ตะลึง!เศษลวดไหลออกหู แหนบถอนนับได้48เส้น

วันนี้ (30 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดส่งทีมแพทย์ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง

กรณีที่มีข่าวพบเด็กหญิงอายุ 11 ปี รายหนึ่งใน จ.นครนายก มีเศษลวดเส้นเล็กๆ ไหลออกมาจากรูริมใบหู ตรงเหนือทัดดอกไม้ โดยเมื่อประมาณเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ยายของเด็กหญิงคนดังกล่าวได้ใช้แหนบถอนผมดึงลวดออกมาได้ทั้งหมด 24 เส้น มีขนาดยาวเกือบ 2 เซนติเมตร จึงห่อใส่กระดาษ และพาหลานสาวไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่ปรากฏว่าตรวจไม่เจออะไรผิดปกติ หมอให้กลับบ้าน ต่อมาวันที่ 28 ก.ย. เส้นลวดได้ไหลออกมาจากจุดเดิมอีก รวม 24 เส้นเหมือนครั้งแรก แต่ขนาดสั้นกว่าเดิม มีลักษณะแข็งยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร ขณะที่ตัวของเด็กหญิงรู้สึกคันยิบๆ และมีอาการปวดแสบแปลบๆ ที่ใบหู จึงต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ

ล่าสุด นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
 
ได้สั่งการให้ นพ.สมพงษ์ จรุงจิตตานุสนธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครนายก ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย นพ.สมพงษ์ กล่าวว่า ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลนครนายก และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ลงไปตรวจสอบที่บ้านเด็กแล้ว แต่ไม่พบเนื่องจากผู้ปกครองพาไปธุระ จึงให้คำแนะนำและประสานงานกับญาติ เพื่อให้ผู้ปกครองนำเด็กกลับไปรับการรักษาในโรงพยาบาลนครนายกต่อไป


อย่างไรก็ตาม นพ.สมพงษ์ กล่าวว่า
 
เบื้องต้นได้รับรายงานจากโรงพยาบาลนครนายก ว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวคือ ด.ญ.นารีนาถ เผ่าพงศ์ อายุ 11 ปี เคยเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลนครนายก 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2550 ด้วยอาการมีเลือดออกที่ใบหูข้างขวา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหูตรวจพบมีช่องผิดปกติเป็นรูเล็กๆ ตั้งแต่กำเนิด และมีการอักเสบ จึงให้ยาแก้อักเสบ และมาตรวจอีกครั้งเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ได้ให้ยาแก้อักเสบและแก้ปวด หลังจากนั้นได้นัดมาตรวจอีก 10 วัน แต่เด็กไม่มาตรวจตามนัด และไม่มีประวัติการเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลนครนายก ซึ่งภาวะผิดปกติของหูชั้นในแต่กำเนิดนี้ อาจทำให้เกิดการอุดตัน มีการอักเสบได้ง่าย และมีอาการปวด ดังนั้นเมื่อมีการอักเสบต้องรักษาอาการอักเสบให้หายก่อน โดยแพทย์ได้วางแผนไว้ว่าหากเด็กหายอักเสบจะเลาะช่องที่ผิดปกติออก จะทำให้เด็กหายเป็นปกติได้


ส่วนกรณีที่พบเศษลวดออกมาจากรูที่อักเสบนั้น นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครนายก ระบุว่ายังไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เนื่องจากยังไม่พบตัวเด็กและผู้ปกครอง แต่จะติดตามตรวจสอบให้ชัดเจนต่อไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์