ตำรวจแปดริ้วยิงปะทะผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าบาดเจ็บ1นาย

นำหมายบุกค้นบ้านผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าคนตาย ถูกยิงสวน จ.ส.ต.บาดเจ็บ ระดมกำลังล้อมบ้าน 2 ช.ม.ก่อนเข้ามอบตัวโดยละมุนละม่อม ค้นบ้านพบอาวุธปืน 4 กระบอก

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 20 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา นำหมายศาล บุกเข้าค้นบ้านผู้ต้องสงสัยค้ายาเสพติดและฆ่าคนตาย เกิดการยิงปะทะกับคนร้าย ที่บ่านเลขที่ 57 ม. 9 ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นบ้านพั้กของนายสามารถ แววศร อายุ 55 ปี โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังจำนวน 7 นาย พร้อมหมายศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา แสดงและขอเข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว

ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจค้นนั้น ได้มีเสียงปืนดังขึ้นจากภายในบ้านจนเกิดการยิงปะทะต่อสู้กันจำนวนหลายนัด หลังจากปะทะกัน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ คือ จ.ส.ต.สุริยา ทับแก้ว อายุ 39 ปี ผบ.หมู่ งานสืบสวน สภ.อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กระสุนปืนเจาะเข้าที่ต้นขาขวากระสุนฝังใน จึงรีบนำตัวส่งรักษาที่ โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา

ส่วนนายสามารถ นั้นหลังก่อเหตุแล้วได้วิ่งหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวที่บ้านบ้านเลขที่ 60/2 ม.9 ต.คลองหลวงแพ่ง ซึ่งเป็นบ้านข้างเคียง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 80 เมตร และถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมอยู่เป็นเวลานานกว่า 2 ชม. จนกระสุนปืนหมดโม่ จึงได้ยกมือยินยอมขอเข้ามอบตัว ในเวลา 9.30 น.

นายสามารถ ให้การว่า ระหว่างเกิดเหตุกำลังนอนอยู่ในมุ้งภายในบ้านและต้องมาตกใจสะดุ้งตื่นเมื่อเห็นคนจำนวนหลายคน ถืออาวุธปืนเดินขึ้นมารื้อค้นของภายในบ้าน จึงได้ตัดสินใจยิงปืนใส่เพราะเกรงว่าจะมีคนมาทำร้าย

และไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหมายศาลเข้ามาค้นบ้าน เพราะเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่ได้แต่งเครื่องแบบ ซึ่งตนขอแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ยิงต่อสู้เพราะป้องกันตัว เพราะปกติมีอาชีพทำนา ไม่เคยไปก่อเหตุฆ่าคนตาย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฏหมายมาก่อน โดยอาวุธปืนที่ตำรวจตรวจยึดมาได้จำนวน 3 กระบอกนั้น เป็นปืนมรดกตกทอดในครอบครัว และเป็นปืนที่มีทะเบียนทั้งหมด

"ก่อนหน้านี้หมวดธงชัย ได้เคยออกหมายเรียกไปสอบปากคำเกี่ยวกับคดีฆ่าคนตาย ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งก็ได้ให้ความร่วมมือเดินทางไปให้การและปฏิเสธไปแล้ว ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวแต่กลับมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกเข้ามาค้นบ้านในวันนี้ ซึ่งปกติในบ้านจะอยู่รวมกัน 5 คน มีหลานวัย 1 ขวบเศษอาศัยอยู่ด้วย และบุตรชายอีก 2 คน ร่วมกับตนและภรรยา" นายสามารถ กล่าว

ร.ต.ท.ธงชัย วงษ์บุตรดา พนักงานสอบสวน ผู้ขอหมายค้นศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า จากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย เหตุเกิดเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา และอาจเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฏหมาย จึงได้ขอหมายค้นศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เลขที่ ค.62/2550 ลงวันที่ 19 มี.ค.50 ซึ่งก่อนเข้าตรวจค้นได้แสดงหมายให้คนภายในบ้านรับทราบแล้ว คือ นางลำเพย แววศร ภรรยาและบุตรชายผู้ต้องหา

หลังการตรวจค้นได้ตรวจยึดอาวุธปืนจำนวน 4 กระบอก เป็นอาวุธปืนลูกซองยาวหมายเลขทะเบียน ฉช-1/7715 สภาพด้ามหักครึ่ง 1 กระบอก อาวุธปืนลูกซองสั้นแบบไทยประดิษฐ์หมายเลขทะเบียน ฉช-1/0706 สภาพใช้งานได้ 1 กระบอก ปืนลูกโม่ขนาด .357 หมายเลขทะเบียน กท-1939052 และอาวุธปืนลชูกซองสั้น 5 นัด หมายเลขทะเบียน กท-1861520 ที่ผู้ต้องหาใช้ยิงอีก 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 17 นัด และกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 อีกจำนวน 9 นัด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่นายสามารถ ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบควบคุมตัว ได้มีชาวบ้านส่วนหนึ่งพร้อมผู้ใหญ่บ้าน ได้พยายามเข้ามาเจรจาขัดขวางไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายสามารถขึ้นรถมากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอ้างว่าเกรงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำไปยิงทิ้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.ธีรพล จินดาหลวง ผกก.สภ.อ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้พยายามเข้าเจรจาจนเป็นที่เข้าใจ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาเดินทางมาสอบสวนยัง สภ.อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

ส่วนบ้านของนายสามารถนั้น เป็นบ้านไม้ยกพื้นชั้นเดียวหลังคามุงสังกระสี ภายในบ้านมีกระจกตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของได้รับความเสียหายแตกกระจายเกลื่อนพื้น และจากการยิงต่อสู้กัน ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกระสุนปืนยิงทะลุเสื้อขาดกระจุย ผ่านหน้าท้องไปอย่างเฉียดฉิว อีก 1 ราย คือ ส.ต.อ.วัชรินทร์ อินตะกัน โดยถูกยิงขณะยิงปะทะกันครั้งแรกบนบ้าน ในจังหวะที่ถูกเปิดฉากยิงก่อนและกำลังหลบเข้าหาที่กำบัง

พ.ต.อ.ธีรพล กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ขณะกำลังปฏิบัติการตามหน้าที่ ซึ่งผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่าตกใจและได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจจริง จึงได้นำตัวส่งให้ พ.ต.ต.สมัย

สมจิตร พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ส่วนสาเหตุของการขอหมายศาลเข้าตรวจค้นนั้น เพราะเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า บ้านหลังดังกล่าวมีอาวุธปืนจำนวนมาก และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าคนตายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งหากอาวุธปืนทั้งหมดเป็นปืนมีทะเบียน ก็ให้นำหลักฐานมาแสดงได้