง แถมออกแบบเครื่องมือระบบไฮโดรลิกคอยควบคุมการเปิด-ปิดแผ่นซีเมนต์ไว้อีกด้วย

"เฮโรอีน"
ทั้งหมดตกเป็นของกลาง ก่อนนำตัวคนร้ายมาสอบปากคำเพื่อขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ

ส่วนเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติดล็อตนี้ หากทำสำเร็จคนร้ายจะนำเฮโรอีนบรรจุลงในถังแก๊สที่ซุกไว้ใต้ท้องเรือประมง แล้วนำไปถ่ายขึ้นเรือสินค้าที่ลอยลำอยู่กลางทะเล เพื่อนำยาเสพติดส่งขายไปยังประเทศไต้หวัน จีน ฮ่องกง รวมทั้งประเทศอื่นๆ ที่มีสมาชิกอาศัยอยู่ จะรับทอดนำไปจำหน่ายต่อไป

ดังนั้น หากเฮโรอีนล็อตนี้หลุดออกไปได้ในแถบยุโรปจะมีมูลค่าถึง 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว!!

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ ประกอบด้วย นายศรายุทธ เกษรนนิราศ, นายสาธิต ไพบูลย์อิสระกูล, นายมานะ ชัยดี, นายสุมิตร ธนาภิรมย์กุล นายเฉิน เหวน เคอะ และนายหลาน อัน ลุง ชาวไต้หวัน ซึ่งทั้งหมดถูกขออนุมัติออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว

ฐานร่วมกันกับพวกที่ยังหลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภที่ 1 (เฮโรอีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

สำหรับเฮโรอีนทั้งหมดนี้ หากคิดเป็นเงินไทยจะอยู่ในราคา 100 ล้าน แต่ถ้าส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศจะมีมูลค่าสูงกว่านี้ถึง 10 เท่า ยิ่งในโซนยุโรปและตลาดค้ายาเสพติดที่นิยม "เฮโรอีน" เป็นอันดับหนึ่ง ก็จะยิ่งดีดราคาเพิ่มขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่า
ดังนั้น การทลายเครือข่ายนักค้าเฮโรอีนแก๊งนี้จึงนับเป็นการทลายแก๊งค้าเฮโรอีนรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกไปโดยปริยาย

ส่วนพวกที่หลบหนีไปตำรวจติดตามดูความเคลื่อนไหวแล้ว!!

กล่าวถึงการป้องกันการลักลอบค้ายาเสพติดที่ผ่านมา มีมาตรการคุ้มกันอย่างเข้มงวด แต่จนแล้วจนรอดก็ยังมีการเล็ดลอดเกิดขึ้นบ่อยๆ แถมยังมีวิวัฒนาการที่รุดหน้าไปไกล ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงมีแนวคิดที่จะติดตั้งกล้องซีซีทีวีบริเวณ 35 ด่าน ตรวจในพื้นที่ภาคเหนือ โดยจะเชื่อมโยงข้อมูลไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธร ภาค 5 เพื่อสกัดกั้นการนำเข้ามาในประเทศไทย และนอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยสอดส่องดูความเคลื่อนไหวสิ่งไม่ชอบมาพากลต่างๆ อีกด้วย

ยิ่งคนร้ายมีวิวัฒนาการในการขนถ่ายที่ก้าวไกล

เครื่องมือเครื่องไม้ของเจ้าหน้าที่ก็ต้องใช้ของที่ทันสมัยและก้าวไกลกว่า!!

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์