ดต.ดับศพที่ 3 ล่ามือปืนโหด สังหารหมู่ตร.

จากกรณี ด.ต.โกสินทร์ มั่นพรหม ผบ.หมู่ ป.สภ. พระนครศรีอยุธยา จ.ส.ต.ปรีดา จ้อยจุฑา และ ส.ต.ต.ศิลา แหวนเงิน ตำรวจสังกัดเดียวกัน พร้อมทั้งนายธวัชชัย ตันศิริ อาสาสมัครตำรวจชุมชน

นำหมายศาลเข้าจับกุมนายอัครพล สำเภา อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาคดีข่มขืนและปล้นทรัพย์ ขณะย้อนกลับมาเยี่ยมญาติเนื่องในเทศกาลปีใหม่ ที่บ้านเลขที่ 24/3 หมู่ 5 ต.ขยาย อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา พบนายอัครพลตั้งวงกินเหล้ากับนายปราโมทย์ หาเรือนศรี อายุ 18 ปี และนายอานนท์ ช่างปุ อายุ 20 ปี แต่นายอัครพลกลับพวกต่อสู้ขัดขืน แล้วยิงตำรวจทั้ง 3 นายฟุบลง เป็นเหตุให้ ส.ต.ต.ศิลา ตายคาที่ จ.ส.ต.ปรีดาไปเสียชีวิตที่ รพ.ศูนย์พระนครศรีอยุธยา ด.ต.โกสินทร์ถูกส่งไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ส่วนนายอัครพลกับพวกเผ่นหนีไปได้นั้น
 

ความคืบหน้าการล่าตัวมือปืนฆ่าตำรวจเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 ม.ค.

ที่ บก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เชิญญาติตำรวจเหยื่อกระสุน มาหารือเรื่องการจัดงานศพนาน 1 ชั่วโมง จากนั้น พล.ต.ต.นเรศเปิดเผยว่า ด.ต.โกสินทร์ที่ถูกส่งไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อตอนเช้า ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยารับเป็นเจ้าภาพงานศพตำรวจทั้ง 3 นาย ที่วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา และจะทำเรื่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อปูนบำเหน็จความดีความชอบอย่างเต็มที่ เบื้องต้นได้มอบเงินช่วยเหลือญาติผู้ตายรายละ 20,000 บาท
 

ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนทราบว่า

บ้านเกิดเหตุเป็นของนางวันดี แสงศรี ยายของนายอัครพล ก่อนเกิดเหตุนายอัครพลกับพวกราว 6 คน นั่งกินเหล้าอยู่ในศาลาหน้าบ้าน ตำรวจเหยื่อโหดทั้ง 3 นาย ถือหมายจับเดินเข้าไปถามหานายอัครพล โดยไม่ทันสังเกตว่านายอัครพลนั่งอยู่ในวงด้วย ทันใดนั้นนายอัครพลก็กระโดดออกจากวง ชักปืนที่พกมากระหน่ำยิงใส่ตำรวจในระยะประชิด โดยที่ตำรวจไม่มีโอกาสต่อสู้ ซึ่งขณะนี้ได้ออกหมายจับนายอัครพลในข้อหาฆ่าเจ้า พนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ส่วนนายอานนท์ ช่างปุ ตำรวจได้เชิญตัวมาสอบสวนเมื่อคืนที่ผ่านมาให้การว่า นายอัครพลเป็นคนยิงเพียงคนเดียว ส่วนนายปราโมทย์ทราบว่ามีหมายจับของ สภ.พระนครศรีอยุธยา ในข้อหาพยายามฆ่า เมื่อปี 2548 สำหรับนายอัครพลมือปืนโหดมีหมายจับของ สภ.พระนครศรีอยุธยา ในข้อหาข่มขืนเมื่อปี 2548 และข้อหาปล้น พยายามฆ่า เมื่อปี 2549 ซึ่งได้ระดมกำลังตำรวจติดตามไปที่บ้านญาติ คนใกล้ชิด และหากใครแจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมคนร้ายได้ ตำรวจจะขอขอบคุณและมีรางวัลตอบแทนให้ด้วย
 


ต่อมาเวลา 12.20 น. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผช.ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พร้อมด้วยนายสมเกียรติ วงษา น้าชาย ด.ต.โกสินทร์ มั่นพรหม เดินทางมารับศพ ด.ต.โกสินทร์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โดยศพของ ด.ต.โกสินทร์อยู่ในชุดข้าราชการตำรวจ ถูกบรรจุลงโลงศพสีขาว มีธงชาติคลุมอย่างสมเกียรตินำขึ้นรถตู้เดินทางไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อรับศพ จ.ส.ต.ปรีดา จ้อยจุฑา และ ส.ต.ต.ศิลา แหวนเงิน นำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร โดยมีนางอรอุมา จ้อยจุฑา อายุ 30 ปี ด.ช.วีรชา จ้อยจุฑา อายุ 5 ขวบ และ ด.ญ.จรจิรา จ้อยจุฑา อายุ 5 เดือน ภรรยาและลูกของ จ.ส.ต.ปรีดา และนางเฉลิม แหวนเงิน อายุ 68 ปี แม่ ส.ต.ต.ศิลากับญาติๆ มารอรับศพด้วยอาการโศกสลด ซึ่งนางอรอุมากล่าวทั้งน้ำตาว่าเสียใจที่ต้องสูญเสียสามีไป แต่ก็ภูมิใจที่สามีปฏิบัติหน้าที่อย่างสมเกียรติ
 

จากนั้น พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผช.ผบ.ตร. เปิดเผยว่า

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. กำชับให้จัดงานศพอย่างสมเกียรติ และดูแลให้ดีที่สุด ส่วนการให้การช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตครั้งนี้ จะได้รับเงินค่าฌาปนกิจศพเบื้องต้นรายละ 550,000 บาท และจะเลื่อนตำแหน่งให้ผู้เสียชีวิต 7 ขั้น 5 ชั้นยศ เพราะถือว่าเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ สำหรับลูกตำรวจผู้เสียชีวิต เมื่อจบปริญญาแล้วหากอยากเป็นตำรวจ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะบรรจุให้ 1 คน
  

ผช.ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนการติดตามจับกุมคนร้าย ผบ.ตร.มอบหมายให้ พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ.1 เร่งรัดจับกุมให้ได้

เพราะพฤติกรรมคนร้ายโหดเหี้ยมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปจับกุมตามหมายจับ ซึ่งจะต้องจับกุมตัวให้ได้ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ถ้ามีการต่อสู้ขัดขวางก็ให้ดำเนินการเฉียบขาดภายใต้ขอบเขตของกฎหมายทันที และได้มีการสั่งการให้ตำรวจที่จะเข้าจับกุมคดีใดก็ตาม ต้องระมัดระวังตัวเองมากขึ้น เพราะขณะนี้ผู้กระทำความผิด มีแนวโน้มที่จะต่อสู้ขัดขวางการจับกุมมากขึ้น จึงต้องปรับปรุงในวิธีการของตำรวจ นอกจากนี้ ทาง พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร. (ฝ่ายสืบสวนปราบปราม) จะเข้า พื้นที่เกิดเหตุพร้อมวางแนวทางในการจับกุมคนร้ายด้วย
 

บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผช.ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต. นเรศ นันทโชติ ผบก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา

เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 24/3 หมู่ 5 ต.บ้านขยาย อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม พบนายอนุสรณ์ สำเภา อายุ 43 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.บ้านขยาย และนางรัตนา สำเภา พ่อแม่ของนายอัครพล มือปืนเหี้ยม อยู่ภายในบ้าน จึงได้สอบถามถึงเบาะแสของนายอัครพล และขอความร่วมมือให้เกลี้ยกล่อมนายอัครพล เข้ามอบตัว จากนั้น พล.ต.อ.วงกตและคณะ ได้เรียกชุดสืบสวน ศสส.ภ.1 บก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา มาประชุมวางแนวทางล่าตัวคนร้ายที่ บก.ภ.จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีชุดสืบสวนกองปราบปรามร่วมประชุมด้วย
 

พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า

ได้ตั้งทีมไล่ล่าทั้งหมด 7 ชุด ออกตามหานายอัครพลและนายปราโมทย์ ตามแหล่งที่สงสัยว่าเป็นแหล่งกบดาน ซึ่งนายอนุสรณ์ สำเภา พ่อมือปืนยืนยันว่า จะให้ความร่วมมือในการตามตัวนายอัครพลมาดำเนินคดี ซึ่งตนได้สั่งให้ตำรวจทุกนายระวังตัวในการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าพบคนร้ายคงยิงต่อสู้แน่นอน ไม่ยอมให้จับง่ายๆ สำหรับบำเหน็จความดีความชอบของตำรวจที่เสียชีวิต โดย ด.ต.โกสินทร์ ได้เลื่อน 7 ชั้นยศ เป็น พ.ต.ท. จ.ส.ต.ปรีดา เลื่อน 5 ชั้นยศ เป็น พ.ต.ต. และ ส.ต.ต.ศิลา ได้เลื่อน 5 ชั้นยศ เป็น ร.ต.ต.
 

เย็นวันเดียวกัน ที่ศาลา 7 วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร

พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบช.ภ.1 ร่วมเป็นประธานรดน้ำศพตำรวจเหยื่อโหดทั้ง 3 นาย มีญาติๆ เพื่อนข้าราชการตำรวจ และประชาชนที่ทราบข่าวนับพันคนมาร่วมไว้อาลัย บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสลด โดยจะมีการสวดอภิธรรมศพไปถึงวันที่ 4 ม.ค. และจะประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 5 ม.ค.นี้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์