ตื้บยัดยาบีบรับคดีอุ้มแจ้งความ ถูกตร.ย้อนไม่ตายก็บุญแล้ว

"ร้อง โดน ตร.ตื้บ ยัดยาบ้า"


หนุ่มใหญ่ร้องถูก 6 ตำรวจ ปส.แปดริ้วรุมตื้บยัดยาบ้า 200 เม็ด ก่อนบังคับให้รับสารภาพเป็นคนร้ายคดีอุ้มเพื่อนรุ่นน้อง เผยถูกทรมานจนซี่โครงหัก กระดูกแทงปอดฉีก

โวยเคยให้ญาติไปแจ้งความ แต่ถูกตอกกลับ "เขาไม่เอาถึงตายก็บุญแล้ว" เชื่อกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องแค้นพาพ่อเพื่อนที่ถูกอุ้มไปร้องเรียนผู้ว่าฯ-พล.ต.ท.จงรัก ให้ช่วยคลี่คลายคดี ด้านผู้การฉะเชิงเทราลั่นพร้อมให้ความยุติธรรม

แม้ว่าวันที่ 10 ธันวาคม จะเป็นวัน "สิทธมนุษยชนสากล" แต่ยังมีเหตุการณ์ละเมิดสิทธิของประชาชนอย่างร้ายแรงเกิดขึ้น ล่าสุดได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจเมื่อมีผู้มาร้องเรียนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระทำการทารุณ ทำร้ายร่างกาย เพื่อยัดเยียดข้อหาเรื่องยาเสพติด พร้อมทั้งบังคับให้ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีอุ้มประชาชนที่บริเวณหน้าเรือนจำกลางจังหวัดฉะเชิงเทรา

"แจง ตร.นอกเครื่องแบบ อาวุธสงครามจี้จับบังคับให้รับสารภาพ"


เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ธันวาคม นายสะสม วัฒนกูล อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 431 ถ.ประชาสรรค์ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวโดยอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยัดยาบ้า และทำร้ายร่างกาย เพื่อบังคับให้รับสารภาพว่า เป็นผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่านายสมภพ หิรัญรักษา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 5 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมแฟนสาว บริเวณหน้าเรือนจำกลางจังหวัดฉะเชิงเทรา

นายสะสม กล่าวอ้างว่า เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปส.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา จำนวน 6 นาย แต่งกายนอกเครื่องแบบใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 จี้จับกุมตัวบริเวณเล้าไก่ภายในบ่อเลี้ยงกุ้งของนายสมจิต รักษา หรือแดง ในพื้นที่ ต.บางตีนเป็ด พร้อมถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า ต่อสู้ขัดขืนพยายามฆ่าเจ้าพนักงานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครอง 202 เม็ด อย่างไรก็ตาม ภายหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวใช้เข็มขัดรัดคอใส่กุญแจมือ และใช้ถุงดำคลุมศีรษะ จากนั้นได้รุมกระทืบ ทำร้ายร่างกายตลอดทั้งคืน เพื่อให้ยอมรับสารภาพในข้อกล่าวหาว่ามียาบ้าไว้ในครอบครอง 202 เม็ด

"ไม่รับสารภาพขู่ฆ่าทิ้งทั้งครอบครัว"


นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวยังบังคับให้รับสารภาพว่า เป็นผู้ต้องหาอุ้มฆ่านายสมภพ หิรัญรักษา หรือเต่า อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้อง อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 5 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมแฟนสาวขณะเดินทางมาเยี่ยมเพื่อนบริเวณหน้าเรือนจำกลางจังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ได้ปฏิเสธ และไม่ยอมรับสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามยัดเยียดความผิดให้ ทำให้ถูกกระทำทารุณกรรมต่างๆ นานา พร้อมถูกขู่จะฆ่าทิ้งทั้งลูกเมีย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มนี้ได้ควบคุมตัวไว้

"ตลอด 8 วัน ที่ตำรวจนำไปคุมขัง ผมอยู่ในความควบคุมของตำรวจ จนกระทั่งถูกนำมาขังอยู่ในเรือนจำ แต่ตำรวจชุดนี้ยังมาเบิกตัวผมจากเรือนจำไปทำร้ายร่างกาย ทรมานผมจนฟกช้ำบวมไปหมดทั้งตัว ซี่โครงหัก 3 ซี่ กระดูกแทงทะลุจนปอดฉีก เมื่อเขาซ้อมเสร็จก็นำผมมาส่งที่เรือนจำ ต่อมาเจ้าหน้าที่เรือนจำเห็นว่า ผมอาการหนัก หากปล่อยทิ้งไว้จะเสียชีวิต จึงส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา โดยแพทย์ได้ทำการผ่าตัดรักษาจนอาการพ้นขีดอันตราย" นายสะสม กล่าวอ้าง

"ญาติไปแจ้งความโดนว่า เค้าไม่เอาตายก็บุญแล้ว"


นายสะสม กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ควบคุมตัวในชั้นสอบสวน ญาติได้พยายามนำเรื่องที่ถูกยัดข้อหา ทำร้ายร่างกายไปแจ้งความกับนายตำรวจคนหนึ่งที่ สภ.อ.เมืองฉะเชิงเทรา แต่ปรากฏว่า นายตำรวจคนดังกล่าวไม่ยอมรับแจ้งความ และยังด่ากลับมาอีกด้วยว่า เขาไม่เอาถึงตายก็บุญแล้ว

ส่วนพฤติการณ์การยัดเยียดข้อหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปส.ทั้ง 6 คนนั้น นายสะสม เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวใช้วิธีล่อลวงด้วยการเข้าไปจับกุมนายสมจิต เพื่อนที่ติดยาบ้า จากนั้นได้บังคับให้ภรรยาของนายสมจิตโทรศัพท์มาหา เพื่อให้ช่วยหาซื้อยาบ้าให้แก่สามีจำนวน 2 เม็ด โดยอ้างว่า สามีกำลังลงแดง เพราะต้องการเสพยาบ้า ทำให้ไม่มีแรงลุกขึ้นทำงานในบ่อเลี้ยงกุ้ง

"ผมเป็นห่วงเพื่อน เห็นว่าเพิ่งจะจับกุ้งไป และกำลังจะลงเลี้ยงกุ้งใหม่ จึงได้หาซื้อยาบ้าไปให้ 2 เม็ด และเดินทางไปยังบ้านของนายแดงด้วยรถจักรยานยนต์ แต่ก็มาถูกตำรวจชุดนี้จับกุม และช่วยกันรุมซ้อม ก่อนจะยัดข้อหาเพิ่มจำนวนยาบ้าอีก 200 เม็ด พร้อมให้ยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้คนอุ้มนายสมภพ หายไปจากหน้าเรือนจำ" นายสะสม กล่าว

"เหตุเพราะเคยร้องเรียน ผวจ.ว่าถูก ตร.อุ้ม"


นายสะสม กล่าวอ้างว่า ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ดังกล่าวยัดเยียดข้อหาเป็นเพราะไม่พอใจที่ก่อนหน้านี้ได้พานายปราชญ์ หิรัญรักษา อายุ 76 ปี บิดาของนายสมภพ ไปร้องเรียนกับนายอานนท์ พรหมนารท ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ว่า บุตรชายถูกตำรวจ ปส.อุ้มหายไปพร้อมแฟนสาว ต่อหน้าประชาชนที่บริเวณหน้าเรือนจำกลางจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่เรื่องดังกล่าวกลับเงียบหายไป ซึ่งที่ผ่านมาได้ถูกข่มขู่ต่างๆ นานา จนกระทั่งมาถูกจับกุม และยัดข้อหาดังกล่าว

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พล.ต.ต.บวร นันทะยาวงศ์ ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ทราบเรื่องที่นายปราชญ์ บิดาของนายสมภพได้มาร้องเรียนว่า บุตรชายหายตัวไป แต่จำรายละเอียดได้ไม่ชัดเจน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกว่าครึ่งปีแล้ว และยอมรับว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แต่อย่างใด

ส่วนเรื่องที่มีผู้กล่าวอ้างว่า ถูกตำรวจยัดยาบ้าให้และจับกุมตัวไปทำร้ายร่างกายนั้น ยอมรับว่า ไม่ทราบเรื่องมาก่อน อีกทั้งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะบุคคลดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดี อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้รายงานเรื่องนี้ให้ทราบ จึงเชื่อว่าน่าจะมีการเข้าใจผิด อย่างไรก็ตามหากผู้ร้องเรียนรู้สึกว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็อยากจะแนะนำให้มาร้องเรียนได้เป็นการส่วนตัว ซึ่งขอยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์