“ดำรงค์” แฉทัวร์ต่างชาติเปิบพิสดารกิน “ซาซิมิจู๋ช้างสด”

วันนี้ (24 ม.ค.) ที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรชาติและสิ่งแวดล้อม
 
มีการประชุมเรื่องแนวทางการจัดการปัญหาช้างป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยมีหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 41 แห่งทั่วประเทศเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ได้มีการให้หัวหน้าอุทยานฯ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ที่มีปัญหาเรื่องช้างป่าและความขัดแย้งระหว่างช้างป่ากับคนอย่างรุนแรง เช่น อุทยานฯ แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เขตษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การแก้ปัญหาช้างป่าและแนวทางปฎิบัติที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่


โดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน กล่าวว่า ขบวนการล่าช้างมีมานานเป็นสิบๆ ปี

ก่อนที่ตนจะมาเป็นหัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจานเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2551 เดิมทีเป็นการล่าเฉพาะลูกช้างเท่านั้น และทำร้ายแม่เพื่อเอาลูก  แต่ขณะนี้มี 4 รูปแบบ คือ ล่าเอาลูกช้าง ล่าเอางา ล่าเอาอวัยวะซึ่งพบว่าเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2553 และรูปแบบสุดท้ายคือทั้งล่าเอางาและอวัยวะ โดยแก๊งล่าช้างมีอาวุธเหนือกว่าเจ้าหน้าที่  2-3 เท่า ภัยคุกคามเรื่องช้างเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ คิดว่ามีช้างตายในป่าทั่วประเทศเดือน 1 ตัวด้วยซ้ำ เพราะมีคำสั่งซื้อเข้ามามาก  แต่ไม่เคยมีการวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน เรื่องเหล่านี้เราไม่ควรอายหรือบิดบังเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งบางพื้นที่อาจจะปิดบังเนื่องจากกลัวความผิดที่ปล่อยให้สัตว์ป่าถูกฆ่าตาย

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตนทำเรื่องนี้มา 3 ปี รู้หมดว่าในขบวนการใครเป็นใคร คนเหล่านี้เป็นพวกมืออาชีพแต่ไม่มีอาชีพ

และมีคนที่มีอิทธิพลเป็นฝ่ายส่งอาวุธ และยาสลบมาให้ ขบวนการนี้ไปไกลเกินกว่าที่เราจะคาดการณ์ ทั้งนี้ตนยืนยันว่ามีแต่กรมอุทยานฯ กับกรมป่าไม้เท่านั้นที่ทำหน้าที่ปกป้องสัตว์ป่าและทรัพยากรป่าไม้ ไม่เห็นมีหน่วยงานอื่นมาช่วย โดยเฉพาะตำรวจเรามีพยานหลักฐานผู้กระทำผิดทุกอย่าง แต่เมื่อนำไปยื่นให้กับตำรวจกลับปล่อยให้หลุด แต่กลับออกหมายจับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ แทน และบอกว่าฝ่ายนั้นบริสุทธิ์


“ดำรงค์” แฉทัวร์ต่างชาติเปิบพิสดารกิน “ซาซิมิจู๋ช้างสด”

นายชัยวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาเกิดจากการอพยพเข้ามาอยู่ในพื้นที่แก่งกระจานของชนกลุ่มน้อย 

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2554 ที่ผ่านมาตนได้ทำหนังสือถามถึงนายอำเภอว่ามีคนเข้ามาอยู่ในพื้นที่ใหม่ได้อย่างไร 70 คน โดยเป็นชาวกระเหรี่ยงจาก อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี  ซึ่งได้รับคำตอบจากอำเภอว่าให้อยู่ได้โดยความเห็นชอบของผู้นำชุมชนที่รับเป็นลูกบ้าน คนที่เดือดร้อนในเวลานี้เป็นคนจากพื้นที่อื่นที่สวมสิทธิ์เข้ามาอยู่ ไม่ใช่คนในพื้นที่จริงๆ ที่เดือดร้อน เมื่อมาอยู่ก็ไม่มีอาชีพ อยู่ไปอยู่มาก็พากันทำบัตรประจำตัวบุคคลบนพื้นที่สูง ซึ่งทราบว่าต้องใช้เงินอย่างน้อยคนละ 2 หมื่นบาทเป็นอย่างต่ำ  คนเข้ามาอยู่บ้านตน  จะไม่บอกตนได้อย่างไร  

“ผมภูมิใจที่เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานฯ  ขอยืนยันว่าพวกเราไม่มีใครทรยศต่อวิชาชีพ เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจพบปื่นอาก้าก็มาถามลูกน้องว่าใครใช้ปืนอาก้าบ้าง ทั้งๆ ที่กรมอุทยานฯ ไม่มีปืนชนิดนี้ใช้ ขณะนี้อาวุธสงครามมาจากพม่าเต็มไปหมด ขณะนี้ขบวนการล่าช้างใหญ่โตมากมีเครือข่ายเส้นสาย เจ้าหน้าที่ต้องตั้งรับให้ดี ไม่อย่างนั้นช้างหมดป่าแน่  ที่สำคัญตนอยากขอร้องเจ้าหน้าที่อุทยานฯ อย่าไปโพสต์ด่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ด้วยกันเอง เพราะทำให้คนทำงานเสียกำลังใจ องค์กรเราต้องสร้างความเข้มแข็ง อย่าโพสต์ข้อความกันไปเรื่อย” นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้นโยบายแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับช้างป่า

โดยกล่าวว่า ขอให้หัวหน้าอุทยานฯและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ไปดำเนินการเรื่องช้าง 3 ข้อ คือ 1.ให้ทำโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการบริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยเหลืออาหารช้างป่าแห่งประเทศไทยพร้อมหมายเลขบัญชีคือ 039-0-35626-3 ธนาคารกรุงไทย สาขาพหลโยธิน 39 โดยให้ขึ้นป้ายใหญ่ๆให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในอุทยานฯหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้รับทราบว่ามีโครงการนี้ อย่างไรก็ตาม ห้ามตั้งกล่องรับบริจาค หรือเดินเรี่ยไรเงินอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นข้อครหาติฉินนินทา

“ล่าสุดนั้นพบว่ามีผู้บริจาคมาแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 307,000 บาท ยังไม่รวมเงินบริจาคของคนในกรมอุทยานฯ สำหรับผมแล้ว ตั้งใจจะมอบเงินเดือนของตัวเองครึ่งหนึ่งสมทบกองทุนด้วย และขอให้หัวหน้าหน่วยร่วมบริจาคคนละ 500 บาทด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ได้บังคับ แล้วแต่วาสนาของช้าง” นายดำรงค์ กล่าว

นายดำรงค์ กล่าวว่า ข้อ 2.ให้ไปประชาสัมพันธ์กับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และประชาชนที่อาศัยอยู่รอบพื้นที่อุทยานฯและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

เรื่องกองทุน เพื่อนำไปจ่ายค่าชดเชยเกี่ยวกับพืชผลการเกษตรที่เป็นอาหารช้าง ว่า กรมอุทยานจะจ่ายค่าชดเชยค่าพืชไร่ที่ถูกช้างกินตามราคาตลาด และในราคาที่เป็นธรรม ที่สำคัญ ขอกำชับว่า อย่าได้ไปสมรู้ร่วมคิดกับชาวบ้านเพื่อโกงเงินกองทุน เช่น ช้างกินพืชผักไปไม่กี่ต้น แต่บอกกิน 5 ไร่  ถ้าจับได้ หรือมีรายงานขึ้นมา จะมีโทษคือ ไล่ออกสถานเดียว เพราะฉะนั้นอย่าหากินกับกองทุนอาหารช้าง 3.ในพื้นที่อุทยานฯและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่มีช้างป่าจำนวนมาก ให้หัวหน้าทุกพื้นที่ไปทำรายชื่อพรานที่ล่าสัตว์ป่า ไม่เฉพาะช้าง และเมื่อรู้แล้วให้ไปเตือนว่าให้หยุดกระทำ 2 ครั้ง ถ้าไม่หยุดกรมอุทยานฯจะมีมาตรการที่เด็ดขาดกับบุคคลเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ถ้าอยู่ในพื้นที่แล้วไม่รู้ว่าชาวบ้านคนไหนเป็นพรานล่าสัตว์ และหากมีการล่าสัตว์ป่าไม่หยุด จะมีผลต่อตำแหน่งหน้าที่การงานของหัวหน้าคนนั้นทันที โดยเฉพาะ ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี ต้องดูให้ดี เพราะมีช้างมากกว่า 380 ตัวในป่า ที่สำคัญ จุดดังกล่าวเป็นจุดที่มักจะมีการตกลงซื้อขายลูกช้าง เนื่องจากอยู่ในใกล้กรุงเทพมากที่สุด

อธิบดีกรมอุทยานฯกล่าวต่อว่า มาตรการทั้ง 3 ข้อ ขอให้เข้มงวด ถ้าหัวหน้าคนใดอยากจะได้ใครมาเป็นผู้ช่วยให้เสนอมา

รวมทั้งงบประมาณถ้าขาดก็ให้เสนอมาได้ เพราะขณะนี้ กรมอุทยานฯได้สนธิกำลังกับทหารกองทัพภาคที่ 1 ในการไล่ล่าขบวนการล่าช้าง โดยจะออกทำงานร่วมกันตลอดเวลา ปัญหาการล่าช้างป่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในเวลานี้ โดยเฉพาะเป็นการฆ่าเพื่อเอาชิ้นส่วน หรืออวัยวะช้างมากิน ขอให้ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) ไปตรวจตรวจสอบร้านอาหารต่างๆใน จ.ภูเก็ต ว่าภัตตาคารใด มีอาหารที่ทำมาจากช้างขาย ถ้าเจอจะถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง

“การฆ่าช้างเวลานี้โหดเหี้ยมและทรมานช้างมาก มีการใช้ปืนยิงยาสลบลูกช้าง เพื่อที่จะพรากลูกช้างออกจากแม่ช้าง ส่วนตัวแม่ช้างเพื่อเอางา และงวง ถ้าเป็นตัวผู้ก็เอาอวัยวะเพศ ตัดส่งภัตตาคาร ห้ามทำทำให้ช้างตายก่อน  เอาไปเฉือนสดเป็นชิ้นบางๆแล้วกินเหมือนซาซิมิ เพราะความเชื่อว่าจะมีพลังทางเพศเหมือนช้างสาร  ส่วนลูกช้างที่ถูกยิงยาสลบก็ให้พรานนำไปฝึกก่อนจะนำมาพบกับผู้ซื้อ จากนั้นก็เอาเข้าโรงเรียนสอนเต้นรำ สอนวาดรูป ซึ่งอยู่ใน จ.ชลบุรี  เมื่อลูกช้างจบหลักสูตรราคาค่าตัวก็จะแพงขึ้น จาก 3-5 แสนบาท พุ่งไปถึง 1 ล้านบาททีเดียว เพราะฉะนั้นให้สังเกตตามปางช้างมีลูกช้างเกิดใหม่เต็มไปหมด” นายดำรงค์ กล่าว.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์