ตร.นัดจนท.เชฟโรเลตร่วมตรวจรถพร้อมพฐ.

ตร.นัดจนท.เชฟโรเลตร่วมตรวจรถพร้อมพฐ.


ตร.นัดจนท.เชฟโรเลตร่วมตรวจรถพร้อมพฐ.

กรณี น.ส.กอบกาญจน์ วิชรัตน์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการฝ่ายอะไหล่ บริษัท เชฟโรเลต (ประเทศไทย) จำกัด ขับรถเก๋ง เชฟโรเลต สีขาว รุ่น CRUZE ป้ายแดง พุ่งตกลงมาจากลานจอดรถชั้นที่5อาคารรสา ทาวเวอร์ ซอยพหลโยธิน19 เมื่อหัวค่ำ วันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา จนทั้งร่างและรถกระแทกพื้นด้านล่างคนขับเสียชีวิตคาที่อย่างปริศนานั้นพื้นที่สน.พหลโยธินตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
 

ความคืบหน้าวันที่ 4 ต.ค.ด้านร.ต.อ.ธนกฤต วรรณโชติ พงส.(สบ1) สน.พหลโยธินเจ้าของคดีกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ประสานทางบริษัทเชฟโรเลตแล้วเพื่อให้ร่วมตรวจสอบสภาพรถคันเกิดเหตุ ซึ่งตอนนี้นำมาไว้ที่สน.พหลโยธิน ทางบริษัทเชฟโรเลตจะให้คำตอบในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ว่า จะสามารถเดินทางมาร่วมตรวจสอบได้ในวันไหน ซึ่งหากได้กำหนดการที่แน่นอน ตนจะได้แจ้งทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจากสถาบันนิติเวชร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก็จะหาผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถยนต์มาร่วมด้วย ทั้งนี้จากการสอบปากคำเพื่อนร่วมงานก็ไม่พบว่ามีปัญหาใด อีกทั้งก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายก็กำลังขับรถจะกลับบ้านพักที่ซอยพหลโยธิน 32 ไม่ได้มีนัดจะไปที่ไหน สำหรับประเด็นที่ได้ก็พบเพียงว่า พึ่งขับรถเป็นได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น และยังขับรถไม่ชำนาญ
 

ร.ต.อ.ธนกฤตกล่าวต่ออีกว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดนั้น พบว่าผู้ตายไม่ได้ขับรถเร็วผิดปกติ แต่จะว่าใช้ความเร็วเท่าใดนัก ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานวิเคราะห์จากภาพวงจรปิด ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าจะใช้เวลาเท่าใด สำหรับจุดเกิดเหตุหลังจากที่ได้ขึ้นไปตรวจสอบพบว่า จุดเกิดเหตุเป็นที่จอดรถ แต่มีการเอากรวยมาตั้งไว้ข้างหน้า และก่อนจะถึงกำแพงผนังตึก ก็มีตัวหนอนยาวไว้กันรถพุ่งหลุดไปด้วย สำหรับทางวนลงนั้น ก็เป็นทางวนลงตามปกติเหมือนห้างทั่วไป แต่จากจุดเกิดเหตุ หากวนรถลงมาจากชั้นอื่น แล้วไม่เลี้ยวซ้าย แต่พุ่งตรงไปก็จะตรงไปยังจุดที่ตกทันที ทั้งนี้สำรวจเกียร์รถพบว่า เลื่อนไปที่ตัว P จริง แต่สัญลักษณ์เกียร์ระดับต่าง ๆ หลุดออกไป อีกทั้งเบรกมือก็ดึงค้างไว้ ส่วนเข็มไมล์ก็ค้าง แต่ตนไม่ทราบว่าตัวเลขความเร็วเท่าใด เพราะเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเป็นผู้ตรวจ ทำให้ตอนนี้ยังไม่สามารถให้คำตอบของสาเหตุที่ผู้ตายขับรถพุ่งตกจากตึกดังกล่าว ต้องรอผลสรุปจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานอีกครั้งหนึ่ง


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์