ถีบประตูฉุกเฉินหนีตายมาได้ ทำใจอีกนานกว่าจะกล้าขึ้นอีก

เผยนาทีระทึก! หนุ่มพังงาพาแฟนสาวชาวแคนาดา รอดปาฏิหาริย์จากเที่ยวบินมรณะ

เผยเป็นคนถีบประตูฉุกเฉินคนแรก เมื่อหนีออกมาได้ก็พบว่าไฟลุกท่วมเครื่องบินทั้งลำแล้ว

ขณะที่หนุ่มออสซี่ระบุคนแปลกหน้าช่วยชีวิต ส่วนหนุ่มนักล่าฝัน 1 ใน 50 คนสุดท้ายเอเอฟ 4 ปิดตำนานล่าฝันหนุ่ม “พิท” มือใหม่สจ๊วตดับ ชาวบ้านข้างสนามบินยันว่า ในเวลาดังกล่าวฝนตกหนักและลมพัดแรง ทำให้เครื่องบินเสียหลัก 


เหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินวันทูโก ประสบอุบัติเหตุไถลออกนอกรันเวย์จนเกิดระเบิดขึ้น ที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 89 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 40 คน เมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ผ่านมา   


นายชาตรี สุขสวัสดิ์ อายุ 26 ปี ชาวพังงา อาชีพทำธุรกิจส่วนตัว หนึ่งในผู้โดยสารเครื่องบินของสายการบินวันทูโก เที่ยวบินโอจี 269 กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ที่ประสบอุบัติเหตุ และในวันนี้ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต เปิดเผยช่วงนาทีวิกฤติว่า ก่อนเครื่องบินลำดังกล่าวจะร่อนลงสู่สนามบิน นักบินไม่ได้มีการแจ้งเตือน หรือมีประกาศใดๆ ให้ผู้โดยสารรับทราบ จึงทำให้บรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปแบบปกติ แต่สำหรับตนที่ได้มองออกไปทางหน้าต่าง ในเวลานั้นกลับรู้สึกถึงความไม่ปกติ เพราะเห็นบรรยากาศภายนอกเครื่องบินมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงมาก


นายชาตรี เล่าว่า

หลังจากนั้นตนก็รู้สึกถึงเครื่องบินกำลังลดระดับความเร็วและความสูงเพื่อลงสู่พื้น และก็ตกใจเมื่อรับรู้ได้ว่า ช่วงที่เครื่องบินร่อนลงแตะพื้นนั้นตัวเครื่องได้กระแทกกับพื้นอย่างแรง จนทำให้เครื่องบินทั้งลำกระเด้งกลับขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเครื่องก็ไถลไปทางด้านขวาพุ่งชนเนินดินขนาดใหญ่ จนทำให้ปีกด้านซ้ายหัก
 

“ช่วงนาทีวิกฤตินั้นผมเห็นเปลวไฟพุ่งมาจากด้านหน้าของเครื่องบิน เมื่อตั้งสติแล้วก็รีบปลดเข็มขัดที่ยึดตัวเองกับเก้าอี้ออก ตามด้วยปลดเข็มขัดให้แฟนของผมที่นั่งอยู่ติดกัน จากนั้นเราทั้งคู่ก็วิ่งไปทางประตูฉุกเฉินที่อยู่ช่วงกลางลำ ผมถีบประตูฉุกเฉินจนเปิดออก พอออกมาจากเครื่องบินได้ ขณะที่วิ่งหนีตายก็หันกลับไปมอง เห็นเปลวไฟกำลังลุกท่วมเครื่องบินทั้งลำ แม้เราจะหนีออกมาได้แต่ก็สามารถคาดเดาได้ว่าความโศกเศร้าและสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จะตามมา ผมกับแฟนก็คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก ทั้งนี้ ก็เพื่อทำใจให้ได้ก่อนที่จะต้องเดินทางโดยเครื่องบินกลับหลังจากเยี่ยมครอบครัวผมแล้ว” นายชาตรี กล่าว
 

นางมิลเดรด แอนเน เฟอร์ลอง อายุ 23 ปี ชาวแคนาดา แฟนสาวของนายชาตรี เล่าว่า

เดินทางเพื่อจะมาเยี่ยมบ้านแฟนหนุ่มที่ จ.พังงา การเดินทางออกจากสนามบินดอนเมืองก็ปกติดี จนมาถึงสนามบินภูเก็ต ขณะร่อนลงจอดเครื่องก็เกิดอาการคล้ายกับวูบลง ต่อจากนั้นเหมือนกับจะเชิดหัวขึ้น แต่แล้วก็พุ่งไปชนเนินดิน ทำให้เกิดไฟลุกไหม้จากด้านหน้าเครื่อง แฟนหนุ่มซึ่งมีสติอยู่ก็พยายามช่วยเหลือตนออกมาทางประตูฉุกเฉิน หลังรอดมาได้แล้วก็หันกลับไปดูพร้อมแฟน เห็นเพลิงลุกไหม้ส่วนกลางของเครื่องแล้ว ซึ่งการรอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้เหลือเชื่อเป็นอย่างมาก เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนแทบตั้งตัวไม่ทัน

หลังจากที่ผ่านพ้นเหตุการณ์สยอง นายโรเบิร์ต บอร์แลนด์ ชาวออสเตรเลีย วัย 48 ปี ที่รอดชีวิต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า

เป็นหนี้บุญคุณคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่ช่วยดึงตัวเองออกจากซากเครื่องบินที่ไฟกำลังลุกไหม้ "ตอนนั้นเกิดไฟไหม้ในห้องโดยสาร เสื้อผ้า และกางเกงของผมติดไฟ ผมพยายามลากตัวเองไปยังอีกฝั่งของเครื่อง ซึ่งเป็นแถวที่นั่งติดกับประตูฉุกเฉิน จากนั้นก็มีใครคนหนึ่งช่วยผม แล้วลากผมออกจากซากเครื่อง" นายบอร์แลนด์ ซึ่งอยู่เมืองไทยมานานถึง 10 ปี เผยด้วยความตื้นตัน


เอเอฟพี รายงานว่า นายบอร์แลนด์ได้โทรศัพท์ไปหาแม่ที่บ้านเกิดในเมืองเพิร์ธทันทีหลังรอดชีวิต

ซึ่งนางมูเรียล โรเบิร์ตสัน มารดาวัย 71 ปีของนายบอร์แลนด์ กล่าวว่า ลูกชายโทรมาบอกว่าไม่เป็นไร แต่ตัวเองไม่เข้าใจว่าลูกพูดเรื่องอะไร ลูกจึงเล่าให้ฟังว่าอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะเครื่องบินที่นั่งมาประสบอุบัติเหตุ ทำให้แขนขวาหัก ขามีแผลไฟลวกรุนแรง แต่ยังกระดิกนิ้วเท้าได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร


นายปริญญวิชญิ์ ชูแสง อายุ 23 ปี พนักงานโรงแรม เล่าในทำนองเดียวกันว่า

ก่อนเกิดเหตุเครื่องบินเดินทางออกจากกรุงเทพฯ มาตามปกติ เมื่อใกล้ถึงสนามบินนานาชาติภูเก็ตนักบินก็ลดระดับการบินเหมือนปกติ แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีอาการแกว่งของเครื่อง เมื่อเครื่องใกล้ถึงรันเวย์ก็ลดลง หลังจากนั้นเครื่องบินก็คล้ายว่าจะทะยานขึ้นอีก กระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น มารู้สึกตัวอีกทีเหมือนกับเครื่องบินหักกลางลำจากแรงกระแทก ทำให้ผู้โดยสารบางคนถึงกับสลบและไม่สามารถหนีออกมาได้


"มันเกิดขึ้นเร็วมากจนไม่ได้มีการแจ้งเตือนใดๆ จากเจ้าหน้าที่ หลังเครื่องไถลออกนอกรันเวย์แล้ว ผมซึ่งนั่งอยู่ส่วนกลางเครื่องก็คลานออกมาจากประตูฉุกเฉินตามนักท่องเที่ยวฝรั่งและคนไทย โดยใช้เวลา 3-5 นาทีก็รอดตายจากอุบัติเหตุครั้งนี้ได้เหมือนปาฏิหาริย์ และไปยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเครื่อง ซึ่งมีระยะห่างพอควร เนื่องจากกลัวเครื่องบินจะระเบิด สภาพเครื่องบินที่ผมเห็นในขณะนั้นถูกเพลิงไหม้จากส่วนหัวและลุกลามมายังส่วนกลางและส่วนท้ายเครื่อง" นายปริญญวิชญิ์ เล่าด้วยอาการที่ยังคงตื่นตกใจ


ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีหนุ่มน้อยนักล่าฝันของ "อะคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซั่น 4" อยู่ด้วย 1 คน  คือ นายพิทยา ว่องวันดี อายุ 22 ปี สจ๊วตฝึกหัดของสายการบินวันทูโก

ที่เคยส่งวิดีโอเข้ามาคัดเลือก หรือออดิชั่น จนติด 1 ใน 50 นักล่าฝันด้วย น.ส.เยาวลักษณ์ ว่องวันดี พี่สาวของนายพิทยา กล่าวว่า หลังไม่ผ่านเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายของเอเอฟ 4 แล้ว จากนั้นนายพิทยาก็สอบผ่านเข้าเป็นพนักงานบริการบนเครื่องบินของสายการบินวันทูโก จึงเริ่มเข้าไปฝึกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม กระทั่งวันที่ 18 สิงหาคม ก็ได้ขึ้นไปฝึกหัดปฏิบัติงานจริงบนเครื่องบินเป็นครั้งแรก กระทั่งมาเกิดเหตุร้ายขึ้น จนนำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัว โดยจะตั้งศพสวดพระอภิธรรม ที่วัดเทพลีลา ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน เป็นต้นไป


ขณะที่ นายวรวิทย์ ว่องวันดี พี่ชายฝาแฝดของนายพิทยา ซึ่งยังอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และกำลังกลับมาร่วมงานศพน้องชาย ได้เข้าไปโพสต์ข้อความลงในเวบไซต์พันทิปว่า

"ขอบคุณทุกๆ คนนะครับที่เข้ามา พิทยังอยู่กับวิทเสมอนะครับ ยังอยู่กับพวกเราทุกคน ขอบคุณทุกคนมากๆ ปล.พิท แฟนคลับแกเยอะแยะเลยนะ ได้ยินป่าว รักน้องชายคนนี้ที่สุด ยังไงก็กลับมานะ มาใช้ร่างเดียวกันก็ได้ ก็เราเกิดมาพร้อมกันนี่เนอะ"


ขณะที่ นายณรงค์ รัตนมณี อายุ 45 ปี ชาวบ้านซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้สนามบินประมาณ 10 เมตร กล่าวว่า

ตนกับเพื่อนบ้าน 4-5 คนที่มาหยุดหลบฝนที่บ้านของตน ได้ยินเสียงดังตึงอย่างแรงมาจากทางทิศเหนือของรันเวย์สนามบิน ซึ่งตนและเพื่อนบ้านมองเห็นในระยะ 200 เมตร ว่าเครื่องบินได้พุ่งชนเข้าชนเนินดินนอกรันเวย์ พร้อมกับมีกลุ่มควันสีขาวพ่นออกมาผสมกับละอองน้ำฝน จากนั้นก็มีไฟลุกท่วมเครื่องบินแบบฉีดพ่นออกมาเป็นระยะๆ


สักพักตนก็มองเห็นชาวต่างชาติ 2 คนวิ่งออกมาจากเครื่องและมีลักษณะเหมือนคนไทย บ้างก็คลานออกมาหยุดอยู่ห่างจากเครื่องประมาณ 20 เมตร ประมาณ 4-5 คน ตนกับเพื่อนๆ พยายามปีนรั้วเหล็กเข้าไปช่วย แต่ไม่สามารถปีนเข้าไปได้เพราะมีลวดหนามขึงไว้ข้างบนยอดรั้วอีก 3 เส้น ได้แต่ยืนมองภาพที่น่าเวทนา
 

นายณรงค์ กล่าวอีกว่า จากนั้นอีก 20 นาทีต่อมาก็มีรถดับเพลิงวิ่งมา 2 คัน

คาดว่าน่าจะเป็นของสนามบิน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร พอมาถึงก็ยังไม่ได้ดับเพลิงในทันที คล้ายกับว่าจะช่างใจเกรงว่าเครื่องจะระเบิดขึ้น อีกราว 10 นาทีต่อมาจึงเริ่มดับไฟไปพร้อมกับมีคนคลานออกมาจากเครื่องทีละคนสองคน มีบางคนพยายามลากผู้อื่นออกมาด้วย ตนจึงปีนรั้วสนามบินเข้าไปช่วยเหลืออีกครั้ง แต่ก็ปีนไม้ได้ ได้แค่ทำใจยืนดู จนเวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงจึงเห็นบรรดาหน่วยกู้ภัย ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นที่ใดบ้าง วิ่งเข้ามาเต็มจุดเกิดเหตุ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์