ตร.ออกหมายจับมือยิงถนนข้าวสาร

ความคืบหน้ากรณีนายสุรพันธุ์ สิทธิ์สัมพันธ์ อายุ 44 ใช้อาวุธปืนยิงนางยุพดี ลาภานันท์ อายุ 35 ปี อดีตภรรยา นายพลกฤษณ์ กฤตสัมพันธ์ อายุ 19 ปี ลูกชาย และนายอาคม สุโรจน์วงศ์ อายุ 33 ปี เสียชีวิต และยังทำให้นางสาวคาร์ริน มาติดา วีวา อายุ 21 ปี นักท่องเที่ยวชาวสวีเดน ได้รับบาดเจ็บ บริเวณถนนตะนาวตัดกับถนนข้าวสาร แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. เมื่อค่ำวันที่ 4 พฤษภาคมนั้น

ร.ต.ท.กิตติศักดิ์ จันทร์ทอง ร้อยเวร สน.ชนะสงคราม เจ้าของคดี กล่าวเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมว่า ศาลอาญาอนุมัติหมายจับนายสุรพันธ์ มือปืนแล้ว ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นในที่สาธารณะ และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต  ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานแล้ว 4 ปาก รวมทั้งพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุอีก 2 ปาก อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นายสุรพันธุ์ ส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือไปให้ลุง โดยฝากให้ดูแลแม่และจะขอไปชดใช้กรรมที่ก่อไว้

ด้านพ.ต.ต.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนกระจายกำลังกันออกติดตามตัวผู้ต้องหาตามบ้านของญาติ ที่คาดว่าจะหลบหนีไปซ่อนตัว แต่ยังไม่พบตัวแต่อย่างใด คาดว่าคนร้ายจะยังอยู่ในกทม.  ยังไม่ได้หลบหนีออกไปนอกพื้นที่ เชื่อว่าน่าจะติดตามจับกุมตัวได้ไม่ยาก เพราะไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลหรือมือปืนอาชีพแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน ที่ผ่านมา นางยุพดี ได้มาขอลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ชนะสงครามว่า จะขอหย่าขาดจากกันและไม่ให้นายสุรพันธ์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของตัวเองอีก เนื่องจากมีบ้านอยู่ใกล้กัน แต่นายสุรพันธ์ยังตามมางอนง้อที่โรงพัก จนนางยุพดีใจอ่อน ก่อนที่จะเดินทางกลับออกไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ได้แยกกันอยู่มาเป็นเวลา 2 ปี แล้ว เนื่องจากฝ่ายหญิงทนพฤติกรรมของฝ่ายชายที่ชอบใช้ความรุนแรงไม่ไหว กระทั่งวันเกิดเหตุ มีพยานเห็นว่า นายสุรพันธ์ตามง้อนางยุพดีอีกครั้ง แต่นางยุพดี ติดขายของให้ลูกค้าอยู่ ทำให้นายพลกฤษณ์ ผู้เป็นลูกเข้าไปห้ามปรามและผลักอกนายสัมพันธ์ ผู้เป็นพ่อ จึงทำให้นายสัมพันธ์บันดาลโทสะชักปืนออกมาจ่อยิงใส่ทีละคนจนเสียชีวิตดังกล่าว