ตำรวจแฉโจรเอทีเอ็มเข้าดูดข้อมูลตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.

คมชัดลึก :ตำรวจแฉขบวนการโจรเอทีเอ็มเข้ามาดูดข้อมูลตั้งแต่เดือนก.พ.-ม.ค. รวม 3 ครั้ง ก่อนนำข้อมูลที่ได้ทำบัตรปลอมไปกดเงิน ระบุ ใช้เวลา 1 วันหอบเงินไปไปให้นายใหญ่ในมาเลย์ก่อนเอารถเช่ามาคืน ล่าสุดเร่งไล่ล่าผู้ร่วมขบวนการอีกคนที่ยังอยู่ในไทย

     
ความคืบหน้ากรณีผู้เสียหาย 20 คน เข้าแจ้งความว่าเงินในบัญชีธนาคารได้สูญหายไป ภายหลังใช้บริการเบิกเงินจากตู้เอทีเอ็ม ธ.กรุงเทพ

ตั้งอยู่บริเวณตลาดอวยชัย 3 หมู่ที่ 4   ต.วังตะกอ   อ.หลังสวน จ.ชุมพร รวมเป็นเงินมากกว่า 3 ล้านบาท กระทั่งตำรวจได้จับกุมคนร้ายชาวมาเลย์เซียขณะกำลังนำรถยนต์คัก่อเหตุที่เช่ามาไปคืนเจ้าของ ล่าสุดตรวจสอบพบมีการเดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้งตั้งแต่ช่วงก.พ.-มี.ค. เพื่อนำเครื่องสกริมเมอร์มาดูดข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม
     
พ.ต.อ.สุพจน์ บุญชูดวง กล่าวว่า จากการสอบสวนนายเถา เป็ก เฮง อายุ 43 ปี  คนร้ายให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ได้ร่วมมือกับนายโก ชิน เฮง ชาวมาเลย์เซีย

นำเครื่องโจรกรรมข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็ม หรือ สกริมเมอร์ มาติดที่ช่องเสียบบัตรตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพฯ บริเวณตลาดอวยชัย พร้อมติดตั้งกล้อง CCTV แบบไร้สายขนาดเล็กซ่อนไว้ในกล่องไว้เพื่อดูรหัสของบัตรเอทีเอ็มแต่ละใบ จากนั้นจะเอากระดาษไปสอดใส่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารทหารไทยและกสิกรไทย ที่อยู่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ไม่สามารถให้บริการได้ จะได้มาใช้บริการเพียงตู่เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพฯเพียงเครื่องเดียว
     
ทั้งนี้เครื่องสกริมเมอร์ จะมีความกลมกลืนโดยที่ลุกค้าธนาคารไม่ทราบว่ากำลังถูกดูดข้อมูล

โดยคนร้ายจะจอดรถอยู่ห่างจากตู้เอทีเอ็มไม่เกิน 200 เมตร เพื่อดูข้อมูลรหัสบัตรเอทีเอ็มแต่ละใบ จากนั้นจะใช้ข้อมูลบัตรจากเครื่องสกริมเมอร์มาทำการปลอมบัตรภายในรถยนต์แล้วทำไปกดเงินสดทันที พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติการเข้าออกประเทศพบว่า คนร้ายได้เข้าประเทศมา 3 ครั้ง ประกอบด้วย วันที่ 6 ก.พ., 20 ก.พ. และวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยเข้ามาเพื่อนำเครื่องสกริมเมอร์มาติดตั้งเพื่อดูดข้อมูลไปไว้ก่อน กระทั่งล่าสุดได้เข้ามาดูดข้อมูลอีกครั้งและเมื่อได้ข้อมูลมากพอจึงได้เดินทางไปจ.สุราษฎร์ธานีเพื่อกดเงินสดออกมา ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความแล้ว 16 ราย รวมวงเงิน 2 ล้านกว่าบาท 
     
สำหรับการถอนเงินนั้น หากบัญชีใดมีเงินจำนวนมาก แต่การกดเอทีเอ็มถูกจำกัดวงเงินไว้วันละ 5 หมื่นบาท

คนร้ายก็จะทำการโอนเงินไปมาระหว่างบัญชีที่ได้ข้อมูลมา แล้วถอนเงินออกมาจนหมด จากนั้นจึงเดินทางกลับไปประเทศมาเลย์เซียนำเครื่องสกริมเมอร์และเงินสดไปเก็บไว้ แล้วเดินทางนำรถยนต์กลับไปคืนผู้เช่ากระทั่งถูกตำรวจจับกุม "มีพยานจำทะเบียนรถของคนร้ายได้ แต่จำได้เพียงเลขทะเบียน 511 ทางตำรวจจึงตรวจสอบข้อมูลจนกระทั่งพบว่าเป็นรถยนต์ของนายสาโรจน์ อยู่ในอ.หาดใหญ่ จึงได้ส่งตำรวจไปเฝ้ากระทั่งคนร้ายนำรถยนต์มาคืนจึงถูกจับตัว แต่เงินของกลางและเครื่องสกริมเมอร์คนร้ายนำไปเก็บไว้ในโรงแรมฝั่งมาเลย์เซียแล้ว ซึ่งทราบว่ามีนายใหญ่อีกคนหนึ่งเป็นชาวมาเลย์เซียร่วมขบวนการนี้ด้วย "
      
พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวอีกว่า คนร้ายถือว่าทำงานอย่างรวดเร็ว เพราะเข้าประเทศมาในวันที่ 6 มี.ค.

เพื่อดูดข้อมูลอีกรอบก่อนเดินทางไปกดเอทีเอ็มที่สุราษฎร์ฯโดยเลือกตู้ที่ไม่มีกล้องวงจรปิด จากนั้นวันที่ 7 มี.ค.ก็นำเงินทั้งหมดไปไว้ในประเทศมาเลเซียแล้ว จากนั้นเช้าวันที่ 8 มี.ค.จึงนำรถที่เช่ามาคืน อย่างไรก็ตามขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งติดตามจับกุมนายโก ชิน เฮง ซึ่งทราบว่ายังอยู่ในประเทศไทย ขณะนี้ได้ประสานตรวจคนเข้าเมืองไว้แล้ว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์