ตร.ลงแขกล่าโจรปล้นแบงก์กลางกรุง


ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 ก.ค. พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.บก.น.6 เปิดเผยความคืบหน้า

คนร้ายใส่หมวกไหมพรม ควงปืนบุกเดี่ยวเข้าไปชิงทรัพย์ ภายในธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสามย่าน ถนนพระราม 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน ก่อนกวาดเงินสดไปได้ 350,000 บาท ว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่ติดตั้งไว้บริเวณด้านหน้าธนาคารนครหลวงไทย ก่อนที่คนร้ายจะลงมือก่อเหตุนั้น ได้เดินผ่านหน้าธนาคารเพื่อมาดูลาดเลาก่อนหนึ่งครั้ง ในเวลาที่กล้องบันทึกได้คือ 12.44 น. ซึ่งพอจะเห็นหน้าคนร้าย แต่คาดว่าคงไม่สบโอกาสที่จะก่อเหตุ จึงเดินย้อนกลับไป ก่อนจะเดินกลับมาก่อเหตุอีกครั้ง โดยคนร้ายเดินมาจากซอยจุฬาฯ 13 จากการตรวจสอบแล้วพบว่า คนร้ายสวมเสื้อแจ๊กเกตผ้าร่มสีน้ำเงิน คอปกสีแดง


เมื่อขยายภาพในกล้องวงจรปิดแล้ว พบว่า

เสื้อที่คนร้ายสวมใส่ ด้านหลังมีตัวอักษรลายปักอยู่ด้านหลังเสื้อแจ๊กเกต ว่าเป็นของบริษัทกรุงไทย แอ๊กซ่า โดยตนได้สั่งให้ฝ่ายสืบสวนนำภาพสเกตช์ของคนร้าย และภาพจากกล้องวงจรปิดไปประสานกับบริษัทกรุงไทยแอ๊กซ่า เพื่อตรวจสอบว่าเป็นพนักงานในบริษัทหรือไม่ หรือมีใครรู้จักกับคนร้ายหรือไม่ สำหรับเสื้อที่คนร้ายสวมใส่นั้น เมื่อตรวจสอบทราบว่า ทางบริษัทจัดทำแจกให้กับพนักงานภายในองค์กรจำนวน 300 ตัวเท่านั้น

ด้านร.ต.ท.สมเกียรติ รวมเงิน พงส.(สบ.1)สน.ปทุมวัน เจ้าของคดี เปิดเผยว่า

ตนได้เรียกพนักงานของธนาคารและลูกค้ารวม 4 คนมาสอบปากคำและให้สเกตช์ภาพคนร้ายแล้ว ก่อนขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่726/2551 ลงวันที่ 3 ก.ค ออกหมายจับชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 30 ปี ในข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน และกระทำโดยไม่ให้คนอื่นเห็นหน้าหรือจดได้ ซึ่งบุคคลทั้ง 4 คนยืนยันว่าภาพสเกตช์คนร้ายที่ออกมานั้น ใกล้เคียงกับคนร้ายที่ก่อเหตุ

เวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 2 บช.น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. เรียกประชุมด่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบงานฝ่ายสืบสวน ประกอบด้วยพล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 ศูนย์สืบสวน บช.น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.น.1-9 และฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน ท้องที่เกิดเหตุคนร้ายปล้นธนาคาร

พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวก่อนการเข้าประชุมว่า
 
เชิญผบก.น.6 และผกก.สน.ปทุมวัน พร้อมทีมงานตลอดจนหัวหน้าศูนย์สืบสวน และผกก.สส.น.1-9 มาหามาตรการป้องกัน เนื่องจากนครบาลห่างเหินคดีประเภทนี้ไป ไม่ใช่เพราะเกียจคร้าน แต่เนื่องจากมีภารกิจอื่นแทรกซ้อนเข้ามา แต่ก็จะพยายามแบ่งกำลังส่วนหนึ่งในการป้อง และอีกส่วนหนึ่งในการปราม จะทำทั้งป้องและปราม ควบคู่กันไป คดีที่เกิดเหตุในท้องที่ สน.ปทุมวัน เราจะไม่ให้เพียง สน.ปทุมวัน และกก.สส.น.6 ทำเพียงลำพัง จะใช้วิธีการสืบสวนแบบโบราณ คือการลงแขก ทุกหน่วยทุกกองสืบจะต้องลงมาช่วยกันทำงานคลี่คลายคดีนี้ จึงเรียกผกก.ทุกกองสืบ และหัวหน้าศูนย์สืบมาประชุมพูดคุยกัน เพื่อให้เสนอความคิดของแต่ละกองแต่ละคน ใครมีแนวความคิดแบบแผนที่ดีก็จะเอามาแลกเปลี่ยนกัน

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์